สายตรง สี จิ้นผิง - โจ ไบเดน: ‘จงเคารพความกังวลกันและกัน’


เพิ่มเพื่อน    

เมื่อวานผมเขียนถึงบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ กับสี จิ้นผิงของจีน เพื่อหาทาง “แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง”
    แต่การพูดคุยยาว 90 นาที (รวมเวลาล่ามแปล) เมื่อวันที่ 10  กันยายนที่ผ่านมา เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการต่อรองระหว่างสองผู้นำมหาอำนาจเท่านั้น
    ถือได้ว่าเป็นการหยั่งเชิงและประเมินท่าทีกันก่อน 
    เพราะเป็นการนั่งลงพูดคุยกันอย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังจากไบเดนรับตำแหน่งประธานาธิบดีพร้อมท่าทีที่แข็งกร้าวกับจีนในหลายประเด็น
    นอกจากสีจะบอกโจว่า หากต้องการจะยกระดับความสัมพันธ์ของสองประเทศให้มีความสดใสมากกว่านี้นั้น จะต้องอยู่บนพื้นฐานของการ  “เคารพในข้อกังวลของกันและกัน”
    นั่นแปลว่า สีเห็นว่าโจไม่สนใจข้อร้องเรียนของจีนที่ว่า อเมริกามักจะพูดและทำอะไรที่ไม่สนใจว่าเรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่อง “ละเอียดอ่อน" สำหรับปักกิ่งเลย
    จึงทำให้การ “เคลียร์ใจ” กันอย่างจริงใจนั้นเกิดขึ้นได้ยาก
    สี จิ้นผิงอธิบายให้โจ ไบเดนฟังถึงจุดยืนของจีน ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและประเด็นอื่นๆ 
    ด้วยการเน้นการยึดมั่นในเส้นทางพัฒนาที่ให้ความสำคัญทางนิเวศวิทยาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 
    และยืนยันว่า จีนได้แสดงความรับผิดชอบที่สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศตนในระดับนานาชาติมาโดยตลอด “บนพื้นฐานของการเคารพต่อข้อกังวลหลักของกันและกัน และการจัดการความแตกต่างอย่างเหมาะสม”
    จีนบอกว่า พร้อมจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศเดินหน้าเจรจาต่อรอง และส่งเสริมการประสานงานและความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และประเด็นสำคัญระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค
    โจ ไบเดนบอกสี จิ้นผิงว่า โลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
    เป็น "ความสัมพันธ์ทวิภาคีที่สำคัญที่สุดในโลก"
    ผู้นำวอชิงตันบอกว่า สิ่งที่สหรัฐฯ และจีนทำหรือไม่ทำนั้นย่อมส่งผลอย่างมากต่ออนาคตของโลก 
    ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลใดที่ทั้งสองประเทศจะตกอยู่ในความขัดแย้งอันเนื่องมาจากการแข่งขัน 
    โจย้ำว่า อเมริกาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนจุดยืนว่าด้วย “นโยบายจีนเดียว” ที่ปักกิ่งยืนหยัดว่าเป็นหลักสำคัญที่สุดมาตลอด
    โจย้ำว่าสหรัฐฯ ยินดีที่จะเดินหน้าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับจีนอย่างตรงไปตรงมาและสร้างสรรค์มากขึ้น 
    ทั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อกำหนดประเด็นสำหรับความร่วมมือระหว่างสองฝ่าย 
    โดยที่ทั้งสองฝ่ายต้องพยายามหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด การตัดสินใจที่ผิด และความขัดแย้งโดยไม่ได้ตั้งใจ และผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนให้กลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้อง 
    วอชิงตันมุ่งหวังที่จะเสริมสร้างการสื่อสารและความร่วมมือกับจีนในประเด็นสำคัญ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการบรรลุฉันทามติมากขึ้น 
    ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า การ “สื่อสารในเชิงลึก” ระหว่างผู้นำจีนกับสหรัฐอเมริกามีความสำคัญมากที่จะนำไปสู่การพัฒนาความสัมพันธ์ที่ถูกต้องของทั้งสองประเทศ 
    โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะรักษาการติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอด้วยวิธีการต่างๆ 
    และจะสั่งการให้ระดับการทำงานของทั้งสองฝ่ายรีบดำเนินงานและเจรจาอย่างกว้างขวาง เพื่อเป็นปัจจัยเอื้อต่อการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ต่อไป
    เช่นเรื่องสภาพภูมิอากาศของโลก รวมทั้งปัญหาโรคโควิด-19 เป็นต้น
    โจ ไบเดนไม่ลืมที่จะย้ำว่าสหรัฐฯ มีผลประโยชน์ที่ยั่งยืนในเรื่องสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกและของโลก 
    น่ายินดีที่ทั้งสองผู้นำพูดถึงความรับผิดชอบของทั้งสองประเทศ ที่จะเพื่อให้แน่ใจว่าการแข่งขันที่มีอยู่ในปัจจุบันจะไม่ออกนอกแนวทางจนกลายเป็นความขัดแย้งในวงกว้าง
    ก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งสัปดาห์ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน หวัง อี้ กับทูตพิเศษว่าด้วยสภาวะอากาศโลก จอห์น เคอร์รี ประชุมกันทางออนไลน์
    หวัง อี้ย้ำว่า ความร่วมมือของทั้งสองประเทศว่าด้วยเรื่องโลกร้อน  ไม่อาจจะแยกไปเป็นประเด็นความสัมพันธ์ด้านอื่นๆ ได้
    หวัง อี้บอกเคอร์รีตอนหนึ่งว่า
    “สหรัฐฯ กับจีนควรจะต้องพบกันคนละครึ่งทาง และดำเนินการอย่างสร้างสรรค์เพื่อให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศกลับมาสู่แนวทางที่ถูกต้อง”
    ผมอ่านรายละเอียดการสนทนาของสี จิ้นผิงกับโจ ไบเดนรอบนี้แล้ว สรุปได้ว่าสองยักษ์ใหญ่ยังสงวนท่าทีของตัวเองอย่างชัดเจน
    แต่แสงสว่างเล็กๆ ที่ปลายอุโมงค์คือ เราเริ่มเห็นการยอมรับความจริงของทั้งสองฝ่ายว่า ถ้าสู้รบกันมีแต่เจ็บทั้งคู่ แต่ถ้าจะไม่ปะทะกันก็ต้องเคารพใน “ความกังวล” ของอีกฝ่ายหนึ่ง
    ถามว่าต่างคนต่างรู้ไหมว่าอีกฝ่ายหนึ่ง “กังวล” อะไร?
    ตอบว่ารู้แน่นอน
    แต่หากฝ่ายหนึ่งเห็นว่า “ความกังวล” ของอีกฝ่ายหนึ่งคือ “ข้อต่อรอง” ของฝ่ายตน การ “แข่งขัน” ก็ย่อมจะกลายเป็น “ความขัดแย้ง”  อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน.    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"