ทำไงดี!!!...ทีม อินทรีเหล็ก-เยอรมนี ดันกลายเป็น อินทรีตะกั่ว ไปเรียบร้อยแล้ว ไส้กรอกอ่อนยวบ อ่อนยาบ ไม่ได้เด้งดึ๋ง เต่งตึง โด่ไม่รู้ล้มเหมือนอย่างเคย เจอเข้ากับทีม จังโก้-เม็กซิโก ที่ไม่รู้ว่าไปรับประทานตอติญ่าใส่กัญชามาจากไหน เดี๋ยวโต้-เดี๋ยวโต้ หลุดเมื่อไหร่ หลวมเมื่อไหร่ ต้องเจอกับเคาน์เตอร์ แอทแทค ชนิดแทบกลายเป็นกุนเชียงเจ๊เล็ก เยาวราช ไม่ได้เหลือร่องรอยความเป็นไส้กรอกเยอรมนีต่อไปอีกแล้ว...
-----------------------------------------------
ประเดิมสนามนัดแรก...ก็เจ๊งไปแล้ว 1-0 พูนสวัสดิ์ สำหรับอดีตแชมป์ฟุตบอลโลกไม่รู้กี่สมัยต่อกี่สมัย อย่างเยอรมนี เล่นเอา แควนพันธุ์แท้ ตลอดชั่วนิจนิรันดร์กาล อย่าง ท่านขุนน้อย อดแคะขี้มูกตามแบบฉบับ โยคิม เลิฟ (แต่ไม่ได้เอามากิน) ขึ้นมาไม่ได้ แต่ก็นั่นแหละทั่น ขึ้นชื่อว่า บอลลูกกลมๆ แล้ว อะไรต่อมิอะไรมันย่อมเกิดขึ้นได้เสมอๆ กระทั่ง มนุษย์ต่างดาว-เมสซี แห่งทีม ฟ้า-ขาว อาร์เจนตินา ที่มีฝีเท้าระดับเอเลียนแท้ๆ ยังยิงจุดโทษไม่เข้า เล่นเอาบรรดาผู้ที่เทใจให้กับทีมทีมนี้ ในฐานะผู้ที่พร้อมปฏิเสธการสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์โดยพวกยิวทั้งหลาย อดเป็นห่วง เป็นใย ต่อเส้นทางในอนาคตรอบลึกๆ ขึ้นมามิได้...
------------------------------------------------
แต่ยังไงๆ...ก็คงต้องเตะกันอีกหลายยก ค่อยๆ เก็บคะแนนสะสมต่อไปเรื่อยๆ ยังไม่ใช่รอบตัดเชือก การแก้ไข แก้ตัว ปรับระบบการเล่นให้สอดคล้อง เหมาะสม ในแต่ละนัด ย่อมสามารถพลิกวิกฤติให้กลายเป็นโอกาสได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ อะไรที่พลาดไปแล้ว เสียไปแล้ว คงต้องลืมๆ กันไป หันมาทุ่มเท หันมาเพียรพยายามกันใหม่ อันอาจส่งผลให้ ผู้แพ้ ย่อมมีโอกาสกลับมาเป็น ผู้ชนะ ได้เสมอๆ เรื่องของการบอล การกีฬา มันจึงมีดีอยู่ที่อีตรงนี้ คืออีตรงที่ทำให้บรรดานักกีฬาทั้งหลายรู้จักอดทน อดกลั้น ล้มแล้วลุก พร้อมที่จะต่อสู้ ฟันฝ่าอุปสรรค อย่างไม่คิดจะถอดใจ กีฬา...กีฬา...จึงเป็น ยาวิเศษ ระดับสามารถ แก้กองกิเลส...ทำคนให้เป็นคน อย่างที่นักคิด นักปราชญ์ ยุคโบร่ำโบราณท่านรจนาเอาไว้เป็นบทเพลงนั่นแล...
------------------------------------------------------
ส่วนบ้านเราที่ยังไม่ได้มีโอกาสไป บอลโลก กับใครต่อใครเขา...จะหยิบเอาประดาสิ่งเหล่านี้มาเป็นอุทาหรณ์ สอนใจ ก็คงไม่ได้ผิดกติกาฟีฟ่าแต่อย่างใด เพราะไม่ใช่แต่เฉพาะการบอล การกีฬา เท่านั้น การอะไรต่อมิอะไร...ก็สามารถนำสิ่งเหล่านี้มาใช้เป็นอนุสสติ เป็นอุทาหรณ์ สอนใจ ได้เสมอๆ ใครที่ล้มไปแล้ว แต่ยังไม่ยอมลุก หรือใครที่คิดจะลุกแบบชนิดไม่ยอมล้ม ระหว่างช่วง พักยก หรือระหว่างนั่งเชียร์ นั่งลุ้นบอลโลกคราวนี้ คงต้องลองคิดๆ ตามไปด้วย...ก็น่าจะ เข้าท่า มิใช่น้อย โดยเฉพาะผู้ที่มีอำนาจบริหาร ผู้ที่รับผิดชอบบ้านเมือง ถ้านำเอาเกมแต่ละนัดมาเปรียบเทียบ อุปมา-อุปไมย จนมองเห็น จุดแข็ง-จุดอ่อน ของตัวเองควบคู่ไปด้วยแล้วล่ะก็ โอกาสที่ ไทยแลนด์...สู้...สู้ มีสิทธิ์ขึ้นชั้นไป บอลโลก กะเค้าบ้าง...ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย...
--------------------------------------------------------
เช่น การไม่ผูก ไม่ติดยึดอะไร เอาไว้กับคนคนเดียว...ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็น ไอ้โด้-คริสเตียโน โรนัลโด หรือจะเป็น เมสซี ก็ตามแต่อันมักส่งผลให้ฝ่ายตรงข้ามตามประกบ ไล่ถีบ ไล่กระทืบ ชนิด เล่นไม่ออก เอาง่ายๆ หรือกระทั่ง เนย์มาร์ แห่งทีม แซมบา-บราซิล ที่เพิ่งเจ๊ากับสวิตเซอร์แลนด์ไปหมาดๆ ก็ด้วยเหตุเพราะโดนไล่เตะ ไล่ถีบ ชนิดกลิ้งแล้ว กลิ้งเล่า ไปทั่วทั้งสนามนั่นเอง จึงทำให้ทีมห่างชั้นอย่างทีม นาฬิกา-สวิส สามารถแบ่งแต้ม แบ่งคะแนนกันเห็นๆ ถ้าหากตัว ห้องเครื่อง หรือตัว มิดฟิลด์ ยังไม่รู้จักสร้างสรรค์เกม ด้วยการหันไปจ่ายบอลให้กับผู้เล่นรายอื่นๆ กระทั่ง บิ๊กตู่ บ้านเรา...บางช่วง บางครั้ง ก็ถึงกับ ไปไม่เป็น เอาง่ายๆ เจอเข้ากับการตัดเกม ดึงเสื้อ เสียบขาหลังเข้าบ่อยๆ หวิดจะยกโพเดียมมาทุ่มหัวใครต่อใคร จนมีสิทธิ์เจอ ใบแดง ได้ทุกเมื่อ...
-----------------------------------------------------
อีกอย่างก็คือ ความหลากหลาย ในลีลาการเล่น...คือถ้าหากเล่นซ้ำ เล่นซาก จนคู่ต่อสู้ จับทาง ได้ไม่ยาก ตัวเองนั่นแหละจะยากซ์ซ์ซ์ หรือจะเล่นไม่ง่าย เหมือนอย่าง จังโก้-เม็กซิโก งัดเอาแผนอุดประตูแล้วโต้กลับ มาสร้างความปวดเศียร เวียนเกล้า ให้กับ อินทรีเหล็ก-เยอรมนี จนไส้กรอกเหี่ยวแล้ว เหี่ยวอีก ซึ่งถ้าเทียบกับบ้านเราแล้ว...คงต้องยอมรับว่า ช่วงหลังๆ นี้ ความหลากหลายมันค่อนข้างจะหดหายไปพอสมควร คือหนักไปทาง บอลทหาร หรือ บอลข้าราชการ ที่เน้นสาดยาว สาดโด่ง แบบประเภทบอลโบราณ ความแปลกๆ ใหม่ๆ ที่มักได้รับการนิรมิต สร้างสรรค์ มาจากภาคเอกชน พลเรือน ประชาสังคม เอ็นจีโอ ฯลฯ ออกจะหายเกลี้ยง เลยทำให้ระบบ รวมศูนย์อำนาจ มันกลายเป็นระบบ รวมศูนย์ความขัดแย้ง เพิ่มยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...
-----------------------------------------------------
แม้ว่าทุกวันนี้...มันอาจไม่มีคู่ต่อสู้ที่มีศักยภาพพอที่จะเทียบชั้น เทียบเชิง ได้มากมายซักเท่าไหร่นัก แต่ถ้าลองลากยาวไปซัก 10 ปี 20 ปี แบบ ยุทธศาสตร์ 20 ปี อะไรประมาณนั้น ก็น่าคิด น่ากังวลมิใช่น้อย เพราะถ้าปราศจากการ กระจายอำนาจ ซะอย่าง โอกาสที่จะสร้าง ความหลากหลาย ให้เชื่อมต่อระหว่างส่วนบน-ส่วนล่าง ระหว่างกองหน้า-กองกลาง-และกองหลัง จนเกิด ประชาสมาสัย ที่มีทั้ง ความเป็นไทย และ ความเป็นธรรม สามารถหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว มันน่าจะลำบากมิใช่น้อย แต่ก็เอาเถอะ...ระหว่างช่วง พักรบ หรือ พักยก ช่วงนี้ คงต้องลองเก็บไปคิดๆ กันเอาเองก็แล้วกัน ใครจะมองลึก มองกว้าง มองไกล จนสามารถหยิบเอาการบอล การกีฬา มาใช้เป็น ยาวิเศษ ใช้แก้กองกิเลส ทำคนให้เป็นคน จนบอลไทยไปบอลโลกขึ้นมาในวันหนึ่ง-วันใดจนได้ อันนั้น...ก็คงต้องขึ้นอยู่กับ กรรมใครก็กรรมมัน...
-----------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Bob Costas... In any sport, the anticipation of what might happen is almost as important as what actually happens.- ไม่ว่าในการกีฬาใดๆ...สิ่งที่คาดหมายว่าจะเกิดขึ้น มีความสำคัญเกือบเท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง...
--------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |