ประเพณีการล่าวาฬและโลมาของหมู่เกาะแฟโรโดนสื่อสังคมออนไลน์วิจารณ์อย่างรุนแรงเมื่อวันอังคาร หลังจากมีรายงานว่าโลมาแถบขาวแอตแลนติกโดนไล่ต้อนมาฆ่าหมู่เป็นสถิติมากกว่า 1,400 ตัวในวันเดียว

แฟ้มภาพ การล่าวาฬนำร่องของชาวหมู่เกาะแฟโร (Getty Images)

    รายงานเอเอฟพีอ้างคำชี้แจงของโฆษกรัฐบาลหมู่เกาะแฟโร ซึ่งเป็นดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก เมื่อวันอังคารที่ 15 กันยายน ว่าไม่ต้องสงสัยเลยว่าการล่าวาฬของชาวแฟโรเป็นภาพสะเทือนใจสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการล่าและฆ่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม กระนั้น การฆ่าของที่นี่ได้รับการจัดระเบียบอย่างดีและควบคุมอย่างเต็มที่

    โฆษกรัฐบาลหมู่เกาะแฟโรกล่าวอีกว่า ตามประเพณีนั้น หมู่เกาะแอตแลนติกเหนือ ซึ่งมีประชากรราว 50,000 คนแห่งนี้ จะล่าวาฬนำร่อง ไม่ใช่โลมา

    นักล่าวาฬจะใช้วิธีการล่าที่เรียกว่า "grindadrap" โดยนำเรือประมงโอบล้อมวาฬเป็นรูปครึ่งวงกลมแล้วต้อนฝูงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเหล่านี้เขามาในอ่าวเพื่อให้เกยตื้นแล้วฆ่า ฮัลลูร์ อาฟ รานา นักข่าวทีวีท้องถิ่น กล่าวว่า โดยปกติจะมีโลมาหลุดเข้ามาใน grindadrap ไม่กี่ตัว ปกติแล้วพวกเขาไม่ได้ฆ่าโลมาจำนวนมากขนาดนี้

    อย่างไรก็ดี ภาพถ่ายที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียที่เผยชายหาดสีแดงฉานด้วยซากที่เต็มไปด้วยเลือดของโลมาแถบขาวแอตแลนติกมากกว่า 1,000 ตัว ทำให้ผู้ใช้โซเชียลมีเดียโกรธกันมาก

    อาฟ รานา กล่าวว่า ถึงแม้ว่าราวร้อยละ 53 ของประชากรจะคัดค้านการล่าวาฬด้วยวิธีนี้ แต่พวกเขาไม่มีแผนจะเลิกใช้ประเพณีการล่าดังกล่าว ทางการหมู่เกาะแฟโรยืนกรานว่ามันเป็นวิธีการล่าที่ยั่งยืน

    มูลนิธิ ซีเชพเพิร์ด ที่รณรงค์ต่อต้านการล่าวาฬและโลมา กล่าวถึงวิธีการล่าแบบนี้ว่าป่าเถื่อน

    ตามการประเมินของคนท้องถิ่น มีวาฬนำร่องประมาณ 100,000 ตัวในทะเลรอบหมู่เกาะแฟโร และปีที่แล้วมีวาฬนำร่องโดนฆ่าประมาณ 600 ตัว.