ต้องเรียกว่า “ปี่กลองทางการเมือง” ดูเหมือนจะได้เชิดชิ่งในเร็วๆ นี้แน่นอน เพราะดูเหมือนสัญญาณต่างๆ เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะถือไพ่ 2 ใบ ทั้งไพ่การลาออกและไพ่ตายอย่างการยุบสภา ผู้แทนราษฎรอยู่ในมือคนเดียว ซึ่งไพ่ใบแรกนั้นเชื่อว่าไม่มีอยู่ในหัวของ “ลุงตู่” แน่นอน ส่วนไพ่ใบที่สองนั้นต้องบอกว่าก็ขึ้นอยู่กับ “บิ๊กตู่” จะถอดใจ หรือ ทนทู่ซี้อยู่ในระบบการเมืองไทย ที่ไม่ว่าจะยุคก่อนโควิด-19 หรือยุคนิวนอร์มอล ก็ยังมีปรากฏการณ์ไทยแลนด์โอนลีเหมือนเดิมนั่นแล ...๐

ที่บอกว่า “ปี่กลองทางการเมือง” เริ่มเชิดนั้น เพราะล่าสุดได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 แล้ว และในเร็วๆ นี้ก็ จะมีการเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งประเดิมที่องค์การบริหารส่วนตำบล และเชื่อว่าหลังจากการเลือกตั้ง อบต.ผ่านพ้นไป ก็จะถึงคิวของ กทม. และเมืองพัทยา โดยเฉพาะ “พ่อเมือง” และบรรดา “ส.ก.-ส.ข.” ทั้งหลาย เชื่อว่าหากเลือกตั้ง อปท.ทั้งหลายทั้งมวลเสร็จสิ้น รวมถึงกฎหมายลูกที่จะต้องออกมาล้อกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยบัตร 2 ใบด้วยแล้ว เชื่อว่า ภายในปีหน้าเราอาจต้องเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งก็เป็นได้ เพราะรัฐนาวาเรือแป๊ะนี้คงไม่อยู่จนครบวาระในปี 2566 แน่นอน ขอฟันธง ...๐

พูดเรื่องบัตร 2 ใบแล้วก็ได้แต่สงสารบรรดาพรรคเล็ก และบรรดา ส.ส.ปัดเศษทั้งหลาย ที่พยายามจะดิ้นเฮือกสุดท้ายด้วยการเสนอญัตติให้สภาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ซึ่งงานนี้ก็คงเป็นไปตามที่ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย (พท.) มองขาดนั่นแลว่า คงเอวังด้วยประการฉะนี้ ในเมื่อรัฐสภาลงมติวาระ 3 ไปแล้ว สภาจะหาเรื่องส่งให้ศาลตีความการทำงานของตัวเองไปทำไม ...๐

ก็เข้าใจบรรดา ส.ส.พรรคเล็ก เพราะมองซ้ายมองขวาแล้ว ไม่มีใครมาร่วมลงชื่อให้ครบตามกำหนด “ก้าวไกล” ของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ที่เคยออกตัวตอนแรกๆ ที่ดูเหมือนเข้าทางพรรคเล็ก แต่สุดท้ายก็โบกมือลา เพราะ “ก้าวไกลและก้าวหน้า” ปลุกความเชื่อมั่นว่าจะแลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งครั้งใหม่ได้ เพราะคุมหัวใจ “กลุ่ม Gen-Z” หรือผู้ที่เกิดหลังยุค 2540 ได้ โดยดูได้จากการปั่นและปลุกในโลกออนไลน์ แต่แหม! บัตร 2 ใบนั้นขอบอกว่าการจะหวังพุ่งแค่ “Gen-Z” อย่างเดียวระวังจะตกม้าตายเหมือนการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านๆ มานะจ๊ะ ...๐

ที่สำคัญดูเหมือน 3 เกลอก้าวหน้าในช่วงนี้อาจต้องมีการ ประกาศตามหาคนหาย ไม่ว่าจะเป็น “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” “ปิยบุตร แสงกนกกุล” หรือแม้แต่ “น้องช่อ” พรรณิการ์ วานิช ต่างทำตัวโลว์โปร์ไฟล์กันถ้วนทั่ว หรืออาจเป็น “นกรู้” ว่าสารพัดคดีเก่า (ใหม่) กำลังรอเช็กบิลอยู่หรืออย่างไรไม่ทราบ จึงทำให้ “แก๊ง 3 เกลอ” พยายามทำตัวลีบ โดยให้ “แก๊ง 3 กีบ” ที่นับวันก็เริ่มเปลี๋ยนไป๋เรื่อยๆ ขยับเขยื้อนออกหน้าไปก่อน ...๐

เอ่ยถึงเรื่องการเมืองไม่เอ่ยอ้างถึงการสับขาหลอกในพรรคพลังประชารัฐก็ไม่ได้ เพราะดูเหมือนพายุเริ่มสงบแล้ว หลังจาก “น้องตู่” มาพะเน้าพะเนอ “พี่ป้อม” จึงทำให้ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐที่ยอมแบกสังขารนั่งหัวโต๊ะประชุม ส.ส.พรรคล่าสุด ประกาศจะพา ส.ส.พลังประชารัฐเข้าสภา 150-200 ที่นั่งในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ในขณะเดียวกัน “มือทำงาน” อย่าง “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรค ก็กลับลำแล้วว่าจะอยู่บ้านหลังนี้เป็นหลังสุดท้าย เพราะในเมื่อนายยังรักอยู่ ซึ่งก็เหมือนเป็นการส่งสัญญาณไปถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่คงไม่ได้ดำเนินการในเร็วๆ นี้ อาจมีการขยับ “ธรรมนัส”รวมถึง “นฤมล” ให้ใหญ่ขึ้นทั้งในระดับกระทรวง และอาจถึงระดับรัฐมนตรีว่าการก็เป็นได้ เพื่อให้สมกับศักดิ์ศรีของ “เลขาธิการพรรค” ที่จะต้องต่อสู้ทั้งบนดินและใต้ดินในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในครั้งหน้า ...๐

นอกจากนี้การเปิดตัว “พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” หรือบิ๊กน้อย นั่งประธานยุทธศาสตร์พรรคก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะ “บิ๊กน้อย” แม้เป็นคนสนิท “ลุงป้อม” แต่ก็เรียกว่าเป็นมือทำงานเช่นกัน ที่สำคัญยังเคยตกเป็นข่าวว่าอาจ เป็นนายทหารผู้นำการรัฐประหารมาแล้ว โดย “พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล” หรือ เสธ.แดง เพื่อนร่วมรุ่น และ “ประชา ประสพดี” ส.ส.สมุทรปราการ และแกนนำคนเสื้อแดงเป็นคนวาดภาพไว้ ที่สำคัญ “บิ๊กน้อย” ยังเคยคั่วตำแหน่ง ผบ.ทบ.ต่อจาก “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มาแล้ว แต่ท้ายที่สุดเก้าอี้ก็ไปตกยัง “น้องตู่” ที่ปัจจุบันเป็นนายกฯ นั่นเอง งานนี้ก็ไม่รู้ว่าบรรดาพี่ๆ จะอุ้มสมน้องตู่อีกระลอก หรือจะมีตัวเลือกใหม่ๆ หรืออาจอยากลองนั่งเก้าอี้ผู้นำดูซักครั้ง คงต้องติดตามอีกไม่ไกลเท่าใดนักก็จะได้รู้ ...๐

ท.ศักดิ์