13 ก.ย. 64 - นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ไม่ควรมีใครบาดเจ็บทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อเกิดเหตุปะทะทุกวันและรุนแรงมากขึ้น รัฐจะเดินหน้าปฏิบัติการต่อไปแบบนี้ไม่ได้
การควบคุมฝูงชนไม่ได้หมายเพียงแค่แก๊สน้ำตา กระสุนยาง น้ำสารเคมี ไล่ยิง ไล่ตี แต่ต้องมีกระบวนการอื่นเพื่อคลี่คลายสถานการณ์
ถ้าพูดกำปั้นทุบดินคือประยุทธ์ออกไปทุกอย่างจบ แต่เมื่อไม่ออกก็ไม่ควรใช้กำลังกับเด็กจนเรื่องบานปลายไปเรื่อยๆ แต่ละคืนจับหลายสิบคน ข้อมูลตัวตนได้ครบ ลูกใคร บ้านอยู่ไหน ถามว่ามีหน่วยงานด้านสวัสดิภาพเด็กเข้าไปทำหน้าที่หรือตามไปดูความจริงของชีวิตบ้างหรือไม่
ตามข่าวที่มีนักวิชาการและสื่อมวลชนสัมภาษณ์ ส่วนหนึ่งรับไม่ได้กับความล้มเหลวของรัฐบาลต้องการไล่นายกฯ แต่อีกหลายคนชีวิตพังจากโควิด พ่อตาย แม่ตาย ตกงาน ไร้อนาคต เรื่องแบบนี้ต้องมีหน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่คฝ.เข้าไปดู คิดจะทำกันบ้างไหม
อย่าเห็นเด็กเป็นศัตรูต้องรู้จักคนกลุ่มนี้ให้ได้ว่าอะไรเป็นแรงขับให้ออกมา แก้ได้เยียวยาได้ต้องรีบทำ อย่าให้พวกเขากลายเป็นเหยื่อทั้งความบกพร่องและความรุนแรงของรัฐ
เจ้าหน้าที่ก็คนผู้ชุมนุมก็คน รัฐต้องเปลี่ยนวิธีปฏิบัติ ปล่อยให้คนปะทะกันจนวันหนึ่งถ้าสูญเสียกลายเป็นคนฆ่ากัน นายกฯก็จะผลักเป็นความผิดของผู้ชุมนุม เรื่องแบบนี้เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสังคมไทย ต้องถอดบทเรียนจากอดีตไม่ให้ซ้ำรอยอีกครั้ง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |