นอกจากจะต้องไม่ประมาทขณะขับขี่แล้ว การเลือกประกันรถยนต์ก็จัดเป็นอีกหนึ่งเรื่องน่าปวดหัวไม่แพ้กัน เพราะนอกจากจะมีรายละเอียดยิบย่อยแล้ว ประกันแต่ละประเภทก็ให้การคุ้มครองที่แตกต่างกัน ซึ่งความแตกต่างในส่วนนี้ก็จะส่งผลต่อราคาและค่าเบี้ยประกันภายหลังอีกด้วย และหนึ่งในคำถามที่คนมีรถหลาย ๆ คนต้องสับสนเป็นประจำก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องการต้องเลือกทำประกันระหว่างประกันรถยนต์ชั้น 1 และประกันรถยนต์ 2+ เพราะหากดูเผิน ๆ แล้ว ประกันทั้ง 2 ประเภทนั้นมีเงื่อนไขที่คล้ายคลึงกัน แต่กลับมีเบี้ยประกันที่ต่างกันอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วจริง ๆ แล้ว คนมีรถควรเลือกซื้อประรถยนต์แบบไหน จะลองพิจารณาประกันรถยนต์ 2+ ดีไหม ถ้าอยากรู้คำตอบแล้ว ก็มาดูไปพร้อมกันเลย!

รู้จักประกันชั้น 1 ก่อน

          ประกันรถยนต์ชั้น 1 นั้นถือเป็นประกันที่ครอบคลุมความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นทั้งกับชีวิต รถยนต์ และผู้ใช้ท้องถนนได้มากที่สุด โดยส่วนใหญ่แล้ว ประกันหลาย ๆ เจ้าจะออกเงื่อนไขประกันชั้น 1 มาเพื่อรองรับผู้ขับขี่ที่ยังไม่ชำนาญมาก และสามารถคุ้มครองแบบครบครันสำหรับรถยนต์ที่มีอายุไม่เกิน 10 ปี โดยส่วนใหญ่แล้ว ประกันชั้น 1 จะไม่เหมือนประกันรถยนต์ 2+ ในเรื่องของรายละเอียดความคุ้มครอง เช่น ประกันชั้น 1 จะรับผิดชอบทั้งรถยนต์ตัวเอง รถยนต์คู่กรณี และที่สำคัญ หากเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี เช่น เผลอถอยรถยนต์ชนกำแพงก็จะยังได้รับการคุ้มครองอยู่ หรือถ้าหากสูญหาย หรือเกิดไฟไหม้ก็ยังได้รับการคุ้มครองเช่นกัน ซึ่งถือว่าเหมาะกับมือใหม่และคนรักรถที่ต้องการสร้างความอุ่นใจในการขับขี่จริง ๆ

แล้วประกันรถยนต์ 2+ เป็นแบบไหน?

          แต่ถ้าหากใครพอที่จะมีความชำนาญในการขับรถยนต์ และต้องการประหยัดงบประมาณเรื่องของประกันรถยนต์ไปใช้ในส่วนอื่นที่จำเป็นกว่า ประกันรถยนต์ 2+ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย โดยประกันตัวนี้จะให้ความคุ้มครองเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เช่น คุ้มครองในกรณีรถชนกันเท่านั้น หรือคุ้มครองในกรณีสำคัญ เช่น การสูญหาย ไฟไหม้ และซ่อมรถของคู่กรณี เป็นต้น ซึ่งหากมองดูแล้ว ประกันรถยนต์ 2+ ก็สามารถให้การคุ้มครองที่ครอบคลุมไม่แพ้ประกันชั้น 1 เลยทีเดียว แต่ประกันตัวนี้จะมีค่าเบี้ยที่ถูกกว่า และสามารถประหยัดเงินในส่วนนี้ไปใช้ในส่วนอื่นได้ดีกว่า

ควรเลือกประกันตัวไหนดี?

          หากใครกำลังสับสนไม่รู้จะเลือกประกันชั้น 1 หรือว่าประกันรถยนต์ 2+ ดี นอกจากอายุของรถยนต์แล้ว อย่างแรกที่ควรพิจารณา คือ ประสบการณ์ในการขับขี่ เพราะถ้าหากมีประสบการณ์น้อย การมีประกันชั้น 1 ก็สามารถคุ้มครองได้อย่างครอบคลุมมากกว่า และเมื่อพิจารณาประสบการณ์การขับขี่เรียบร้อยแล้ว สิ่งต่อมาที่ต้องไตร่ตรองให้ละเอียดถี่ถ้วนก็คือ งบประมาณที่มีให้กับประกันรถยนต์ ซึ่งหากใครมีงบจำกัด แต่ต้องการการคุ้มครองที่ครอบคลุม การเลือกประกันรถยนต์ 2+ ก็อาจจะตอบโจทย์ความต้องการได้มากกว่านั่นเอง

          เมื่อรู้แบบนี้แล้ว เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเปรียบเทียบประกันรถยนต์ที่นำมาฝากนี้จะช่วยให้ทุกคนได้เลือกประกันที่เหมาะกับรถยนต์ และความต้องการของตัวเอง แต่ไม่ว่าจะเลือกซื้อประกันแบบใด ก็อย่าลืมตั้งสติก่อนสตาร์ทและขับรถยนต์โดยไม่ประมาทนะ