ต้องบอกว่า “ไวรัสมรณะ” ยังคงเป็นประเด็นร้อนรายวันอยู่ต่อเนื่อง โดย ในระดับโลกนั้นผู้ติดเชื้อก็ทะลุ 222 ล้านคนไปแล้ว ในขณะที่ผู้เสียชีวิตก็เพิ่งผ่านหลัก 4.6 ล้านรายไปหมาดๆ ขณะที่พี่ไทยเองตัวเลขแม้จะยังทรง เพราะต่างเชื่อว่าผ่านจุดพีกไปแล้ว แต่ถ้าดูให้ดีจะเห็นว่าแนวโน้มยังไม่น่าไว้วางใจแต่ประการใด เพราะเป็นตัวเลขที่เกินระดับหมื่นในทุกๆ วัน ...๐

ล่าสุด “นพ.เฉวตสรร นามวาท” ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มาทำหน้าที่แทนโฆษกและผู้ช่วยโฆษก ศบค. ในการแถลงตัวเลขผู้ป่วย พบว่าพี่ไทยมียอดผู้ติดเชื้อใหม่ 14,176 ราย และเสียชีวิตเพิ่มอีก 228 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อของไทยยังอยู่อันดับที่ 29 ของโลก ซึ่งก็เรียกว่าทรงมาเกือบจะสัปดาห์แล้ว แต่ขอฟันธงไว้ตรงนี้เลยว่า ในช่วง ปลายสัปดาห์นี้และต่อไปถึงต้นสัปดาห์ ตัวเลขผู้ติดเชื้อของไทยอาจจะกลับมาขยับขึ้นอีกครั้ง ...๐

งานนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการบีบตีวเลขในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะมันเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ เนื่องจาก “ตัวเลข” ของไทยนั้นไม่ใช่จะโผล่ที่ไทยอย่างเดียว แต่จะไปโผล่ในระหว่างประเทศ หรือระดับสากลทั่วโลกด้วย คงไม่มีคนหรือรัฐบาลบ้าที่ไหนจะมาเสกสรรปั้นแต่งตัวเลข แต่ที่จะเพิ่มขึ้นก็มาจาก ผลพวงการผ่อนคลายมาตรการเมื่อต้นเดือนที่ผ่านนั่นแล ที่จะเริ่มส่งผลดังกล่าว และจะเป็นตัวผลักดันให้พี่ไทยขยับพรวดๆ ขึ้นไปในตารางประเทศผู้ติดเชื้อทั่วโลกด้วย ...๐

สงสัย การยุบเลิก “ศบค.” จะใกล้เข้ามาทุกที เพราะกฤษฎีกาเองก็ออกเอกสารข่าวชี้แจงว่าปรับปรุงกฎหมายใกล้เสร็จรอมร่อ เหลือเพียงการนำข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีมาปรับปรุงเท่านั้น ขณะเดียวกัน “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรีก็ออกมาตอกย้ำถึงวาระของ ศบค.อีกระลอกว่า หากใช้กฎหมายใหม่  ศบค.ก็ต้องปลิวไปตามสถานการณ์ และยิ่ง การให้ “หมอเฉวตสรร” มาทำหน้าที่แถลงแทน “หมอทวีศิลป์” และ “พญ.อภิสมัย” ก็ยิ่งเป็นการส่งสัญญาณ ชัดแจ้ง ...๐

มีประเด็นผลพวงจาก “เวิร์กฟรอมโฮม” ที่น่าสนใจ เมื่อ “ไตรศุลี ไตรสรณกุล” รองโฆษกฯ กวางออกมาบอกว่า “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ห่วงใยการขายสินค้าผ่อนช่องทางสื่อสารต่างๆ จำนวนมากโดยเฉพาะทีวีดิจิทัล จึงให้ “สคบ.-สมอ.-อย.” เข้าไปตรวจสอบตรวจดูคุณภาพมาตรฐาน ของสินค้า โอ้! พระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก ลุงตู่เพิ่งจะตื่นแม้สายไปบ้างก็ตามที เพราะเรื่องดังกล่าวมีมานานนมตั้งแต่ก่อนยุค “นิวนอร์มอล” แล้ว ที่สำคัญอย่าดูเพียงเรื่องคุณภาพและมาตรฐานอย่างเดียว ควรสอดส่องเรื่องราคาบ้างก็น่าจะดี ว่าทำไมถึงลดแหลก แจก แถม ได้ขนาดนั้น หรือเพราะราคาที่วางขายปกตินั้นกำไรเกินต้นทุนไปนับหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ ...๐

ต้องปรบมือให้กับ “ธนกร วังบุญคงชนะ” เพราะดูเหมือนทำหน้าที่ “โฆษก” ได้ดี หาประเด็นหาข่าวมาทำพีอาร์ได้อย่างต่อเนื่องทุกวี่วัน โดยเฉพาะเรื่องของความคืบหน้าในมาตรการเยียวยาต่างๆ ล่าสุดก็ชี้แจงถึงการเยียวยาของมนุษย์เงินเดือนและฟรีแลนซ์ทั้งหลาย โดยบอกว่ามีการจ่ายคืบหน้าไปถึง 97% แหม ต้องเรียกว่าดีใจกับผู้ได้รับเงินดังกล่าวด้วย แต่ดูเหมือน “พนักงานปลายซอย” ไทยโพสต์ จะอยู่ในกลุ่ม 3% ที่ยังไม่ได้รับการเยียวยา ซึ่งอาจเพราะยื่นเรื่องล่าช้าไปบ้าง แต่ก็หวังว่าผู้ยื่นช้าหรือผู้ขอให้ทบทวนสิทธิ์ทั้งหลายจะไม่ถูกเท แล้วที่สำคัญหากมีความคืบหน้าแบบมีวันเวลาบอกแบบชัดเจนก็จะดีมากๆ ...๐

หันมาเรื่องการมุ้งการเมืองกันบ้าง โดยเฉพาะควันหลงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่ง ดูเหมือน “สุทิน คลังแสง” ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ที่ทำหน้าที่เสมือนหัวหน้าพรรค จะมั่นอกมั่นใจเสียเหลือเกินในเรื่องการแจกเงิน 5 ล้านบาท ที่รัฐสภา เพื่อแลกกับการโหวต เพราะบอกว่ามีทั้งพยานบุคคล มีทั้งคลิป มีทั้งกล้องวงจรปิด หลังจากที่ “วิสาร เตชะธีราวัฒน์” ส.ส.เชียงราย ออกมาเปิดประเด็น งานนี้ลูกเล็กเด็กแดงทั้งหลายได้ยินได้ฟังก็นึกว่าเป็นละครย้อนยุคระเบิดภูเขาเผากระท่อมเสียอีก เพราะในโลกทุกวันนี้ยังมีคนหอบเงินสดมาให้กันอีกเหรอ ดีไม่บอกว่าเป็นเงินที่เอาออกมาจากตุ่มที่ฝังไว้ให้ฮาเข้าไปอีก และที่สำคัญไปเอาสาระกับคนที่เคยเอามีดกรีดแขนในสภาให้อับอายไปทั่วโลกอีกต่างหาก หรือเพราะ จดจำสไตล์ “ถุงขนม 2 ล้านบาท” ที่ไปทำหล่นไว้ของนายเหนือ เลยหวังมาย้อนศร “รัฐบาลลุงตู่” กันจ๊ะ อยากบอกจริงๆ ว่าเรื่องเงิน 5 ล้านบาทนั้น ถ้าทำจริงก็ต้องบอกโค-ตะ-ระโง่บัดซบจริงๆ แต่ถ้าไม่จริงขึ้นมา ก็อยากรู้ว่า พรรคเพื่อไทยจะรับผิดชอบอะไรหรือไม่ หรือจะแค่ล้อฟรีว่าตั้งข้อสงสัยได้จ๊ะ ...๐

...ท.ศักดิ์