เดินหน้าประเทศไทยท่ามกลางความยับเยิน


เพิ่มเพื่อน    

13kom30

เหลือเวลาอีกประมาณเดือนกว่าๆ...หรืออีกประมาณ 40 กว่าวัน ก็น่าจะได้ฤกษ์-ได้เวลา เปิดประเทศ ตามคำป่าวประกาศของท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา ที่ได้เคยพูดจาปราศรัย ให้กำลังจิต-กำลังใจใครต่อใครเอาไว้ก่อนหน้านั้น โดยถ้าหากไม่มีอะไรแทรกซ้อน ให้ต้องเบี่ยงเบน หรือต้องเต้นย็อกๆ แย็กๆ ไปในทางอื่น...

               -----------------------------------------------

            แม้ว่าจำนวน ผู้ติดเชื้อ ในประเทศไทย ยังคงปาเข้าไปวันละเป็นหมื่นๆ แต่ก็คงไม่ต่างไปจากประเทศอื่น บ้านอื่น เมืองอื่นเขานั่นแหละ ที่โอกาสหวนกลับไป ปิดบ้าน-ปิดเมือง ใช้มาตรการคุมเข้มกับท่านเชื้อไวรัสโควิด ในแบบ เจ็บแต่จบ ดูๆ ชักจะไม่มีใครเอาด้วย เห็นควรด้วยกันซักเท่าไหร่นัก อาจด้วยเหตุเพราะมันมักออกไปทาง เจ็บแต่ไม่จบ แม้แต่คิด อยู่ร่วมโดยสันติ กับท่านเชื้อไวรัสโควิด ตามแบบฉบับประเทศสิงคโปร์เขาก็เถอะ ก็ยังทั้งเจ็บ-ทั้งไม่จบ อยู่จนตราบเท่าทุกวันนี้ การตัดสินใจเดินหน้าไปทั้งที่เละๆ หรือทั้งที่ยังต้องกระย่องกระแย่งต่อไปเรื่อยๆ จึงชักจะกลายเป็น ข้อเท็จจริงอันมิอาจปฏิเสธได้ ยิ่งเข้าไปทุกที...

              -----------------------------------------------

            และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...หรือเหตุที่ต้องเดินหน้าไปพร้อมๆ กับการสวมหมวกกันน็อก มิอาจปล่อยให้ การ์ดตก ได้โดยเด็ดขาด เลยทำให้หลายต่อหลายประเทศ แม้แต่ประเทศแม่แบบ พ่อแบบ ประชาธิปไตย จึงหนีไม่พ้นต้องหันไป ควบคุมและบังคับ ผู้คนพลเมืองภายในประเทศตัวเองด้วยกรรมวิธีต่างๆ เช่น เกณฑ์ให้ฉีดวัคซีนเข็มโน้น เข็มนี้ กันอย่างเป็นระบบ ไม่ก็ต้องออกพาสปอร์ต วีซ่า ให้แต่เฉพาะผู้ที่ฉีดแล้ว ฉีดเล่า กันโดยเฉพาะ ฯลฯลฯ จนถูกกล่าวหาว่าเป็น เผด็จการ หรือ เผด็จการยุคใหม่ เอาเลยก็ยังมี เกิดกระแสต่อต้าน ด่าว่า ด่าทอ จนกลายเป็น ปัญหาทางการเมือง หรือ แรงกดดันทางการเมือง เอาง่ายๆ ชนิดถ้าหากรัฐบาลใดๆ เกิดภาวะ ภูมิคุ้มกันทางการเมืองบกพร่อง ลงไปด้วยแล้ว โอกาสที่จะไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี นับจากนี้เป็นต้นไป ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...

                 ------------------------------------------------

            ดังนั้น...การเดินหน้าไปสู่การ เปิดประเทศไทยภายใน 120 วัน ของท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา ก็จึงออกจะเป็นอะไรที่น่าหวาดเสียว น่าขนหัวลุก ขนคอตั้ง อยู่พอสมควรเหมือนกัน เพราะหมู่นี้...ภูมิคุ้มกันทางการเมืองของรัฐบาล หรือแม้แต่ตัวนายกฯ บิ๊กตู่ มันออกจะลดน้อย ถอยลง อย่างเห็นได้โดยชัดเจน คล้ายๆ ประเภทฉีดซิโนแวคเข็มแรกไปนานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้รับการกระตุ้นด้วยแอสตร้าเซนเนก้าเข็มสอง หรือไฟเซอร์เข็มสาม กันอย่างเป็นระบบ เมื่อเจอเข้ากับการฟุ้งกระจายของ แป้งมันตราปลามังกร เมื่อช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจเท่าที่ผ่านมา ถึงแม้จะสวมหน้ากากระดับ 2 ชั้น 3 ชั้นแม้จะเว้นระยะห่างกับบรรดา ส.สง ส.สอ มาโดยตลอด แต่ก็หวิดๆ ทำท่าว่าจะไปเอาดื้อๆ!!!

                 ----------------------------------------------------

            เรียกว่า...ออกอาการไอ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ปุ่มรับรสอาหารแทบไม่ทำงาน ฯลฯ โดยเฉพาะในช่วงก่อนลงมติไม่ไว้วางใจแค่ไม่กี่วัน แต่ก็ด้วยเหตุเพราะยังมี ฟาวิพิราเวียร์ หรือมี ฟ้าทะลายโจร อยู่ในมือ หรือไม่ เพียงใดก็แล้วแต่ เลยสามารถประคองตัวหลบรอดการติดเชื้อได้แบบหวุดๆ หวิดๆ เพียงแต่นับจากนี้ หรือหลังจากนี้...จะถึงขั้นต้องสวมท่อหายใจ ต้องหามไปนอนในเตียงสนาม หรือต้องโฮม ไอโซเลชัน ฯลฯ กันอีกหรือไม่ อย่างไร ก็ยังหาคำตอบ หาข้อสรุปไม่ได้ถนัดๆ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...สิ่งที่เรียกว่า ภูมิคุ้มกันทางการเมือง มันชัก บกพร่อง อย่างเห็นได้โดยชัดเจน ชนิดแทบไม่ต้องเสียเวลาอธิบายใดๆ อีกต่อไปแล้ว...

                    ---------------------------------------------------

            อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้การ เดินหน้าประเทศไทย ในระยะต่อไป มันเลยออกจะสุ่มเสี่ยง น่าเสียว น่าสยดสยอง มิใช่น้อย เพราะโดย ปัญหา ในแต่ละเรื่อง-แต่ละเรื่อง ที่มันจะทยอยสาดซัดเข้ามา ก็คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า ล้วนแต่เป็นประเภท ปราบเซียน ไปด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าการหาทางลดๆ จำนวนการ ป่วยตาย ไม่ให้มันน่าเกลียด น่ากลัว ยิ่งขึ้นไปกว่านี้ การหาทางทำให้ใครต่อใครไม่ถึงกับต้อง อดตาย หรือ แห้งตาย กันไปต่อหน้าต่อตา และเมื่อยังต้องมาเจอกับความสลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ ทางการเมืองเข้าไปอีกดอก อาจหนีไม่พ้นต้องตั้งคำถามแบบเดียวกับ เสี่ยเฮ้ง ตั้งคำถามกับ น้องเต้ 007 นั่นแหละ คือ... พี่หนักนะ...แล้วน้องจะไหวหรือ???

               -------------------------------------------------------

            พูดง่ายๆ ว่า...โดยเนื้อหาของฉากสถานการณ์ช่วงนี้ ไม่ว่าท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ท่านจะยังคงมีเรี่ยว มีแรง ทั้งๆ ที่อยู่ๆ มานานกว่า 7 ปีเข้าไปแล้ว แต่ในแง่ของ ความยับเยิน ในแง่ของ แผลแตก ถ้าหาก แพทย์สนาม ยังคงพยักหน้าหงึกๆ อนุมัติให้ ชกต่อ ไปได้เรื่อยๆ โอกาสที่จะได้ยินเสียงโห่ เสียงตะโกนข้างเวที ว่า ทารุณ...ทารุณ...ทารุณ อะไรทำนองนั้น น่าจะมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ หรือมันเป็นฉากสถานการณ์ที่หนีไม่พ้นต้องอาศัยความใหม่-ความสด ความกระปรี้กระเปร่าในการรับมือ กับอะไรต่อมิอะไรที่ออกจะหนักไปทาง ปราบเซียน ยิ่งเข้าไปทุกที...

                  --------------------------------------------------------

            ด้วยเหตุนี้...สำหรับผู้รักชาติ บ้านเมือง ทั้งหลาย ทั้งปวง ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใดๆ ก็เถอะ คงต้องจับตาสถานการณ์ในช่วงนี้ด้วยความละเอียด รอบคอบ และความประณีตเป็นอย่างยิ่ง ว่าอะไร?...ที่ไหน?...เมื่อไหร่?...และอย่างไร? อย่างน้อย...ก็เพื่อให้ ภูมิคุ้มกันทางการเมือง ที่อาจบกพร่องลงไปด้วยเหตุผล กลใด ก็แล้วแต่ ไม่ถึงกับส่งผลให้ ภูมิคุ้มกันทางสังคม ต้องพลอยบกพร่องตามไปด้วย จนอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องโต เรื่องที่หนักหนา สาหัส ชนิดถึงขั้น แก้ไม่ได้-แก้ไม่ทัน เอาเลยก็ไม่แน่!!!

                      ------------------------------------------------------

            ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก Publilius Syrus... He is best secure from dangers who is on his guard even when he seem safe.- เขาคือผู้ปลอดภัยที่สุดจากอันตรายนานาประการ ด้วยเหตุเพราะเขามีความระแวดระวังทั้งที่รู้ว่าตัวเองปลอดภัย...”.

                                                                              ------------------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"