"วิษณุ" แจงแม้ร่าง รธน.ถูกคว่ำในวาระ 3 ก็ถือว่ารัฐบาลทำตามนโยบายที่เสนอต่อสภาแล้ว “ชินวรณ์” มั่นใจผ่านวาระ 3 แน่ เผยคุย ส.ว.ระดับแกนนำยังยืนยันให้ความร่วมมือโหวตเห็นชอบ “7 พรรคเล็ก" แท็กทีมประกาศโหวตคว่ำ ปัดกลัวสูญพันธุ์ แต่ห่วงคะแนนเสียงตกน้ำ หวั่นใช้บัตร 2 ใบได้เผด็จการรัฐสภาเหมือนยุค “ทักษิณ-สมัคร-ยิ่งลักษณ์" ลั่นหากผ่านจะยื่นศาล รธน.ตีความ "ธีรัจชัย” ถาม “บิ๊กตู่” กล้ายื่นดาบให้ศัตรูฆ่าตัวเองหรือ "สุทิน" โวแหลกใช้บัตรเลือกตั้งกี่ใบ พท.ก็ชนะ ทนายความซุ่มยื่น ป.ป.ช.ฟัน ส.ส.แก้ รธน.มิชอบ ขยายความเกินเลยจากหลัการ
เมื่อวันที่ 8 กันยายน มีความเคลื่อนไหวก่อนการประชุมรัฐสภาในวันศุกร์ที่ 10 ก.ย. เพื่อพิจารณาเรื่องด่วนคือ การลงมติในวาระ 3 ของร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พุทธศักราช.... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91) เรื่องบัตรเลือกตั้ง ส.ส. 2 ใบ ซึ่งเป็นที่จับตาว่าผลการโหวตลงมติจะผ่านวาระ 3 หรือไม่
โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ทราบว่าจะออกแนวไหนได้บ้าง และทางรัฐบาลก็ไม่ได้หารือในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องของ ส.ส.สภาและพรรคการเมืองที่ต้องไปคุยกันเอง
"หากถูกคว่ำแล้วก็ไม่เดินแล้ว แต่หากไม่คว่ำก็จะเดิน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เช่น รัฐบาลลาออก ยุบสภา หรืออะไรก็ตาม หรือหากพิจารณาแล้วเสร็จใครจะมีการส่งศาลรัฐธรรมนูญ หรืออะไรก็ทำไป แต่ว่าเมื่อจบกระบวนการก็ต้องขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายประกาศใช้อยู่ดี เป็นเรื่องของสภาและพรรคการเมือง"
เมื่อถามว่า หากร่างรัฐธรรมนูญถูกคว่ำจะถือว่ารัฐบาลไม่ทำตามนโยบายที่เร่งด่วนที่แถลงไว้ต่อสภาหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะมีการทำตามนโยบายตั้งแต่เสนอเข้าไปแล้ว และทางสภาก็รับหลักการไปแล้ว ถ้าจะผ่านหรือไม่ผ่านก็เป็นเรื่องของสภา แต่หากอยากแก้ไข รธน.ก็เสนอเข้ามาอีกได้เพราะถ้าพูดไปแล้วที่ผ่านมาฉบับนั้นก็ไม่เอาอันนี้ก็ไม่เอา ก็มาเอาอันนี้ ซึ่งมันก็ไม่ได้สมบูรณ์นักอย่างที่เรารู้กันอยู่
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะประธานวิปพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการประชุมพรรค ปชป.เมื่อวันที่ 7 ก.ย.ว่า เป็นการพิจารณาเรื่องการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ซึ่งพรรคยืนยันว่า ในฐานะผู้เสนอร่างแก้ไข และมีมติเห็นชอบในชั้นรับหลักการและชั้นแปรญัตติวาระ 2 ดังนั้น การลงมติวาระ 3 พรรคจึงเห็นควรมีมติให้ความเห็นชอบ เพื่อจะได้นำรัฐธรรมนูญฉบับนี้ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย นำไปสู่การประกาศใช้ต่อไป และหวังว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของทางออกปัญหาทางการเมือง แม้การแก้ไขจะเป็นประเด็นเดียว คือเรื่องระบบเลือกตั้ง แต่ก็เกี่ยวข้องกับบริบททางการเมืองที่จะทำให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น โดยเฉพาะบัตร 2 ใบ ที่จะทำให้พรรคการเมืองมีความเข้มแข็งขึ้น จึงหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
“แม้การลงมติจะต้องใช้เสียง ส.ว. 1 ใน 3 คือจำนวน 84 เสียง เสียง ส.ส.ฝ่ายค้านร้อยละ 20 แต่ผมก็มั่นใจว่าการลงมติในวาระ 3 ครั้งนี้จะไม่มีเหตุผลอื่น เพราะในการพิจารณาชั้น กมธ. ก็มีการแก้ไขประเด็นที่เห็นต่างแล้ว จึงมั่นใจว่าการลงมติวาระ 3 จะมีความเห็นชอบอย่างพร้อมเพรียงกัน” นายชินวรณ์กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ขณะนี้มี ส.ว.บางส่วนออกมาส่งสัญญาณว่าอาจโหวตคว่ำร่างแก้ไข รธน. นายชินวรณ์กล่าวว่า จากการทำงานในชั้น กมธ.ด้วยกัน ส.ว.ที่เป็นหลักยังเห็นด้วย และในฐานะที่ตนเป็นรองประธานวิปรัฐบาล ก็ได้รับการประสานจาก ส.ว. ระดับแกนนำที่ยังยืนยันให้ความร่วมมือเห็นชอบวาระ 3 ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ที่ผันผวนอื่น ยังมั่นใจว่าร่างแก้ไข รธน.จะได้รับความเห็นชอบในวาระ 3 ส่วนกรณีที่หากที่ประชุมรัฐสภาโหวตผ่านวาระ 3 แล้ว มีผู้ไปยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ จะเป็นภาระความรับผิดชอบของบุคคลนั้นทันทีว่าเป็นการไปยื่นตีความเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ซึ่งส่วนตัวเชื่อมั่นว่าจะไม่มีใครไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ
นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ส.ส.ของ ชทพ. ถึงทิศทางการลงมติร่างแก้ไข รธน.วาระ 3 ว่าที่ประชุมเห็นพ้องให้ฟรีโหวต ให้เป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. แต่ส่วนตัวตนจะให้ความเห็นชอบเรื่องบัตร 2 ใบ เพราะเห็นว่าจาก รธน.ปี 40 เราสามารถนำมาปรับปรุงใช้ในคราวนี้ได้ และหลักการนับคะแนนสามารถนำมาปรับปรุงให้ดีกว่า รธน.ปี 40 ได้ และยังสามารถแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งให้ดีกว่าเดิมได้ เป็นเหตุผลที่ตนเห็นว่าควรสนับสนุน ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่าจะโหวตคว่ำนั้น ในขณะที่แก้ไขร่าง รธน.กันนั้น ส.ว.เองมีความกังวลในประเด็นเรื่องบัตร 2 ใบ แต่กรรมาธิการได้ถอดมาตราที่กังวลว่าจะมีปัญหาออกหมดแล้ว เหลือเพียงมาตรา 86 มาตราเดียวที่จำเป็นต้องแก้ เนื่องจากจะต้องแก้ไขไปตามคำแปรญัตติ เพราะมีความเกี่ยวข้องอย่างสำคัญ จึงไม่ได้มีปัญหา อีกทั้งที่ประชุมรัฐสภาได้ยืนยันแล้วว่า สามารถทำได้ มีมติยืนยันชัดเจน ดังนั้นกรณีที่สงสัยกันว่าผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ทำได้หรือไม่ ตามข้อบังคับทุกอย่างเคลียร์หมดแล้ว ชัดเจนว่าไม่น่าจะมีประเด็นที่จะเป็นเหตุให้ทาง ส.ว.จะโหวตคว่ำ
7 พรรคเล็กผนึกโหวตคว่ำ
ที่รัฐสภา นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ พร้อมตัวแทน 7 พรรคเล็กร่วมรัฐบาลที่มีส.ส.พรรคละ 1 เสียง ได้แก่ พรรคพลเมืองไทย, พรรคครูไทย, พรรคไทรักธรรม, พรรคประชาธรรมไท, พรรคพลังชาติไทย, พรรคเพื่อชาติไทย แถลงจุดยืนในการโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ในวันที่ 10 ก.ย.นี้ ว่ากลุ่มพรรคเล็กมีมติโหวตคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ด้วยเหตุผลว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 60 ผ่านการทำประชามติจากประชาชนแล้ว อีกทั้งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ยกเลิกระบบจัดสรรปันส่วนผสม ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนตัวเล็กๆ เข้ามามีโอกาสทำงานในสภา รวมถึงล้มระบบ ส.ส.พึงมีที่ถือเป็นระบบที่ยุติธรรมที่สุดและยังล้มหลักการเรื่องคะแนนเสียงตกน้ำจากเดิมที่นำมารวมเป็นคะแนนของพรรคการเมืองได้ตกน้ำไป ซึ่งรัฐธรรมนูญปี 40 และปี 50 ที่ใช้ระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ทำให้เห็นว่ารัฐบาลยุค “ทักษิณ-สมัคร-ยิ่งลักษณ์” เกิดเผด็จการรัฐสภา มีการคอร์รัปชันเชิงนโยบายมโหฬารอย่างโจ่งแจ้ง
