อิสราเอล ประเทศที่ถือได้ว่ามีความก้าวหน้าในการสร้างสตาร์ทอัพระดับโลก ตั้งแต่สตาร์ทอัพด้านการเกษตร สตาร์ทอัพด้านการแพทย์  ไปจนถึงสตาร์ทอัพการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง  และในเวทีฟอรั่มของงาน STARTUP X INNOVATION THAILAND EXPO 2021  ทาง Dr.Itai Kela, Head of the Healthtech Sector in the Israel Innovation Authority (IIA) หรือ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติของอิสราเอล ได้มาแชร์ประสบการณ์แนวทางการพัฒนา DeepTech Startup ทั้งด้านการกำหนดนโยบาย วิสัยทัศน์ งบประมาณในการสนับสนุนของภาครัฐ เพื่อพัฒนาให้เกิด ecosystem ที่เหมาะสมต่อการพัฒนา MedTech โดยเฉพาะ National BIO-Convergence Program ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่  ที่ผสานรวมระหว่างวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาการคอมพิวเตอร์ และชีววิทยา ก่อให้เกิดการก้าวกระโดดอย่างไร้ขีดจำกัดในวงการแพทย์ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอิสราเอลให้รุดหน้าอย่างรวดเร็ว

ก้าวแรกแห่งการพัฒนาวิศวกรรมยาตัวใหม่

          ซึ่งจะเน้นส่งเสริมการวิจัยในระดับเล็กและกลางให้ขยายตัวเป็นภาคอุตสาหกรรมที่ใหญ่ขึ้น ร่นระยะเวลาในกระบวนการการวิเคราะห์ผลให้สั้นลง เพิ่มศักยภาพในการผลิตที่ฉับไว นำไปสู่การอนุมัติยาใหม่จากอย.จากทั่วโลกได้เร็วขึ้น เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพในอนาคตที่เราอาจจะคาดไม่ถึง โดยมีเทคโนโลยีที่สำคัญอย่าง AI เข้ามาช่วยเป็นองค์ประกอบหลัก เช่น บริษัท Moderna ที่ AI ช่วยวิเคราะห์จีโนมของไวรัส ทำให้สามารถผลิตวัคซีนหรือยารักษาโรคอุบัติใหม่ได้ภายใน 48 ชม. และสามารถกระจายไปใช้ทั่วโลกได้ภายในเวลา 1 ปี

ก้าวที่สอง พัฒนาการบำบัดด้วยเซลล์และยีนส์

          นอกจากที่อิสราเอลจะให้ความสำคัญกับการพัฒนายาเพื่อเตรียมพร้อมในการป้องกันและรักษาโรคอุบัติใหม่ของอนาคตแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการรักษาบำบัดโรคเดิมหรือโรคที่แทบไม่มีโอกาสจะหายด้วย ซึ่งในขณะนี้ได้มีการพัฒนางานวิจัยไปในระดับยีนส์และสร้างเซลล์ขึ้นมาใหม่ นำไปสู่การพิมพ์อวัยวะทดแทน หรือว่าเนื้อเยื่อสังเคราะห์ด้วยเครื่องปริ้นสามมิติ ซึ่งเทคโนโลยีชีวสังเคราะห์นี้สามารถพิมพ์ได้ แม้กระทั่งเรติน่าของดวงตา ที่ในอนาคตเราอาจจะไม่เห็นคนตาบอดหรือคนพิการบนโลกอีกต่อไป และยังมีการพัฒนาในการใช้ Nana Robotics หุ่นยนต์ขนาดจิ๋วเพื่อนำส่งยาไปที่จุดใดของร่างกายหรือเนื้อเยื่อใดได้ แม้แต่การผ่านเนื้อเยื่อในส่วนของ Brain Barrier ที่ก้านสมองก็ตาม ทำให้รักษาเนื้องอกหรือมะเร็งตามจุดต่างๆได้อย่างแม่นยำ ซึ่งสามารถระดมทุนเข้าประเทศจากการทำ DEEPTECH ได้มากเป็นสิบเท่าในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี

ก้าวที่สาม พัฒนาสู่ระบบวิศวกรรมธรรมชาติ

          การทำ DEEPTECH ในช่วงที่สามนี้ จะเน้นการนำความรู้ที่ได้จาก BIO-Convergence ไปต่อยอดสู่อุตสาหกรรมอื่นๆนอกจากวงการแพทย์ด้วย ทั้งในด้านของพันธุวิศวกรรม เช่น การสร้างวงจรไบโอชิพที่มาจากสารพันธุกรรม ไบโอเซ็นเซอร์ ไบโออิเล็กทรอนิกส์เมดิซีนที่จะฝังอยู่ในร่างกาย เพื่อคอยกระตุ้นให้ร่างกายในจุดต่างๆที่มีปัญหาหรือเสื่อมสภาพสามารถสร้างหรือซ่อมแซมตัวเองได้ตลอดเวลา ลดอัตราการป่วยและเสียชีวิตของมนุษย์ รัฐบาลอิสราเอลเห็นความสำคัญทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการแพทย์อย่างมาก ได้ใช้งบประมาณถึง 30% ของงบประมาณทั้งหมดกว่า 4Trillion ในการลงทุนและพัฒนาด้าน DEEPTECH อย่างต่อเนื่องกว่า 3-5 ปี ถึงได้มีการก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีด้านการแพทย์ขนาดนี้และหวังว่าไทยเองก็จะเป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์ที่ยอดเยี่ยมในการที่จะพัฒนาหลายๆอย่างในอนาคตด้วยกัน

          อิสราเอลพร้อมอ้าแขนต้อนรับทุกบริษัทนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่มีไอเดียไม่ว่าจะเป็นด้านเกษตร, พลังงาน, อาหาร, สิ่งแวดล้อม และอื่นๆ มาร่วมพัฒนาและทำวิจัยเชิงลึก เพื่อตอบรับวิสัยทัศน์ของรัฐบาลอิสราเอลที่ต้องการพุ่งเป้าขึ้นสู่ผู้นำด้าน MedTech ตัวจริงในอีก 10 ปีข้างหน้า