ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" www.thaipost.net อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่เห็น! "บิ๊กป้อม" เล่นใหญ่จัดเต็ม โชว์ฉากรักกันหวานชื่นอวดสื่อไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ผู้นำพลังประชารัฐสวมบทกำราบแกนนำ ส.ส. สมาชิกทั้งหลายให้สามัคคี ห้ามแตกก๊ก ก๊วน มุ้ง แถมยังคึกประกาศเลือกตั้งครั้งหน้าจะกวาดที่นั่งในสภาไม่น้อยกว่า 150 เก้าอี้ โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พ่อบ้านพรรค คลอเคลียอยู่ไม่ห่าง ถึงจะเว้นระยะนิดนึง ไม่ประชิดเหมือนครั้งก่อนๆ แต่สิ่งที่เลขาฯ คู่ใจการันตีในที่ประชุมว่าจะอยู่ พปชร.เป็นบ้านหลังสุดท้าย นายก็สบายใจแล้ว จบข่าวน้อยใจไปสร้างรังใหม่ แต่เบื้องหลังเบื้องลึกเหมือนหนังคนละม้วน แว่วมาจากสายที่ไม่เอาธรรมนัส ตั้งคำถามว่า "แล้วหลังจากนี้จะอยู่กันอย่างไร" เพราะ "บิ๊กตู่" ไม่น่าจะยอมจบเพียงเท่านี้ แม้จะปลด ร.อ.ธรรมนัสพ้น ครม.ไปแล้วก็ตาม หนำซ้ำการที่ ร.อ.ธรรมนัสยังทำหน้าที่พ่อบ้านพรรค จะทำให้การประสานงานระหว่าง "บิ๊กตู่" กับพรรคพลังประชารัฐมีปัญหา และอาจจะเกิดปัญหาซ้ำเดิมขึ้นอีกแน่ อย่าลืมว่าเวลานี้ ร.อ.ธรรมนัสเองก็สร้างศัตรูในพรรคไว้ไม่ใช่น้อย ยิ่งวันนี้เดินคนละทางกับสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และ ผอ.พรรค เจ้าของตึกที่ทำการพรรคคนปัจจุบัน หรือ "เสี่ยเฮ้ง" สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่ไม่ถูกกันตั้งแต่ซักฟอกครั้งก่อน รวมไปถึงกลุ่มสามมิตร อีกก๊วนใหญ่ของพรรค ถึงบิ๊กป้อมปากบอกว่าจะไม่เปลี่ยนเลขาฯ พรรค แต่ก็รู้ปัญหานี้ดี เพราะฉะนั้นก่อนถึงการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคประมาณเดือนตุลาคม อะไรก็ยังเกิดขึ้นได้ และหากจะเปลี่ยนจริงๆ ก็คงไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามของ ร.อ.ธรรมนัสขึ้นมาเป็นใหญ่ หรือคนที่ถูกระแวงว่าเป็นสายให้กับ พล.อ.ประยุทธ์เช่นกัน แต่อาจจะเลือกคนกลางๆ มานั่งทำหน้าที่นี้แทน

            ๐ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องเปิดประเทศ หรือเปิดเมืองกรุง เอาแค่แง้มทำเนียบรัฐบาลไปช่วงต้นกันยายนที่ผ่านมา ขนาดจำกัดสื่อมวลชนแต่ละค่ายแค่ 2 ทีม ยังปิดแทบไม่ทัน หลังเจอนักข่าวติดโควิด ทั้งที่บรรดาสื่อเพิ่งจะได้เหยียบทำเนียบฯ แค่ 2 สัปดาห์ในรอบเกือบ 2 เดือน ย้อนกลับไปในช่วงสายวันที่ 14 ก.ย. พอสำนักโฆษกฯ ได้รับแจ้งว่ามีนักข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งแจ้งผลตรวจ ATK ว่าติดเชื้อ ในช่วงสายๆ ผอ.สำนักโฆษกฯ รีบแจ้งผ่านไลน์ให้สื่อทำเนียบฯ รับรู้ทั่วกัน พร้อมทั้งบอกให้อยู่ในรังกระจอก (ห้องผู้สื่อข่าว) ก่อนจะแจ้งอีกรอบว่าขอความร่วมมือให้ออกจากทำเนียบฯ ทันที และงดเข้าทำเนียบฯ จนถึง 26 ก.ย. โดยทุกคนจะกลับเข้ามาอีกครั้งต้องมีผลตรวจ ATK มาแสดงด้วย ส่วนภารกิจนายกฯ ที่ลงพื้นที่ สำนักโฆษกฯ ก็ให้งดติดตามเช่นกัน คราวนี้รังแทบแตก เก็บข้าวของ อุปกรณ์ทำงานกันแทบไม่ได้ เก็บไปก็ผวาไปว่ากรูจะติดมั้ยน้อ พอแยกย้ายแล้วส่วนใหญ่ก็กักตัวดูอาการ ใครเสี่ยงสูงก็วิ่งหา ATK เอามาตรวจกันจ้าละหวั่น ยอดล่าสุดติดแล้วรวม 5 คน มีทั้งนักข่าว ช่างภาพ ผู้ช่วย แต่ใช่ว่าจะมีแค่สื่อที่กลัว เพราะนายกฯ รองนายกฯ รัฐมนตรี ก็เสี่ยงไม่แพ้กัน ล่าสุด "บิ๊กตู่" โล่ง ผลตรวจหาเชื้อเป็นลบ รวมถึงบิ๊กป้อมและรัฐมนตรีคนอื่นๆ ด้วย ที่จะมีการตรวจโควิดตามวงรอบปกติทุกสัปดาห์อยู่แล้ว แต่สถานการณ์แบบนี้ไว้ใจใครยาก "ดิสทัต โหตระกิตย์" เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ออกประกาศสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ ขอให้สื่อมวลชนงดปฏิบัติหน้าที่ภายในพื้นที่ทำเนียบฯ ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.-30 ก.ย.64

            ๐ ถ้าไม่เกิดคดี “ผกก.โจ้” พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ และพวกร่วมกันซ้อมทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเสียชีวิต เชื่อได้ว่าการออกกฎหมายป้องกันการอุ้มหาย-ซ้อมทรมานคงล่าช้าอย่างมาก เพราะเรื่องนี้ผลักดันมาตั้งแต่ยุค คสช. แต่ก็ถูกดึงเรื่องซื้อเวลา มาถึงรัฐบาลชุดนี้ผ่านมาสองปีกว่าก็ไม่ได้มีท่าทีจะขยับอะไร จนกระทั่งมาเกิดคดี ผกก.โจ้ขึ้น ทำให้กระแสเรียกร้องเลยดัง จนรัฐบาลและวิปรัฐบาลต้องเร่งเพื่อลดกระแสสังคม เลยทำให้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติเอกฉันท์รับหลักการร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.... ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรีและพรรคการเมือง เช่น ประชาธิปัตย์-พลังประชารัฐรวมทั้งสิ้น 4 ฉบับ ด้วยคะแนน 368 เสียง และมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างดังกล่าว ประกอบด้วยตัวแทนคณะรัฐมนตรีและพรรคการเมืองต่างๆ รวม 25 รายชื่อ โดยมีชื่อที่น่าสนใจ เช่น "สมบัติ บุญงามอนงค์" บ.ก.ลายจุด ที่เคลื่อนไหวไล่นายกฯ อยู่ตอนนี้ นั่ง กมธ.โควตาพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาการออกกฎหมายฉบับนี้ต่อไป เพราะมีกระแสข่าวว่าอาจมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเนื้อหาบางอย่างให้ตรงกับคนมีอำนาจในปัจจุบันต้องการ เช่น การจะไม่ให้ทหารที่ถูกสอบสวนเอาผิดคดีอุ้มหายไปขึ้นศาลอาญาปกติ แต่จะให้ขึ้นศาลทหาร ทำให้พวกนักกฎหมาย เอ็นจีโอทั้งหลายรู้ข่าวถึงกับร้องอุทาน...

ลี้คิมฮวง