ครม.อนุมัติซื้อโมเดอร์นาล้านโดส


เพิ่มเพื่อน    

ครม.อนุมัติงบกลาง 946.31 ล้านบาท ให้สภากาชาดไทยซื้อวัคซีนโมเดอร์นา 1 ล้านโดสฉีดให้ประชาชนกลุ่มเปราะบาง รัฐบาลเดินหน้าฉีดวัคซีนโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ให้หญิงตั้งครรภ์สร้างภูมิคุ้มกันแก่แม่เเละเด็ก "เสี่ยหนู" ตอกหน้าคนด้อยค่าระบบสธ. โวฉีดวัคซีนได้วันละ 9 แสนโดส ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ลงนามสัญญากับซิลลิค ฟาร์มา นำเข้า “โมเดอร์นา” 8 ล้านโดส ใช้เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันในปี 65 
    เมื่อวันอังคาร ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ​ ศบค. รายงานว่า ยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทยเมื่อวันที่​ 13​ ก.ย.​ ฉีดเพิ่มได้  676,669 โดส​ ทำให้มียอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 40,953,025 โดส 
     น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน  946.31 ล้านบาท ให้กับสภากาชาดไทย สำหรับใช้ในโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โมเดอร์นา ให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายโดยไม่คิดมูลค่า ซึ่งทางบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนในการจัดหาและกระจายวัคซีนโควิด-19 ของโมเดอร์นาในประเทศไทย เพื่อให้สามารถส่งมอบวัคซีนงวดแรกได้ในต้นปี 2565
    ทั้งนี้ สภากาชาดไทยได้มีนโยบายในการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐ ด้วยการให้ความช่วยเหลือในทุกด้าน รวมถึงการจัดทำโครงการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางโดยไม่คิดมูลค่า ด้วยการจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โมเดอร์นา โดยสภากาชาดไทยดำเนินการเองส่วนหนึ่ง และให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดร่วมดำเนินการด้วย โดยจะเริ่มดำเนินการฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2564 เป็นต้นไป
    น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรมอนามัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดโครงการรณรงค์ให้หญิงตั้งครรภ์เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ตั้งเป้า “1 เดือน 1 แสนราย” เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน ถึง 13 ตุลาคม 2564 เร่งเพิ่มจำนวนฉีดวัคซีนให้กับหญิงตั้งครรภ์ จากปัจจุบันมีได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกเพียงกว่า 5 หมื่นราย จาก 5 แสนราย โดยจะมีการเริ่มระดมฉีดวัคซีนเชิงรุกให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ ผ่านช่องทางศูนย์บริการฉีดวัคซีน โรงพยาบาลขนาดใหญ่และในท้องถิ่น อาทิ รพ.สต. หรือคลินิกฝากครรภ์ ที่จะได้รับการจัดสรรควัคซีนลงไปเพื่ออำนวยความสะดวกมากขึ้น จึงขอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจถึงความสำคัญในการฉีดวัคซีนแก่กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและลดความรุนแรงจากการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งยังเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่แม่และเด็กในครรภ์ รวมถึงภูมิคุ้มกันจะสามารถส่งผ่านการให้นมบุตรอีกด้วย
    รองโฆษกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้ขอเชิญชวนให้กลุ่มหญิงตั้งครรภ์เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ซึ่งฉีดชนิดใดก่อนก็ได้ แต่ต้องเว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 สัปดาห์ และสามารถฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ระหว่างการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 ได้ โดยสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ที่หน่วยบริการในระบบประกันสุขภาพแห่งชาติทุกแห่ง ทั้งโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาล สต. ศูนย์บริการสาธารณสุข (ศบส.) และคลินิกเอกชนที่เข้าร่วม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการด้านสาธารณสุขมีความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศตามนโยบายของ นายกฯ ในวันที่ 1 ต.ค.หรือไม่ ว่าเรามีความพร้อมอยู่แล้ว ทุกอย่างที่วางแผนไว้ก็มาตามกำหนด แม้ก่อนหน้านี้จะมีการด้อยค่า ปรามาส สบประมาท ว่าจะทำไม่ได้ ทำไม่สำเร็จ เช่นที่บอกเราฉีดวัคซีนวันละ 3 แสนโดสจะทำไม่สำเร็จ แต่ระบบสาธารณสุขของไทยแสดงให้เห็นว่าเรามีศักยภาพฉีดได้วันละ 9 แสนโดสต่อวัน ทำให้เกิดภูมิต้านทานที่ดีขึ้น ผู้ติดเชื้อก็ไม่มีอาการหนัก ไม่เสียชีวิต เมื่อเราคิดทุกอย่างเป็นบวก ก็จะกล้าตัดสินใจทำประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับส่วนรวม
    เมื่อถามว่า วัคซีนไฟเซอร์จะฉีดให้เด็กนักเรียนก่อนเปิดเทอมหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า แน่นอน วันที่ 29 วัคซีนไฟเซอร์จะมาเพิ่มและทยอยมาครบ 30 ล้านโดสในปีนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่ฉีดให้เสร็จเพื่อให้กระทรวงศึกษาฯ เปิดได้ตามกำหนด ซึ่งเขาก็เตรียมแผนไปฉีดให้เด็กนักเรียนในโรงเรียนแล้ว โดยต้องมีอายุ 12 ปีขึ้นไป และผู้ปกครองยินยอม ส่วนความคืบหน้าจัดเตรียมวัคซีนซิโนฟาร์มให้เด็กอายุ 12 ปี กำลังตรวจสอบเอกสาร รวมทั้งผลการศึกษาและผลการทดสอบ โดยมีกรรมการวิชาการดู ซึ่งมีขั้นตอนการดำเนินการแตกต่างจากวัคซีนไฟเซอร์ที่กำหนดเรื่องอายุมาแล้ว แต่เรื่องซิโนฟาร์ม อย.จะเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อออกมาให้เร็ว
    ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กล่าวว่า วัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นาที่ทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้ลงนามสัญญานำเข้ามาเป็นวัคซีนตัวเลือกชนิดที่ 2 โดยเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อจากการทดลองทางคลินิกในระยะที่ 3 สูงถึง 94.1% อาการข้างเคียงอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ เช่น อาการปวดเล็กน้อยถึงปานกลาง การแพ้รุนแรง พบประมาณ 2.5 รายต่อ 1 ล้านโดส หรือรายงานการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบของวัคซีนชนิด mRNA พบได้น้อย อยู่ที่ 12 รายต่อ 1 ล้านโดสในประเทศสหรัฐอเมริกา และส่วนมากสามารถรักษาได้ นอกจากนี้ ผลการศึกษาเบื้องต้นของการใช้วัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นาเป็นเข็มกระตุ้น (Booster Dose ปริมาณขนาด 50 ไมโครกรัม) ต่อสายพันธุ์เบตา แกมมา และเดลตา สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงถึง 32 เท่า, 43.6 เท่า และ 42.3 เท่า ตามลำดับ ส่วนการวิจัยในประเทศไทยทางราชวิทยาลัยฯ จะทำควบคู่กันไปเพื่อยืนยันผลกระตุ้นอย่างเป็นระบบในสภาพแวดล้อมของประเทศตั้งแต่ปลายปีนี้
    ทั้งนี้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์มีแผนที่จะจัดสรรและกระจายวัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นาให้แก่กลุ่มองค์กรนิติบุคคล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงสถานพยาบาล ตลอดจนกลุ่มเปราะบางทางสังคมที่เคยได้รับการจัดสรรวัคซีนซิโนฟาร์มจากทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เป็นกลุ่มแรกก่อน เนื่องจากประชาชนในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมเป็นต้นมา โดยเป็นทางเลือกอีกตัวหนึ่งที่จะใช้วัคซีนโมเดอร์นาเป็นเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และฉีดเพียง 1 เข็ม (ปริมาณ 50 ไมโครกรัม) ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 ซึ่งจัดเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น โดยจะเปิดให้องค์กรนิติบุคคลประเภทต่างๆ ได้ยื่นจองขอรับการจัดสรรวัคซีนโมเดอร์นาในช่วงเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะมีการกำหนดราคาขาย พร้อมประกันภัยคุ้มครองผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโมเดอร์นาในราคาเดียวกันทั่วประเทศต่อไป และคาดว่าการจัดส่งครั้งแรกจะส่งมอบวัคซีนได้ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นมีนาคมปีหน้า.    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"