เมื่อถามว่า หลายฝ่ายมองว่าการที่พรรคเล็กออกมาประกาศคว่ำร่าง รธน.ฉบับนี้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ไม่ให้สูญพันธุ์หรือไม่ นพ.ระวีกล่าวว่า เหมือนจะใช่ แต่ไม่ใช่ เพราะถ้าผ่านร่าง รธน.ฉบับนี้พรรคขนาดเล็กจะสูญพันธุ์ พรรคขนาดกลางจะถูกแช่แข็งไปด้วย ยืนยันพรรคเล็กมีจุดยืนเรื่องนี้มาโดยตลอด เมื่อถามว่าที่บอกว่าพรรคเล็กชอบกินกล้วยหรือเป็นพรรคปัดเศษ นพ.ระวี ย้อนถามกลับว่า เคยมีกล้วยที่ไหนให้พรรคเล็ก มีแต่พรรคขนาดใหญ่ที่มีรัฐมนตรีได้เงินทอนจากโครงการต่างๆซึ่งการที่พรรคเล็กกล้าโหวตสวนเพราะพรรคเล็กไม่มีรัฐมนตรี จึงไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง
"ในวันที่ 10 ก.ย.นี้ ขอเรียกร้องให้ ส.ส.โหวตคว่ำร่วมกับพรรคเล็ก รวมถึงเรียกร้องให้ ส.ว.คิดให้รอบคอบร่วมโหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วย เพราะถ้า ส.ว.สนับสนุนไม่ถึง 84 เสียงจะทำให้ร่างนี้ตกไป แต่หากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่าน กลุ่มพรรคเล็กจะร่วมกับพรรคขนาดกลางลงชื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญตีความ ทั้งนี้หากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญจริงๆ ขอให้ทำประชามติก่อน" นพ.ระวีกล่าว
สำหรับพรรคเล็ก ปัจจุบันมี 9 พรรค โดย 7 พรรคแรก ได้แก่ พรรคพลังธรรมใหม่, พรรคพลเมืองไทย, พรรคครูไทย, พรรคไทรักธรรม, พรรคประชาธรรมไท, พรรคพลังชาติไทย, พรรคเพื่อชาติไทย ไม่สนับสนุนบัตร 2 ใบ ขณะที่อีก 2 พรรคคือ พรรคประชาธิปไตยใหม่กับพรรคประชาภิวัฒน์ ขณะนี้ให้การสนับสนุนแนวทางบัตร 2 ใบ
นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงว่า พรรคก้าวไกลยังยืนยันว่าเห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญให้ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และไม่เห็นด้วยกับบัตรเลือกตั้งใบเดียวของรธน.ปี 60 แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้กลับแก้ไขไปเป็นแบบ รธน.ปี 40 ซึ่งทำให้พรรคใหญ่เกิดการกินรวบและนำสู่การรัฐประหาร ซึ่งพรรคไม่อยากเห็นเช่นนั้นอีก การแก้ไขครั้งนี้ พรรคขนาดใหญ่ทั้งพรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทยได้ประโยชน์ แต่ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน
“การโหวตวาระ 3 จะผ่านหรือไม่ผ่านอยู่ที่ 2 ส่วน คือหนึ่ง เสียงของ ส.ว. เพราะในรัฐธรรมนูญมาตรา 256 อนุ 6 กำหนดว่าต้องได้เสียงเห็นชอบจาก ส.ว. 1 ใน 3 ของจำนวน ส.ว.ทั้งหมด หรือ 84 เสียง และสอง อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าจะส่งสัญญาณอย่างไร และอยากถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะยื่นดาบให้ศัตรูเพื่อมาฆ่าตัวเอง”
ยื่นปปช.ฟันแก้รธน.มิชอบ
นายธีรัจชัยกล่าวด้วยว่า พรรคก้าวไกลจะมีประชุมช่วงเย็นของวันที่ 9 ก.ย. นี้ เพื่อกำหนดว่าจะมีมติพรรคอย่างไรในการออกเสียงโหวตวาระ 3 ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขฉบับนี้ ไม่เรียบร้อย และลุกลี้ลุกลน โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับส.ส.พึงมี กล่าวคือมีการแก้ไขให้มี ส.ส.บัญชีรายชื่อก็จริง ขณะเดียวกันยังคงมาตรา 93 และมาตรา 94 ให้ต้องคำนวณ ส.ส.พึงมีไว้ตามเดิม เสมือนเป็นหัวมังกุท้ายมังกร และอยากถามว่าหากเป็นเช่นนี้จะแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. อย่างไร ทั้งนี้ การแก้ไข รธน.คิดว่าจำนวน ส.ส.ของพรรคไม่ลด แต่กลับจะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในพรรคมากกว่าเดิม เพราะประชาชนอยากได้พรรคที่อยู่กับร่องกับรอย
ด้านนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน และ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประเมินว่าขณะนี้ยังเป็นที่สับสน ชี้ชัดไม่ได้ว่าจะออกมาแบบไหน ตัวชี้ขาดคือ ส.ว. ยังคงแลกเปลี่ยนความเห็นกันจนนาทีสุดท้าย ยัง 50-50 ออกได้ทั้ง 2 ทาง เดาใจยาก แต่ไม่ว่าจะมีการแก้ไขหรือไม่ พรรคเพื่อไทยไม่วิตกว่าจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบ บัตรเลือกตั้งใบเดียวเราก็ชนะ ถ้า 2 ใบมั่นใจว่าชนะ แต่บัตร 2 ใบการเมืองจะเดินไปด้วยความราบรื่น ระบบเป็นที่น่าเชื่อถือของต่างชาติ ประชาชนยอมรับผลการเลือกตั้ง และยอมรับกระบวนการทางการเมืองมากกว่าเดิม แต่บัตรใบเดียวจะไม่สะท้อนเจตนารมณ์ประชาชน การยอมรับจากประชาชนก็น้อย การตั้งรัฐบาลก็จะมีสภาพแบบที่เป็นอยู่บางพรรคหลายพ่อหลายแม่ ดังนั้นเรื่องผลการเลือกตั้งแพ้ชนะระบบไหนเราก็พร้อมเสมอ
เมื่อถามว่า พรรคเล็กและพรรคก้าวไกลระบุว่าบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ พรรคใหญ่จะกินรวบ นายสุทินกล่าวว่า รวบ-ไม่รวบต้องคำนึงถึงระบบใหญ่ของระบอบประชาธิปไตย เช่น ประเทศอังกฤษ มี 2 พรรคใหญ่เท่านั้น พรรคใหญ่ที่แข็งแกร่ง 2-3 พรรค คือวิถีทางที่ถูกต้อง ส่วนระบบประธานาธิบดี แบบสหรัฐอเมริกา มี 2 พรรคใหญ่ ไม่เห็นมีปัญหาอะไร การที่บอกว่าจะมีพรรคใหญ่กินรวบจึงไม่ใช่ปัญหา สำคัญคือพอพรรคใหญ่ได้คะแนนเยอะ ระบบตรวจสอบและจริยธรรมของพรรคใหญ่นั้นต่างหากที่สำคัญ ในสภาเสียงมากขนาดก็ตาม สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช.และผู้ตรวจการแผ่นดิน ถ่วงดุลล้นเหลืออยู่แล้วไม่น่ากังวล พรรคใหญ่กินรวบจึงไม่มีปัญหา แต่ที่จะมีปัญหาคือพรรคเบี้ยหัวแตกกระจัดกระจาย แบบนั้นจะทำให้ระบอบประชาธิปไตยมีปัญหา
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายพีรพัฒน์ แสนพาน ทนายความ ยื่นเรื่องถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช.ขอให้ตรวจสอบเจ้าพนักงานของรัฐ มีพฤติการณ์กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ กรณีแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 83 และ 91 ที่คณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ได้ไปแก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาผิดไปจากวาระรับหลักการตามที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เสนอมา โดยมีการเพิ่มเนื้อหาในมาตรา 83 ที่นอกเหนือไปจากเรื่องการกำหนดให้มี ส.ส.เขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ในชั้นวาระรับหลักการ ซึ่งขัดต่อหลักการที่ไม่ให้ กมธ.แก้ไขเนื้อหาเกินกว่าหลักการได้ ถือเป็นการแก้ไขขยายความเลยเถิด ตามอำเภอใจที่เกินเลยไปจากหลักการ เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมายและหลักนิติธรรม และอาจเป็นความผิดตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ที่ให้ใช้บังคับกับ ส.ส., ส.ว. และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้วย จึงขอให้ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนการกระทำดังกล่าวเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |