'ทนายตั้ม' ปฏิเสธบอกที่มาคลิปอดีต ผกก.โจ้​ ใช้ถุงคลุมหัว ยันไม่ได้รับงานจากใคร


เพิ่มเพื่อน    

14 ก.ย.64 - พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช รองจเจตำรวจ ​ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการ​ตรวจสอบวินัยร้ายแรง​ กรณีเหตุการณ์​อดีต ผกก.โจ้​ ใช้ถุงดำครอบหัว​ผู้ต้องหา​คดีเสพติด ​เปิดเผยว่า​ ในวันนี้ได้เชิญนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม​ มาให้ปากคำ​ข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของคลิปและรายละเอียด​ทั้งหมด​  โดยคณะทำงานจะทำการรวบรวมพยานหลักฐาน​ให้แล้วเสร็จ​ จากนั้นจะเข้าไปแจ้งข้อหากับ​ทั้ง​ 7​ นายภายในเรือนจำ​ ซึ่งจะให้สิทธิ์​ทั้ง 7 คนสามารถชี้แจงข้อเท็จจริง​ได้ทุกเรื่อง​ แต่ยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย​ ซึ่งในการตรวจสอบครั้งนี้​ คณะทำงานของตนเองจะเน้นไปที่การตรวจสอบเพื่อลงโทษ​ทางวินิย  ซึ่งโดยไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา

ส่วนประเด็น​ที่มีกระแสข่าว​ว่า​ ที่มาของคลิปเกิดจากความขัดแจ้งของตำรวจชุดจับกุมยาเสพติด​นั้น​ จะยังไม่มีการตรวจสอบในชั้นนั้น​ เนื่องจากเป็นคนละประเด็น​ แต่ยืนยันว่าที่มาของคลิปไม่มีผลต่อการพิจารณา​โทษทางวินัย​กับนายตำรวจทั้ง 7 ​คน​ ซึ่งโทษทางวินัยจะพิจารณา​เป็นรายบุคคล​ไปตามพยานหลักฐาน​และการกระทำ

ส่วนการสอบปากคำในวันนี้​หากทนายตั้ม ปฏิเสธ​ที่จะบอกที่มาของคลิปดังกล่าว​ ก็ไม่เป็นอุปสรรค​ต่อการสอบสวน​ เนื่องจากตำรวจมีขั้นตอนการสอบสวน​ อีกทั้งมีพยานหลักฐาน​อย่างอื่นประกอบ

ต่อมา นายษิทรา​ หรือ​ ทนายตั้ม​ ได้เดินทางเข้าพบคณะสอบสวน​พร้อม​ทั้งแสดง​ทรัมป์ไดร์ฟ ​ที่ภายในบรรจุข้อมูลคลิปวิดีโอที่อ้างว่าเป็นหลักฐานพฤติกรรม​ของ​ทั้ง 7 คน​ พร้อมยืนยันว่าไม่มีความกังวลใจ​ และพร้อมที่จะให้ข้อมูลกับตำรวจ ส่วนจะมีการเปิดเผยข้อมูลกับสื่อได้หรือไม่นั้น ต้องขอปรึกษา​กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียก่อน

ภายหลังเข้าให้ปากคำกว่า 2 ชม. นายษิ​ทรา​ ระบุว่า วันนี้ได้นำคลิปที่มีการโพสต์​ในลงสื่อ​ต่างๆ มามอบให้กับคณะกรรมการ​จเรตำรวจ​ ตรวจสอบในคดีตำรวจ7นาย​ ซ้อมทรมาน​ผู้ต้องหาคดียาเสพติด​จนเสียชีวิต​ ก่อนที่จะนำเข้าสู่สำนวนคดี​ 

เบื้องต้น​ทราบว่า​ คณะกรรมการ​จเรตำรวจ​ได้ดำเนินการแจ้งข้อหา​ผิดวินัย​ร้ายแรงกับตำรวจทั้ง7นายแล้ว​ โดยผู้บัญชาการ​ตำร​วจ​แห่งชาติได้สั่งให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว​ อีกทั้งการสอบปากคำในวันนี้​ ทางคณะได้สอบถามถึงที่มาของคลิปดังกล่าว​ โดยตัวเองได้ให้ข้อมูลว่ามาจากตำรวจชั้นผู้น้อย​นายหนึ่งและหลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก​ ซึ่งทางคณะกรรมการ​ฯก็ไม่ได้กดดันให้บอกรายละเอียดทั้งหมด​  รวมทั้งการเข้าให้ปากคำในวันนี้ถือว่าตัวเองเป็นปากสุดท้ายในฐานะพยาน​ พร้อมยืนยันว่าตัวเองไม่ได้รับงานมาจากใครเพื่อโจมตีอดีต ผกก.โจ้​ หรือกลั่นแกล้ง​ ​ เนื่องจากที่ผ่านมาไม่เคยเจอและไม่เคยรู้จักกับตำรวจทั้ง7นายเป็นการส่วนตัว​ ส่วนอดีต ผกก.โจ้​ ยอมรับว่าเคยเจอเพียง​1ครั้งเท่านั้น

ขณะเดียวกันคณะกรรมการ​จเรตำรวจ​ เปิดเผยการสอบสวนเบื้อต้นว่า​ มีมติแจ้ง​ผิดข้อหาวินัยร้ายแรงกับตำรวจทั้ง​ 7​ นาย​ ส่วนคลิปที่ได้รับจากทนายตั้ม​นั้น จะนำส่งให้กองพิสูจน์​หลักฐาน​ดำเนินการตรวจพิสูจน์​ตามขั้นตอนการตรวจพิสูจน์​พยานหลักฐานเข้าสู่สำนวนคดี​​ รวมถึงตรวจสอบวิเคราะห์​คัดแยกเสียงในคลิปดังกล่าว​ เพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติม​ เช่น​ ว่ามีการเรียกรับเงินหรือไม่​ โดยคาดว่าจะทราบผลการตรวจสอบพยานหลักฐาน​ทั้งหมดภายในสัปดาห์​นี้​ และในสัปดาห์​หน้าและเข้าแจ้งข้อกล่าวหาผิดวินัยร้ายแรงกับตำรวจทั้ง7​นาย ที่​เรือนจำคลองเปรม​ เพื่อให้ทั้ง7รายชี้แจงข้อเท็จจริง​ตามกระบวนการพิจารณา​โทษ​ต่อไป


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"