ในหลวงมีพระบรมราชโองการปลด “ธรรมนัส-นฤมล” พ้นตำแหน่งรัฐมนตรีแล้ว “บิ๊กตู่” ยันไม่ปรับคณะรัฐมนตรี ธรรมนัสแถลงไขก๊อกอ้างต้องการเลือกเส้นทางใหม่ ไม่ต้องการทำงานรับใช้ใคร จ้วงมีดแทง ครม.ก่อนจาก บอกร้ายกว่าบรรยากาศการเมืองที่แตกแยก ลั่นเป็นเลขาธิการพรรค พปชร.อยู่แต่ใจไปแล้ว แพลมมีคนมาจีบเยอะ อาจตั้งพรรคเองทั้ง “พลังพะเยา-อีสานล้านนา” เร็วๆ นี้รู้แน่ เพราะเตรียมไว้หมดแล้ว!
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 138 ตอนพิเศษ 212 ง ได้เผยแพร่พระบรมราชโองการประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี มีเนื้อหาดังนี้ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2562 แล้ว และแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ 10 กรกฎาคม พุทธศักราช 2562 และประกาศครั้งสุดท้าย ลงวันที่ 22 มีนาคม พุทธศักราช 2564 นั้น
บัดนี้ นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า สมควรให้รัฐมนตรีบางคนพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์แก่ราชการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 171 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีดังต่อไปนี้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี 1.ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2.นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 8 กันยายน พุทธศักราช 2564 เป็นปีที่ 6 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ในเวลา 15.30 น. ที่รัฐสภา ร.อ.ธรรรมนัสได้แถลงข่าวว่า ไม่สบายใจและนอนคิดมาหลายเดือนแล้ว คือตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้เกียรติได้ทำงานเพื่อประชาชนมากว่า 2 ปี แต่ตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่งมาบรรยากาศการบริหารช่วยราชการแผ่นดินไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้ อยากกลับไปอยู่จุดเดิม นั่นคือการเป็น ส.ส.เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน เพราะต้องการทำงานอื่นที่เข้มแข็งเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองจริงๆ ไม่ใช่มารองรับหรือทำอะไรเพื่อคนบางกลุ่ม
“ที่ผ่านมาปรึกษาครอบครัวมาหลายวันแล้ว ได้ข้อยุติว่าผมจะลาออกจากตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ ได้ลงนามไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 ก.ย. และตั้งใจจะยื่นเอกสารตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่เลขานุการของผมเข้าใจผิดว่าจะยื่นวันที่ 9 ก.ย. ท้ายที่สุดแล้วขอแจ้งประชาชนทุกจังหวัดว่า วันนี้ตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกเส้นทางการเดินใหม่ ยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง ขอกราบขอโทษพี่น้องประชาชน ที่วันนี้ไม่สามารถที่จะทำในสิ่งที่ผมรับปาก ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะกลับไปตั้งต้นที่ จ.พะเยา ทำงานให้พี่น้องชาวพะเยาและจังหวัดอื่นๆ หากกลับไปมีอำนาจอีกครั้ง มีวาสนาอีกครั้ง ตั้งมั่นว่าจะทำงานเพื่อบ้านเมือง” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
เมื่อถามว่า การลาออกสืบเนื่องมาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ก่อนโหวตเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้หารือกับหัวหน้าพรรค พปชร.แล้วว่า จะตัดสินใจลาออกตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา แต่ พล.อ.ประวิตรได้ห้ามไว้ ก็เชื่อ แต่เมื่อมาไตร่ตรองดูพบว่า ทางเดินชีวิตที่จะทำเพื่อประชาชนจะต้องเดินไปอีกไกล จึงตัดสินใจเด็ดขาดด้วยตนเอง
ธรรมนัสแทง ครม.ก่อนจาก
ถามต่อว่า แสดงว่าจากการที่ได้พูดคุยและขอโทษนายกฯ ก่อนหน้านี้ ปัญหายังไม่จบใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่จบ เพราะไม่สบายใจ เราต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ได้กระทำไป หมายความว่า ถ้าเราพูดด้วยเหตุผลแล้วไม่เกิดประโยชน์ วิธีการที่ดีที่สุดคือ เราต้องตัดสินใจด้วยตนเอง
ถามอีกว่าจะยังอยู่กับพรรค พปชร.ใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องคิดต่อไป อาจไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่มีความสุข เมื่อย้ายมาจากบ้านหลังเดิมที่มีความสุขดีอยู่แล้ว บ้านหลังเดิมคือที่ จ.พะเยา
เมื่อถามถึงความสัมพันธ์กับ พล.อ.ประยุทธ์, พล.อ.ประวิตร และพล.อ.อนุพงษ์ในขณะนี้ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ในส่วนของความสัมพันธ์กับ พล.อ.ประวิตรยังเหมือนเดิม ถามต่อว่าแสดงว่าอีกสองคนแตกหักเลยใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่ได้แตกหัก แต่เลือกเดินเส้นทางของตน ซึ่งอาจสร้างบ้านหลังใหม่ ส่วนจะมีคนอื่นไปด้วยหรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบแทนคนอื่นได้
เมื่อถามว่าจะลาออกจากสมาชิกพรรค พปชร.ด้วยหรือไม่ หรือลาออกเพียงตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เป็น ส.ส.ต้องให้พรรคขับออก ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะไปหารือกับ พล.อ.ประวิตร เมื่อถามว่า การลาออกครั้งนี้ไม่ทำให้สมาชิกในพรรครวมถึง พล.อ.ประวิตร เสียดายหรือ หรือจะเอา พล.อ.ประวิตรไปด้วย ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า คงไม่เป็นเช่นนั้น งานของพรรคยังสนับสนุนเหมือนเดิม แต่ต้องคิดอีกทีว่าจะทำอย่างไรบ้าง
ถามย้ำว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้ตัดสินใจเด็ดขาดเลยใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า จริงๆ คิดมาหลายเดือนแล้ว สิ่งที่ให้ความสำคัญมากที่สุดคือสายตาประชาชน ไม่ใช่คอยรับใช้ใคร
เมื่อถามว่า จะกลับไปที่ทำการพรรคพลังประชารัฐอีกหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่ไปเหยียบตรงนั้น ไม่ชอบ ไม่อยากฝืนใจตัวเอง
ถามย้ำว่า มีปัญหากับนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลังหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่มีกับนายสันติ แต่ตึกนั้นฮวงจุ้ยไม่ดี เป็นอาคารแปลกๆ ส่วนต้องหาอาคารใหม่หรือไม่ คงแล้วแต่หัวหน้าพรรค หลังจากนี้จะลดบทบาทในพรรคลง แต่จะลงพื้นที่ด้วยตัวเอง เพราะยังเป็นเลขาธิการพรรคอยู่ ยังไม่ได้ลาออก แต่หลังจากนี้จะลงพื้นที่ถี่กว่าตอนเป็นรัฐมนตรี และลงพื้นที่ในช่วงที่มีการเลือกตั้งครั้งต่อไป
เมื่อถามถึงเหตุผลที่ตัดสินใจลาออก ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่ชอบบรรยากาศบ้านเมืองที่แตกแยก และมองไม่เห็นอนาคต ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ ส่วนบรรยากาศในคณะรัฐมนตรีนั้นร้ายยิ่งกว่า แต่ไม่ขอพูดรายละเอียดเพราะออกมาแล้ว สำหรับแรงกระเพื่อมทางการเมืองหลังจากนี้ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ยืนยันว่าไม่ใช่มาจากตนเอง ยืนยันว่าจะไม่ทำอะไรให้ชาติบ้านเมืองเสียหาย
เมื่อถามว่า การตัดสินใจไปอยู่บ้านอื่นมีพรรคเพื่อไทยอยู่ในตัวเลือกด้วยหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า มีพรรคมาจีบเยอะแยะ และไม่เกี่ยวกับกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพูดคุยกันก่อนหน้านี้ อาจเป็นพรรคพะเยา หรือพรรคพลังพะเยา หรืออาจจะเป็นอีสานล้านนาก็ได้ ทุกอย่างเตรียมไว้หมดแล้ว เร็วๆ นี้ได้เห็นโฉมหน้าแน่ๆ
เมื่อถามว่า แบบนี้การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรค พปชร.จะไม่แตกเลยหรือ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ก็ไม่แน่ เพราะใจไปแล้ว พูดแล้วนักเลงพอ ทำอะไรแล้วต้องรับผิดชอบ อยู่ที่ไหนก็ได้ขอให้ใจมันอยู่ ถ้าใจมันไม่อยู่ใครจะมาบังคับก็ไม่ได้
นายกฯ ยันไม่ปรับ ครม.
ด้านความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ หลังร่วมประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ครั้งที่ 7 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เสร็จสิ้น ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยมีรายงานว่าเดินทางไปยังมูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร จากนั้น 15.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนามสําหรับผู้ป่วยโควิด-19 ระดับสีแดง ซึ่งขณะที่นายกฯ รับฟังรายงานของ รพ.สนาม มีข่าว ร.อ.ธรรมนัสลาออกจากตำแหน่ง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์มีสีหน้านิ่งๆ โดยมีคณะทำงานโทรศัพท์แจ้งถึงการลาออกดังกล่าว ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ซึ่งนั่งข้างๆ นายกฯ ได้ตรวจสอบข่าวดังกล่าวทันที
ในเวลา 16.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังราชกิจจานุเบกษาประกาศ ร.อ.ธรรมนัสและนางนฤมลพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี โดย พล.อ.ประยุทธ์ถอนหายใจพร้อมกล่าวว่า ได้ข่าวเมื่อกี้นี้รัฐมนตรีลาออก เขาก็เคยพูดไว้อยู่แล้วไม่ใช่หรือว่า ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีก็ออกไปเป็น ส.ส. ก็สามารถช่วยประชาชนได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ช่วยงานกันมาโดยตลอด เดี๋ยวคงเป็นเรื่องของพรรคที่ไปหารือกันว่าจะทำอย่างไร แต่ยืนยันว่างานทุกงานไม่มีหยุดยั้ง มีคนทำงานให้อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าจะไม่มีการปรับ ครม. แต่ขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปจะปรับ ครม.หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวคอยดู คอยฟังข่าว ยังไม่ปรับใครในตอนนี้ เมื่อมีรัฐมนตรีลาออกก็ทำให้มีตำแหน่งว่าง ซึ่งก็ยังไม่ปรับคนเข้า เมื่อถามย้ำว่า ถือว่าเป็นการลาออกหรือว่าปลดออก นายกฯ กล่าวว่า "ก็เขาลาออก เอาแหละ ยังไงเขาก็ไม่อยู่แล้ว จะมายังไง จะไปยังไง ผมไม่ตอบ"
เมื่อถามถึงเนื้อหาในราชกิจจานุเบกษาที่ระบุว่านายกฯ เป็นผู้กราบบังคมทูลให้รัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งเพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการ เท่ากับเป็นการปลดออกใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ของผม ทำของผม" เมื่อถามว่า ร.อ.ธรรมนัสและนางนฤมลมาลาออกก่อนแล้วใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้แจ้งใครทั้งสิ้น มันอยู่ที่ตนเอง เมื่อถามอีกว่ามีเหตุผลอะไร นายกฯ กล่าวว่า "เหตุผลของผม ก็คือเหตุผลของผมสิ เอ้อ"
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ อธิบายถึงพระบรมราชโองการให้ 2 รัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งว่า ถือเป็นการปลดออกจากตำแหน่ง เพราะได้อ้างรัฐธรรมนูญ มาตรา 171 ซึ่งวันที่มีผลบังคับจริงคือวันที่ระบุในพระบรมราชโองการ นั่นหมายถึงตั้งแต่เวลา 01.00 น.ของวันที่ 8 ก.ย.64 ส่วน ร.อ.ธรรมนัสแถลงข่าวว่าได้ทำจดหมายลาออก ก็ไม่รู้ว่าจดหมายฉบับนั้นระบุวันที่เท่าไหร่ แต่สิ่งที่เป็นทางการคือให้ยึดตามพระบรมราชโองการ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรในการปรับเปลี่ยนตัวบุคคล
ส่วน พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงการปรับ ครม.ว่า พล.อ.ประยุทธ์บอกแล้วว่าไม่มีการปรับ สื่อจะมาถามอะไรกันอีก เมื่อถามว่า 3 ป.ยังกลมเกลียวและอยู่ตำแหน่งเดิมใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวสั้นๆ ว่า “เออ” พร้อมทำสีหน้าเบื่อหน่าย
มีรายงานข่าวจากพรรค พปชร.แจ้งว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัสได้เดินทางเข้ามูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อแสดงความประสงค์ลาออก แต่ พล.อ.ประวิตรได้ยับยั้งและบอกว่า "ทุกอย่างจบแล้ว เคลียร์แล้ว ไม่ต้องออก" ขณะเดียวกันในการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 7 ก.ย.ก็มีกระแสข่าวว่า ร.อ.ธรรมนัสอาจขอลาออกกลางที่ประชุม เนื่องจากว่าหลังปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอาจส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ปลดออกจากตำแหน่ง ซึ่งในวันที่ 9 ก.ย. ร.อ.ธรรมนัสได้แถลงลาออกที่รัฐสภา ซึ่งเป็นเวลาใกล้เคียงกับที่ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่พระบรมราชโองการปลด ร.อ.ธรรมนัสและนางนฤมลพ้นจากตำแหน่ง
มีรายงานข่าวอีกว่า หลังจากการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อวันที่ 4 ก.ย. ซึ่งนายกฯ ได้รับคะแนนไว้วางใจรองบ๊วยและมีคะแนนไม่ไว้วางใจมากที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ได้ปรารภคนใกล้ชิดว่า "มีคนหักหลัง ให้ไปดูหน่อย"
ทั้งนี้ ในส่วนของพรรค พปชร.ยังต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน เนื่องจาก ร.อ.ธรรมนัสหลังแถลงขอเลือกเส้นทางเดินใหม่ และอาจสร้างบ้านหลังใหม่ ทำให้ต้องติดตามดูความเปลี่ยนแปลงภายใน พปชร.ที่อาจทำให้มีการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคครั้งใหญ่หรือไม่ โดยเฉพาะตำแหน่งเลขาธิการพรรค ที่ก่อนหน้านี้มีชื่อของนายสันติเป็นแคนดิเดตเลขาธิการพรรคมาแล้วถึง 2 ครั้ง ซึ่งในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ นายสันติได้แยกตัวออกจากกลุ่ม 4 ช.และประกาศตัวสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ชัดเจน
สำหรับกรณีฝ่ายค้านระบุเรื่องการแจกเงินช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้เรื่อง ส่วนที่ฝ่ายค้านระบุมีหลักฐานจะไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ไม่รู้ แต่ยืนยันว่าพรรคและตนเองไม่กังวลเพราะไม่ได้ทำอะไรเลย พรรคไม่มีนโยบายอะไรแบบนี้
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวประเด็นนี้ว่า นายกฯ ไม่ใช่คนแบบนั้น และได้ชี้แจงแล้วว่ามี ส.ส.มาเข้าพบเพื่อให้กำลังใจ ไม่ได้มีการแจกเงินใดๆ ทั้งสิ้น ภายในห้องนายกฯ มีแต่กระเป๋าเอกสาร นายกฯ มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไม่ทำเรื่องเช่นนี้เด็ดขาด ซึ่งหากมีความพยายามทำเรื่องนี้ให้เป็นประเด็นการเมืองจนทำให้นายกฯ เสียหาย ก็จำเป็นต้องมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการ
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มันเป็นความหน้าแตกของคนทางไกลที่สร้างเกมเพื่อล้มนายกฯ พอพ่ายแพ้เสียงโหวต หน้าแตกขึ้นมาก็เลยหาทางใส่ร้ายนายกฯ ทุกรูปแบบ เขาเรียกพวกอันธพาลขี้แพ้ชวนตีมากกว่า
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดและไปตรวจสถานที่จริงแล้ว ปรากฏว่าทั้งหน้าห้องทำงานนายกฯ และ ส.ส.ท่านอื่นไม่มีกล้องวงจรปิด จึงได้สั่งการให้เลขาธิการสภาตรวจสอบหาข้อเท็จจริงอย่างละเอียด
ขณะที่ นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภา ระบุว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้มีการประชุมกันแล้ว และได้เชิญนายวิสารมาให้ข้อมูลและจะเชิญคนอื่นๆ ต่อไป ซึ่งนางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานกรรมการ จะตรวจสอบรวบรวมข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |