13 ก.ย. 2564 นางสาวชลาริน นิลพิฤกษ์ ผู้อำนวยการกองโลจิสติกส์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) หรือดีพร้อม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อสถานประกอบการหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของต้นทุนโลจิสติกส์ที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากต้นทุนสินค้า การขนส่ง การสต็อกสินค้า และการบริหารจัดการ ทำให้มีสถานประกอบการหลายราย
โดยเฉพาะสถานประกอบการเอสเอ็มอีเข้ามาขอรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจกับกองโลจิสติกส์เป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อช่วยเหลือเสริมความแข็งแกร่งให้กับภาคอุตสาหกรรมของไทยและบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบการ กองโลจิสติกส์ จึงได้เตรียมเปิด “โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรม” ปี 2565 ขึ้น โดยมีเป้าหมายให้ความช่วยเหลือสถานประกอบการ 200แห่ง
เน้นอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมอาหารและอาหารแปรรูป อุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยาง อุตสาหกรรมชีวภาพ พลังงาน-เคมีชีวภาพ และผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ทั้งผู้ประกอบการขนส่งสินค้าอุตสาหกรรม และผู้ให้บริการคลังสินค้า ที่ต้องการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน
สำหรับกิจกรรมหลักในโครงการ ได้แก่ 1. ส่งเสริมความรู้การจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานสู่ภูมิภาค 2.ส่งเสริมให้สถานประกอบการประเมินศักยภาพด้านการบริหารจัดการโลจิสติกส์และสามารถวิเคราะห์ต้นทุนโลจิสติกส์ได้ด้วยตนเอง 3. จัดทำแผนการปรับปรุงการบริหารจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ในการลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันรายสาขาอุตสาหกรรม 4. การให้คำปรึกษาและนำแผนไปปฏิบัติ ณ สถานประกอบการ
5. กิจกรรมเชื่อมโยงเครือข่ายโลจิสติกส์และโซ่อุปทานของสถานประกอบการ โดยจะมีการแบ่งปันประสบการณ์และแนวทางปฏิบัติที่เป็นเลิศจากการเข้าร่วมกิจกรรมหรือจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างสถานประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรม โดยคาดว่าจะสามารถช่วยผู้ประกอบการในการลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ได้ไม่น้อยกว่า 1,200 ล้านบาท
“ปัจจุบัน การบริหารจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการ โดยตั้งแต่ปี 2560 - 2564 กองโลจิสติกส์ได้มีการจัดโครงการเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรม เป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง โดยมีสถานประกอบการเข้าร่วมโครงการฯ มากกว่า 1,000 แห่ง มีผู้ประกอบการและบุคลากรร่วมอบรมในโครงการฯ กว่า 1,380 ราย สามารถลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์เป็นมูลค่ากว่า 5,364 ล้านบาท” นางสาวชลาริน กล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |