ปรุงแต่งความรู้สึกท่ามกลางสายฝน


เพิ่มเพื่อน    

(1)

ฝนตก-รถติด-แถมยังต้องเจอโควิดเข้าไปอีกดอก!!! ไม่ว่าใครก็ใครเถอะ...ย่อมมีสิทธิ์แปลงสภาพ กลายพันธุ์ วิวัฒนาการไปเป็น มนุษย์หมาป่า ทั้งๆ ที่สวมหน้ากากเอาง่ายๆ อีกทั้งฝนฟ้าช่วงนี้ ท่านยังมาหนัก มาถี่ มาแต่ละทียาวว์ว์เป็นชั่วโมงๆ เอาเลยถึงขั้นนั้น อารมณ์-ความรู้สึกหงุดหงิด งุ่นง่าน ขวางหู-ขวางตาอะไรต่อมิอะไร มันจึงอาจถือเป็นเรื่อง ปกติธรรมดา ของบรรยากาศความเป็นไปในช่วงนี้...

                                    (2)

            แต่ก็อย่างว่า...สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยจะมีธุระปะปังอะไรกับใครเขา วันๆ นอนปอกกล้วยเปลี่ยวในบ้านร้างอยู่ตามลำพัง การได้นอนฟังเสียงฝน เคาะหลังคาอยู่กราวๆ ก่อนจะซู่ซ่าๆ สาดซัดกระเซ็นสาย จนกลายเป็นเสียงตัวโน้ต สูงๆ-ต่ำๆ ตามจังหวะดนตรี กลายเป็นบทเพลงอันนิ่มนวล ประณีต หรือกลายเป็นตัวช่วยให้เกิดอารมณ์-ความรู้สึกหนักไปทางโรมันคาทอลิกกันไปซะนี่!!! อีกทั้งยังช่วยผ่อนคลาย ระบายความร้อน ท่ามกลางอากาศเย็นๆ ชื้นๆ ชุ่มๆ ฉ่ำๆ ถ้าหากยังนอนซุกตัวเองอยู่ในผ้าห่ม ก็อาจอานาปานัสสติได้ยาวว์ว์ว์ชนิดไม่รู้กี่ต่อกี่ชั่วโมง หรือถ้าคิดจะตื่นขึ้นมาดูโน่น ดูนี่ ฟังโน่น ฟังนี่ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดูจะไหลลื่น ปลอดโปร่ง โล่งสบาย อย่างเป็นพิเศษ...

                                         (3)

            ยิ่งไปเจอบทเพลง เสียงร้อง เสียงครวญคราง ของคุณป้า สุนารี ราชสีมา ในบทเพลงเก่าๆ ที่เอามาทำใหม่ อย่างเพลง ฝนหนาว-สาวครวญ ซึ่งเดิมทีคุณทวด ผ่องศรี วรนุช ท่านเคยขับขานเอาไว้ ในแบบใสๆ เจื้อยๆ แจ้วๆ คล้ายๆ ระฆังเงิน-ระฆังทอง อะไรทำนองนั้น แต่เมื่อถูกนำมาดัดแปลงซะใหม่ โดยน้ำเสียง ลีลา ประเภทเอาผ้าแพรไปขยี้ไปขยำในฟองเบียร์ ของคุณป้า สุนารี ที่ออกจะเข้ากันได้ หรือออกจะสอดคล้องกับเนื้อหาอันสุดแสนจะ เซ็กซี่ ในบทเพลงๆ นี้ ก็เลยเล่นเอาขนหัวลุก ขนคอตั้ง ไปได้พอสมควร ก่อให้เกิดอารมณ์-ความรู้สึกแบบคล้ายๆ พวกเทพบุตร-นางฟ้า ที่กำลังนอนกลิ้ง-นอนหงายอยู่ในสวรรค์ชั้น ฉกามาพจร อะไรทำนองนั้น...

                                            (4)

            นี่...ต้องเรียกว่า ทั้งๆ ที่ฝนห่าเดียวกันแท้ๆ ช่วงเดียว ฤดูเดียวกันแท้ๆ แต่อาจก่อให้เกิด อารมณ์-ความรู้สึก ต่อใครๆ ผิดแผก แตกต่าง กันแบบคนละเรื่อง-คนละม้วนเอาเลยก็เป็นได้ อันเนื่องมาจากกระบวนการ ปรุงแต่ง หรือการ Concoct ที่อุบัติขึ้นมาในอารมณ์-ความรู้สึกของแต่ละคน มันย่อมไม่มีอะไรเหมือนกันอยู่แล้วแน่ๆ ขณะผู้ซึ่งอยู่ภายในท้องถนน อยู่ในรถราที่ติดกันเป็นแพ อยู่ในหน้ากากอนามัยที่ถูกสวมทับเอาไว้ระดับ 2 ชั้น 3 ชั้น ฯลฯ ย่อมหนีไม่พ้นต้องหงุดหงิด งุ่นง่าน เป็นธรรมดา เผลอๆ...อาจวิวัฒนาการไปถึงถึงขั้นโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาตพยาบาท ริษยาและชิงชังเอาเลยก็ไม่แน่ แต่สำหรับผู้ที่นอนบิดไป-บิดมา บนที่นอนอันสุดแสนจะนุ่มนิ่ม หรือผู้ที่กำลังถกกางเกงแพร นอนฟังเสียงหวานๆ ซึ้งๆ ของคุณป้า สุนารี ดังที่กล่าวเอาไว้แล้ว อะไรจะซาบซ่า ซ่านซึม สุดแสนจะสุขสดชื่นเท่านี้ ย่อมไม่มีอีกแล้ว...

                                          (5)

            อันนี้นี่แหละทั่น...ที่พวกพระๆ ท่านอธิบายเอาไว้ว่า มันคือ ขั้วบวก และ ขั้วลบ ที่มักอุบัติขึ้นมาต่ออะไรและมิอะไรก็ตาม ซึ่งหลากไหลเข้ามาสู่สัมผัส หรือสู่ ผัสสะ ทั้ง 5 ทั้ง 6 สู่ หู-ตา-จมูก-ลิ้น-กาย-ใจ จนกลายเป็นตัวดลบันดาลให้เกิดความชอบ-ความชัง ความเกลียด-ความรัก ความรังเกียจ-ไม่รังเกียจ ความเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย ฯลฯ ที่จับตัวกันเป็นคู่ๆ หรือเป็นขั้วตรงกันข้าม แบบความมืด-ความสว่าง ความขาว-ความดำ ความดี-ความเลว ฯลฯ อะไรทำนองนั้น ด้วยเหตุนี้ถ้าหากไม่อยากตกอยู่ใน วังวน หรือเกิดการจ่อมจมอยู่กับอารมณ์-ความรู้สึกเหล่านี้ พระท่านเลยชี้แนะ ชี้นำ เลยนำเสนอให้หาทางใคร่ครวญ พิจารณา ไปตามลำดับขั้น จนสามารถ ข้ามพ้น หรือเลยพ้นไปจากความรู้สึกดังกล่าว หรือไปถึงขั้น ไม่บวก-ไม่ลบ ไม่ดี-ไม่เลว ฯลฯ กลายเป็นอารมณ์-ความรู้สึกประเภท เพราะมันเป็นเช่นนั้นเอง-มันเป็นพรรค์นั้นแหละ หรือเป็น ตถาตา ที่จะนำไปสู่ อตัมมยตา อันเป็นสุดยอดแห่งเป้าหมายทางพุทธศาสนา หรือนำไปสู่การไม่เกิด-ไม่ตาย ไปสู่ความเป็น อมตะนิรันดร์กาล เอาเลยถึงขั้นนั้น...

                                         (6)

            จริง-ไม่จริง...ก็ลองไปฝึก ไปอานาปานัสสติกันเอาเองก็แล้วกัน เพราะแม้ว่าในแง่ เหตุผล มันน่าจะเป็นอะไรเข้าท่า เข้าทางมิใช่น้อย ต่อการไปสู่จุดสูงสุด หรือต่อการบรรลุเป้าหมายในทางศาสนา แต่โอกาสที่จะทำให้ อารมณ์-ความรู้สึก ไม่ใช่แค่ เหตุผล มันเป็นไปได้เช่นนั้นจริงๆ สามารถ ข้ามพ้น ทั้ง ขั้วบวก และ ขั้วลบ ต่างๆ ทั้งหลาย ในแต่ละกรณี หรือทุกๆ กรณีมันคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อาจต้องฝึกกันไปเป็นชาติๆ เอาเลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้...ถ้าหากยังไม่ถึงกับเร่งร้อนเกินไปนัก ก็อาจไม่จำเป็นต้อง ทรมานร่างกาย เกินไปถึงขั้นนั้น เอาแค่...เมื่อไหร่ที่อารมณ์-ความรู้สึกแบบ ขั้วลบ มาโผล่ขึ้นมาในผัสสะ หรือสัมผัส ก็ลองหันไปคิดถึง“ขั้วบวก เอาไว้มั่ง เพียงแค่นั้น...ก็น่าที่จะพอ อยู่ๆ กันไปได้ ไม่ว่าจะช่วงนี้ ชาตินี้ หรือชาติไหนๆ นั่นแหละทั่นเอ๋ยย์ย์ย์....

             ------------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"