เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 12 ก.ย.2564 ที่ศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐ ขอนแก่น เขต 2 ซึ่งตั้งอยู่ ริมถนนเลี่ยงเมืองสายขอนแก่น-กาฬสินธุ์ ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายเอกราช  ช่างเหลา ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ที่ จ.ขอนแก่น ว่า การโหวตรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ในวาระ 3 ที่ผ่านมา ที่เป็นรัฐธรรมนูญที่หลายคนระบุว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับ 1 ใบและ 2 ใบว่าด้วยบัตรเลือกตั้งนั้นโดพปชยส่วนตัวมองว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่ถูกต้อง เอื้อประโยชน์ให้กับนักการเมืองอย่างชัดเจนไม่มีประเด็นใดที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยเฉพาะกับคะแนนเสียงที่ประชาชนนั้นลงคะแนนเลือกตั้งไปนั้นจะเอื้อประโยชน์ให้กับเฉพาะพรรคการเมืองใหญ่เท่านั้นยกตัวอย่างเช่นพรรคเล็กพรรคน้อยที่ได้คะแนนไม่ถึง 350,000 คะแนน ซึ่ง รัฐธรรมนูญระบุว่า ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 1 คนจะต้องมีคะแนนเสียง 350,000 คะแนน ซึ่งหากพรรคเล็กพรรคน้อยได้คะแนนไม่ถึงกำหนดคะแนนก็จะตกน้ำไปโดยไม่ได้ถูกนำมาใช้ในการมาคำนวณเป็นคะแนน

“การขอวางตัวเป็นกลางในภาพรวมในการลงมติที่ผ่านมา ซึ่งผลจะออกมาแบบใด ในฐานะนักการเมืองก็พร้อมที่จะลงสนามทุกเมื่อ ซึ่งจากการทำงานร่วมกันของ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐในพื้นที่ จ.ขอนแก่น รวมทั้งคณะทำงานร่วมทุกฝ่ายได้ลงพื้นที่ รับฟังปัญหา พบปะประชาชน รับทราบถึงความต้องการนำการพัฒนาเข้าสู่พื้นที่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นผลจะออกมาย่างไรโดยส่วนตัวไม่ติดใจและรับได้ การที่ผมและ ส.ส.วัฒนา  ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ไม่โหวตที่หลายคนกำลังพูดถึง ซึ่งในที่ประชุมวันนั้นผมและ ส.ส.วัฒนา เข้าไปลงชื่อและอยู่ในที่ประชุม แต่ไม่แสดงตัวโหวต เพราะสิ่งที่ พล.อ.ประวิตร  วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคประชารัฐ ได้ให้นโยบายไว้อย่างชัดเจนคือการประชุมครั้งนี้ฟรีโหวต ดังนั้นด้วยเหตุและผลและการพิจารณาร่วมกันขอ ส.ส.จำนวนมาก จึงพิจารณาฟรีโหวตคือไม่แสดงตนใดๆในการประชุมครั้งที่ผ่านมาและไม่ออกเสียงใดๆทั้งสิ้น”

นายเอกราช กล่าวต่ออีกว่า การไม่ออกเสียงใดๆของ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะตนเองและ ส.ส.วัฒนา ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอทุกฝ่ายอย่าจับแพะชนแกะ อย่าจับประเด็นนี้ไปชนประเด็นโน้น อย่าจับอดีตมาชนปัจจุบัน เราทำการเมืองกันแบบตรงๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน พรรคก้าวไกล พรรคภูมิใจไทย รวมไปถึงพรรคเล็กที่งดออกเสียงก็เป็นสิทธิ์ที่ ส.ส.จะพิจารณา ซึ่งเรามองว่าประโยชน์ของประชาชนจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด มากกว่าการกระทำใดลงไปที่เอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองหรือนักการเมืองเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ได้มีการชี้แจงไปแล้วว่า การไม่แสดงตนหรือการงดออกเสียงใดๆในการประชุมที่ผ่านมาไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่ฝุ่นกำลังตลบ และวุ่นวายอยู่ในขณะนี้ ดังนั้นในขณะนี้อย่างเพิ่งไปโยงอะไร ขณะที่การลาออกของอดีต 2 รัฐมนตรีฯนั้น ขณะนี้ได้มีการแจ้งไปในพื้นที่แล้วว่า ทุกคนยังคงอยู่ในพรรคพลังประชารัฐเหมือนเดิม ไม่มีการปรับเปลี่ยนหรือปรับระบบอะไร ทั้งหมดต้องรอดูสัญญาณจากหัวหน้าพรรคเท่านั้น ซึ่งต้องรออีกประมาณ 1 เดือน พอฝุ่นจางหายลงไปความชัดเจนก็จะเกิดขึ้น ดังนั้นความชัดเจนในการกำหนดท่าทีหรือแนวทางทางการเมืองของเราจะไปอย่างไร  แต่วันนี้ไม่มีอะไรทุกอย่างยังเหมือนเดิมทุกคนคือพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร ทุกคนยังคงทำงานในพื้นที่อย่างเข้มแข็งและต่อเนื่องทุกวัน

“การตั้งพรรคอีสานล้านนานั้นไม่มีและไม่เป็นความจริง ขออย่าให้ทุกคนนั้นจับแพะชนแกะ กลุ่มอีสานล้านนา ตนเองในฐานะประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสานตอนบนพรรคพลังประชารัฐได้ขึ้นป้ายนี้มา 2 ปีแล้ว ซึ่งแสดงถึงการทำงานในภาพเล็กลงมาของพรรค ซึ่งเป็นมดงานทำงานในกลุ่มเล็กๆในระดับพื้นที่ ซึ่งตอนนี้การดำเนินงานทุกอย่างได้ขับเคลื่อนผ่านไปแล้ว วันนี้กลุ่มอีสานล้านนาไม่มีแล้วและยืนยันว่าไม่มีการตั้งพรรคอีสานล้านนาอย่างแน่นอน ทุกคนยังเป็นพรรคพลังประชารัฐ และพรรคไม่มีกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด ทุกคนคือพลังประชารัฐ จึงขอให้ฝุ่นจางไปก่อนทุกอย่างก็จะชัดเจนและยืนยันว่าเวลานี้ไม่มีพรรคการเมืองใดมาจีบหรือทาบทามให้ย้ายพรรคหรือชวนไปร่วมงานทุกคนยังคงเป็นพลังประชารัฐที่เหนียวแน่นและทำงานในพื้นที่เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนอย่างสม่ำเสมอภายใต้สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรัดกุม”