เมื่อโจ ไบเดนยกหูที่วอชิงตัน ขอคุยกับสี จิ้นผิงที่ปักกิ่ง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมายาวถึง 90 นาที โลกน่าจะเย็นลงไหม?
คำตอบของผมก็คือ อยู่ที่ว่าทั้งสองผู้นำจะตีความคำว่า “การแข่งขัน" (competition) กับ “ความขัดแย้ง” (conflict) ไปในทางเดียวกันหรือไม่
ทั้งสองฝ่ายบอกว่า การสนทนากันเมื่อเช้าวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมานั้นเป็นการ “พูดคุยแลกเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์อย่างตรงไปตรงมา เจาะลึก และครอบคลุมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของจีน-สหรัฐฯ และประเด็นอื่นที่เป็นที่สนใจของทั้งสองฝ่าย"
สี จิ้นผิงเริ่มด้วยการแสดงความเสียใจต่อโจ ไบเดน และประชาชนชาวอเมริกัน ที่บาดเจ็บล้มตายและสูญเสียทรัพย์สินอันเกิดจากพายุเฮอริเคน “ไอดา” ในหลายพื้นที่ของสหรัฐอเมริกา
โจ ไบเดนขอบคุณสำหรับความห่วงใยจากจีน
สี จิ้นผิงชี้ให้เห็นว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมานโยบายต่อจีนที่สหรัฐฯ นำมาใช้ได้ก่อให้เกิด “ความยากลำบากที่ร้ายแรง” (serious difficulties) ต่อความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ
สีบอกว่า การกระทำของสหรัฐฯ อย่างนี้ไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์พื้นฐานของประชาชนทั้งสองประเทศและผลประโยชน์ร่วมกันของนานาประเทศในโลก
โจ ไบเดนต้องต่อสายไปถึงสี จิ้นผิง ก็เพราะการติดต่อประสานระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งในระดับรัฐมนตรีไม่มีความคืบหน้าตั้งแต่เขาเข้ามานั่งในทำเนียบขาวเมื่อ 7 เดือนก่อน
โจจึงต้องคุยกับสีเอง
สหรัฐฯ พยายามจะแยกประเด็นที่พอจะเห็นพ้องกับจีนได้จากเรื่องที่เป็นความขัดแย้งกันอย่างเห็นได้ชัด
เช่นเรื่องโลกร้อน (climate change) น่าจะมีความเห็นพ้องต้องกันได้มากกว่าเรื่องการค้า, สิทธิมนุษยชน และประชาธิปไตยที่โยงกับฮ่องกงและไต้หวัน
แต่ฝ่ายจีนถือว่าทุกเรื่องล้วนมีความเกี่ยวพันกัน
อเมริกาจะเลือกคุยในเรื่องที่ตนหวังได้ประโยชน์ และหลีกเลี่ยงการที่จะตอบสนองข้อกังวลของจีนไม่ได้
โจย้ำว่า สองประเทศน่าจะมีความเห็นพ้องต้องกันในบางเรื่องที่ผลประโยชน์ตรงกัน
แต่เรื่อง “ค่านิยม” และ “มุมมอง” ในอีกบางเรื่องอาจจะต้องยอมเป็นเรื่องที่ตกลงกันไม่ได้ไปก่อน
สีบอกโจว่า ปักกิ่งพร้อมจะร่วมมือกับสหรัฐฯ ในประเด็นเศรษฐกิจโลกและโลกร้อน
“แต่ความร่วมมือเช่นว่านี้จะต้องอยู่บนพื้นฐานของการเคารพในความกังวลของกันและกัน”
ผู้นำจีนบอกว่า มีความจำเป็นที่ทั้งสองประเทศจะต้องขับเคลื่อนความสัมพันธ์ให้ “กลับมาสู่ทิศทางที่ถูกต้อง”
สีหยอดคำเปรียบเปรยที่น่าฟังว่า
“การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องของการทำข้อสอบแบบปรนัย (ขีดถูกขีดผิดหรือเติมคำลงในช่องว่าง) หากแต่เป็นข้อสอบบังคับ (หรืออัตนัยที่ต้องเขียนเรียงความอย่างครบถ้วนกระบวนความ)”
ผู้นำจีนบอกว่า จีนและสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาแล้วที่ใหญ่ที่สุดตามลำดับ
และย้ำเตือนว่า การที่จีนและสหรัฐฯ จะสามารถจัดการความสัมพันธ์ระหว่างกันได้ดีหรือไม่นั้น ย่อมมีส่วนเกี่ยวข้องกับอนาคตและชะตากรรมของโลก
สีบอกกับโจว่า นี่คือ “คำถามแห่งศตวรรษ” ที่ทั้งสองประเทศต้องหาคำตอบให้ได้
ผู้นำจีนบอกว่า ความร่วมมือจีน-สหรัฐฯ จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศและโลก
แต่การเผชิญหน้ากันจะนำภัยพิบัติมาสู่ทั้งสองประเทศและทั่วโลก
อีกตอนหนึ่ง สียกคำกล่าวของกวีจีนโบราณข้อหนึ่งที่บอกว่า
“ที่ซึ่งเนินเขาและลำธารสิ้นสุดและดูเหมือนไม่มีทางออกเลย ท่ามกลางต้นหลิวและดอกไม้บานสะพรั่งมีหมู่บ้านปรากฏขึ้นทันที”
สีบอกว่านับแต่การ “ละลายน้ำแข็ง” ความสัมพันธ์ทวิภาคีในปี 1971 นั้น จีนและสหรัฐอเมริกาได้ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมแก่ทุกประเทศ
แต่วันนี้ประชาคมระหว่างประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาร่วมกันมากมาย
สีบอกโจว่า จีนและสหรัฐอเมริกาควรแสดงวิสัยทัศน์อันกว้างไกล และร่วมกันแบกรับความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ด้วยการยืนหยัดที่จะมองไปข้างหน้า ก้าวไปข้างหน้า
โจได้ยินสีพูดชัดเจนว่า สองประเทศต้อง “แสดงความกล้าหาญเชิงกลยุทธ์และทางการเมือง” เพื่อผลักดันความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ให้กลับคืนสู่แนวทางที่ถูกต้องในการพัฒนาที่มั่นคงโดยเร็วที่สุด
เพื่อสร้างประโยชน์แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศและประชาชนของทุกประเทศทั่วโลก.
(พรุ่งนี้: ฟังผู้นำจีนร่ายยาวแล้วโจ ไบเดนบอกสี จิ้นผิงว่าอย่างไร)
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |