“บิ๊กตู่” นั่งหัวโต๊ะประชุมยุทธศาสตร์ชาติ ลั่นเพื่อนำพาประเทศไปข้างหน้า “ธนกร” แจงที่ประชุมเคาะ 406 โครงการในปี 2566 หวังพลิกโฉมประเทศไทยในเวลาที่เหลืออยู่ ก่อนส่งมอบความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป “จุรินทร์” ฟุ้งสมองไหลก่อนหน้านี้คัมแบ็ก สอบถามชาวบ้านแล้ว ปชป.มีแต่ขาขึ้น "บิ๊กน้อย” ปัดมาตีกัน “บิ๊กตู่” ยึด พปชร. แจงมาช่วย "2 ป." แพลมกำลังร่างยุทธศาสตร์ตั้งเป้าทำให้ ส.ส.เป็นหนึ่งเดียว ไม่มีกลุ่มก๊วน เตรียมสู้ศึกเลือกตั้งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง “เพื่อไทย” เชื่อยังมีอาฟเตอร์ช็อก หลังประชุมพรรคพลังประชารัฐที่ไม่มีการปรับโครงสร้าง
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 2/2564 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวช่วงต้นการประชุมว่า วันนี้เป็นการหารือร่วมกันในการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติของเรา ทำตามวิสัยทัศน์ว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศชาตินั้นมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ทั้งนี้ไทยจำเป็นต้องมีแผนหลักในการดำเนินการ ทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่เช่นนั้นเราจะเดินไปคนละทิศคนละทางไปข้างหน้า ทำให้หลายอย่างนั้นเชื่องช้า
ภายหลังการประชุม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า ในที่ประชุมนายกฯ ย้ำว่าตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ประเทศไทยจำเป็นต้องมีแผนหลักที่จะเดินไปข้างหน้าในระยะเวลา 5 ปี อย่างสอดประสานต่อเนื่อง ด้วยการบูรณาการทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ที่ต้องการ คือการเพิ่มรายได้ให้ประเทศ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ลดความเหลื่อมล้ำ ลดความยากจน ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีรายได้สูง ด้วยการพลิกโฉมประเทศไทยภายในเวลาที่รัฐบาลยังทำหน้าที่อยู่ และส่งมอบความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไปในอนาคต
“นายกฯ ย้ำความสำคัญของการจัดทำโครงการสำคัญที่ต้องตอบโจทย์ความต้องการในระดับพื้นที่ ภายใต้การบูรณาการทั้งจากส่วนกลางและหน่วยงานระดับพื้นที่จะเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จ รวมทั้งต้องมีการรายงานผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานของหน่วยงานที่มีความชัดเจน และเป็นรูปธรรมตามกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนด เพื่อป้องกันความซ้ำซ้อนและลดความไม่โปร่งใส นำไปสู่ความคุ้มค่าของการใช้เงินงบประมาณต่อไป”
นายธนกรกล่าวว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการได้พิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการสำคัญประจำปี 2566 ที่ส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (ปี 2566-2570) รวม 406 โครงการ ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 18 พ.ค.64 รวมทั้งงบประมาณที่ต้องรองรับการดำเนินโครงการสำคัญประจำปีงบประมาณ 2566 เพื่อนำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ในการจัดทำโครงการสำคัญของประเทศ ตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติในช่วงปี 2566-2570 ได้อย่างเป็นรูปธรรมบนฐานข้อมูลเชิงประจักษ์ต่อไป
ปชป.ฟุ้งสมาชิกกลับมา
“ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงาน ของศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) ซึ่งนายกฯ ได้เน้นย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ โดยได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตามแนวทางอย่างเคร่งครัด และบูรณาการเพื่อให้กลุ่มคนจนเป้าหมายและกลุ่มคนเปราะบางได้รับความช่วยเหลือและพัฒนาที่เหมาะสมต่อไป”นายธนกร กล่าว
วันเดียวกัน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ชี้แจงกรณีอดีต ส.ส.ของพรรคหลายคนลาออกไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นในช่วงการเลือกตั้งปี 2560 และจะกลับมาสังกัดพรรค ปชป.หลังแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นว่า มีอดีต ส.ส.ของพรรคหลายคนประสงค์กลับมา และหลายคนได้กลับมาสมัครเป็นสมาชิกเรียบร้อยแล้ว โดยอดีต ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ที่ลาออกไปนั้นได้มอบหมายให้นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ในฐานะรักษาการรองหัวหน้าพรรค เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการตามแนวทางที่พรรคมอบหมาย เดินหน้านำเลือดใหม่ไหลเข้าเลือดเก่าไหลกลับ
“จากการลงพื้นที่ทุกภาค ประชาชนและหลายๆ คนพูดตรงกันว่า ปชป.กำลังเดินขึ้นไม่ใช่เดินลง ทำให้ ส.ส.เก่าหลายคนกลับพรรค และคนรุ่นใหม่ก็มาร่วมงานกับพรรคมากขึ้น และยืนยันว่าพร้อมนำพรรค ปชป.ไปรับใช้ประชาชนในอนาคต และมั่นใจว่าพรรคมีผลงานเป็นที่ประจักษ์” นายจุรินทร์กล่าว
นายจุรินทร์ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคการเมืองขนาดเล็กกำลังระดมรายชื่อ เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตีความการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบในวาระที่ 3 ว่าเป็นขั้นตอนที่ดำเนินการได้ ซึ่งอาจเป็นผลดีที่ทำให้เรื่องใดที่ยังค้างคาใจได้หมดไป และทำให้ชัดเจนว่าเป็นไปโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่ส่วนตัวก็มั่นใจแล้วว่า กระบวนการต่างๆ ได้ดำเนินการโดยชอบจนผ่านวาระที่ 3 แล้ว และขณะนี้พรรคได้ตั้งคณะทำงานชุดหนึ่งเพื่อยกร่างพระราชบัญญัติแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เพื่อให้เนื้อหากฎหมายสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ 1 และเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขมีผลใช้บังคับแล้ว พรรคก็พร้อมเดินหน้าแก้ไขกฎหมายประกอบต่อได้ทันที โดยเฉพาะการแก้ไขหมายเลขผู้สมัครเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครของพรรคทั้งหมดมีเบอร์เดียวกันทั้งประเทศตามที่พรรคเพื่อไทย (พท.) เสนอ
“ไม่กังวลต่อกรณีที่พรรคการเมืองฝ่ายค้านเตรียมยื่น ป.ป.ช.เพื่อตรวจสอบรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา แม้จะมีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ ในฐานะเลขาธิการพรรค ปชป. เพราะนายเฉลิมชัยสามารถชี้แจงได้ครบถ้วนทุกประเด็น”นายจุรินทร์ ล่าว
'บิ๊กน้อย' ปัดมาตีกัน 'บิ๊กตู่'
ด้าน พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค พปชร.ว่า สำหรับตนแล้วไม่มีอะไรเลยจริงๆ ที่มารับตำแหน่งนี้เพราะต้องการมาช่วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร. เพราะว่าเป็นพี่ที่ตนรักและทำงานด้วยมาตลอด จนหลังตนเกษียณราชการ ตนก็ช่วยงานท่าน แล้วมาครั้งนี้ท่านขาดคนทำงานที่เป็นคนที่มองตาก็รู้ใจ ตนไม่ได้หวังตำแหน่งอะไรในอนาคตเลย ไม่มี
เมื่อถามถึงข่าวว่าจะมาตีกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.วิชญ์กล่าวว่า ไม่เป็นความจริงเลย ตรงกันข้ามตนมาช่วยทั้ง พล.อ.ประวิตรและ พล.อ.ประยุทธ์ทำงาน ในการประสานกับ ส.ส.พปชร.กับฝ่ายการเมือง ยืนยันว่า พล.อ.ประวิตรและ พล.อ.ประยุทธ์ยังรักใคร่กันดี เป็นพี่น้อง และจะร่วมมือในการทำงานทั้งในรัฐบาลและงานการเมืองด้วยกันต่อไป
เมื่อถามว่า มีการมองว่า พล.อ.วิชญ์ดูจะไม่สันทัดในทางการเมือง เพราะไม่ใช่คนในวงการการเมือง พล.อ.วิชญ์กล่าวยอมรับว่าใช่ แต่ตนมาด้วยใจ ใจที่อยากจะช่วยงาน พล.อ.ประวิตร และใจที่อยากจะช่วยพรรคพลังประชารัฐให้เกิดความรักใคร่กลมเกลียว เป็นหนึ่งเดียว มุ่งสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งทั้ง พล.อ.ประวิตรและ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งสองคนรักใคร่กัน ไม่มีเรื่องของความขัดแย้งใดๆ เพราะพี่น้องมีอะไรก็คุยกันได้
พล.อ.วิชญ์กล่าวว่า ตนกำลังร่างยุทธศาสตร์พรรคอยู่ โดยตั้งคณะทำงานขึ้น มีเป้าหมายคือการทำให้ ส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐรักกัน รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ไม่แบ่งเป็นพวก กลุ่ม ก๊วน และตนเชื่อว่าด้วยความที่ทุกคนให้ความเคารพรัก พล.อ.ประวิตร ก็จะสามารถเดินหน้ากันต่อไปได้ ซึ่งเป้าหมายของเราคือการเตรียมพร้อมในการสู้ศึกเลือกตั้ง และให้ชนะการเลือกตั้งเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง
เมื่อถามถึงความสัมพันธ์กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค พปชร. พล.อ.วิชญ์กล่าวว่า รู้จักกันมานานแล้วตั้งแต่สมัย ร.อ.ธรรมนัสอยู่กับ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก เพราะตนเป็นเพื่อนกับ พล.อ.ไตรรงค์ จึงทำงานด้วยกันได้
เชื่อยังมีอาฟเตอร์ช็อก
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวถึงภาพการประชุมพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ว่า แสดงให้เห็นถึงความพยายามของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าที่จะแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของพรรคที่แท้จริง เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายของ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาก้าวก่ายแทรกแซงหรือยึดครองพรรค เหมือนดังคำกล่าวที่ว่าสงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร พล.อ.ประยุทธ์อาจคิดว่าปลดเลขาธิการพรรค เหรัญญิกพรรคออกจากความเป็นรัฐมนตรีแล้วทุกอย่างจะจบ ซึ่งคดีพลิกเมื่อหัวหน้าและเจ้าของพรรคตัวจริงไม่ยอมปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคใหม่ แต่เลือกตั้ง พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา มาเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค ทั้งที่รู้กันก่อนหน้านี้ว่าตำแหน่งดังกล่าวถูกวางไว้ให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ควันหลงจากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจจึงยังไม่จบ และจะเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายครั้ง รัฐบาลนี้ไม่มีทางอยู่จนครบเทอมได้แน่นอน
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กในประเด็นเดียวกันว่า เสือบาดเจ็บอย่าง ร.อ.ธรรมนัสยังยึดถ้ำของตนอยู่ต่อ ไม่คิดเปลี่ยนถ้ำใหม่ให้วุ่นวาย และเจ้าของถ้ำเลือกเสือตัวนี้ เพราะที่ผ่านมาได้อาศัยเสือคุมสิงสาราสัตว์อื่นๆ ได้ผลดี แถมยังหาอาหารมาแบ่งปันกันได้ โดยถ้ำนี้จะใหญ่โตขึ้นหากยังมีเสือตัวนี้อยู่ และเมื่อมีเสือธรรมนัส ก็ย่อมไม่มีเสือประยุทธ์ เพราะภาษิตโบราณกล่าวไว้ชัดเจน เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เดินหมากผิดตาเดียวพ่ายทั้งกระดาน
ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา ในฐานะเลขาธิการพรรค พท. กล่าวถึงความคืบในการดำเนินการต่อ ส.ส.ที่ไม่ปฏิบัติตามมติพรรคในการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ภายหลังคณะกรรมการวินัยและจริยธรรมพรรคมีมติขับไล่นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ และนางพรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานีออกจากพรรค ว่ากำลังหาวันที่เหมาะสมเพื่อประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.พรรค เพื่อให้สมาชิกพรรคใช้เสียง 3 ใน 4 โหวตว่าจะให้พ้นจากสมาชิกพรรคหรือไม่ คาดว่าจะประชุมประมาณกลางเดือน ต.ค.นี้ ส่วน 5 ส.ส.ที่เหลือพรรคได้เคลียร์ใจพร้อมว่ากล่าวตักเตือนแล้ว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |