ตำรวจเตือนประชาชนที่แชร์ข้อมูล เป็นภาพคลิปหรือข้อความ รวมไปถึงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ ชักชวนให้คนเข้าไปแสดงความคิดเห็นกลั่นแกล้งด้วยถ้อยคำตำหนิ หรือที่เรียกว่าการบูลลี หรือ การระรานทางไซเบอร์ (Cyber Bully) มีความผิดเสี่ยงติดคุก
วันที่ 13 ก.ย.64 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ช่วงที่สังคมไทยมีความคิดเห็นต่างแบ่งเป็นฝักฝ่าย จะพบเห็นการสร้างวาทกรรมสร้างความเกลียดชัง มีการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์อย่างดุเดือด โดยชักชวนกันเข้าไปแสดงความเห็นจำนวนมากในลักษณะที่เรียกว่า “ทัวร์ลง” กลั่นแกล้งด้วยถ้อยคำต่อว่า ตำหนิ ดูถูกเหยียดหยาม หยาบคาย เพื่อให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย อับอาย ที่เรียกว่าการบูลลี หรือการระรานทางไซเบอร์ (Cyber Bully)
โดยที่ผ่านมามีผู้เสียหายหลายรายทั้งบุคคลทั่วไปและบุคคลที่มีชื่อเสียง ดารา นักร้อง นักแสดงเข้าพบพนักงานสอบสวน แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับบุคคลที่ทำให้ตนเองเสียหาย ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าการโพสต์ การแสดงความคิดเห็น รวมถึงการแชร์ข้อมูลทั้งที่เป็นภาพคลิปหรือข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ทำได้ง่าย แต่ผู้ที่ทำให้ผู้อื่นเสียหายต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนได้กระทำ เนื่องจากมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการระรานทางไซเบอร์ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งบัญญัติเป็นความผิดไว้อย่างขัดเจน ได้แก่
กรณีใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม และทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาท ตาม ป.อาญา มาตรา 326 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีเป็นการหมิ่นประมาทโดยมีการป่าวประกาศต่อสาธารณะ จะเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตาม ป.อาญา มาตรา 328 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีเป็นการแสดงความคิดเห็นในลักษณะข่มขู่ ทำให้เจ้าของบัญชีเกิดความกลัว จะเข้าข่ายความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 392 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีเป็นการแสดงความคิดเห็นในลักษณะดูหมิ่นผู้อื่น และเป็นการแสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะ จะเข้าข่ายความผิดฐานดูหมิ่นด้วยการโฆษณาตาม ป.อาญา มาตรา 393 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และกรณีนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่เป็นภาพตัดต่อของผู้อื่นในลักษณะที่จะทำให้บุคคลนั้นได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย จะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 16 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์กล่าวต่อว่า หากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายจากการถูกระรานทางไซเบอร์ สามารถรวบรวมพยานหลักฐาน ได้แก่ บัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่กระทำความผิด, ข้อมูลหรือข้อความที่ได้รับความเสียหาย ฯลฯ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความเป็นห่วงในปัญหาดังกล่าว จึงฝากเตือนพี่น้องประชาชนผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ทั้งหลายให้มีสติ ใช้วิจารณญาณ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ก่อนจะแสดงความคิดเห็นที่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย เนื่องจากสุ่มเสี่ยงถูกดำเนินคดีตามฐานความผิดข้างต้น ดังที่มีผู้เคยกล่าวไว้ว่า “วันนี้สะใจ วันต่อไปชดใช้กรรม”.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |