8 ก.ย.64 - เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ทำเนียบรัฐบาล นพ.เฉวตศรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงตอนหนึ่งว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับ ติดตาม และประเมินผล มาตรการด้านการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคในพื้นที่ กทม. ได้เร่งให้มีการฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนทุกสังกัดตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ตอนปลาย และ ปวช. ใน กทม. ที่มี 4 แสนกว่าคน 

ด้านสำนักงานประกันสังคมได้รายงานการฉีดวัคซีนในกลุ่มแคมป์คนงาน โดยมีการฉีดไปแล้ว 606 แคมป์ คาดว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 10 ก.ย. ขณะที่แคมป์คนงานที่ไม่มีการเคร่งครัด ปล่อยให้มีการระบาด ควรที่ลงโทษปรับ โดยให้สำนักงานควบคุมโรคเสนอ กทม.ต่อไป ส่วนการตรวจแบบ ATK ทาง กทม.จะประสาน สปสช. เพื่อจะนำเครื่องตรวจ ATK 2,410,300 ชิ้นมอบให้กับกลุ่มต่างๆ  

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ลดลงขณะนี้เป็นเพราะตรวจเชิงรุกน้อยลงหรือไม่ แล้วทำไมจึงไม่นำผลตรวจ ATK มารวมกับ RT-PCR นพ.เฉวตรสรร กล่าวว่า เราสนับสนุนเปิดให้เข้าถึงการตรวจหาเชื้ออย่างเต็มที่ แต่ธรรมชาติเมื่อเกิดการระบาดจะเห็นว่า ในช่วงกลางเดือน ส.ค. เมื่อมีผู้ป่วยหนึ่งรายจะมีผู้สัมผัสเสี่ยงจำนวนหลายคน ดังนั้น เมื่อผู้ป่วยช่วงนี้ลดลงจำนวนผู้สัมผัสเสี่ยงและไปตรวจที่โรงพยาบาลก็จะลดลงตามด้วย

อย่างไรก็ดี เรายังให้ความสำคัญในการตรวจเชิงรุกอยู่ตลอดเวลา ยังคงติดตามเปอร์เซ็นต์ผลบวกอยู่ตลอดว่าสูงขึ้นหรือต่ำลงอย่างไร มีสิ่งใดผิดสังเกตหรือไม่ ซึ่งตามรายงานของ กทม.ล่าสุด ค่ากลางในคนตรวจ ATK จะเจอผลบวก 7-10% ยังเป็นแนวโน้มระดับนี้ต่อเนื่อง การที่ตัวเลขน้อยลงส่วนหนึ่งเป็นเพราะธรรมชาติของการระบาดในช่วงที่เป็นขาลง จำนวนผู้ป่วยน้อยลง จำนวนผู้เสี่ยงสูงน้อยลง แต่ถ้าใครมีเกณฑ์เสี่ยงสามารถเข้ารับการตรวจได้ และการที่ไม่นำ ATK มารวมยอด เนื่องจากเป็นหลักการพิจารณาทางวิชาการ นิยามของผู้ติดเชื้อ ที่ปฏิบัติและอิงตามองค์การอนามัยโลก และติดตามตัวเลขทั้งสองส่วนว่ามีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงอย่างไร ถึงแม้จะไม่รวมกันก็สามารถเห็นยอดทั้งสองส่วนได้ โดยไม่ได้ปิดบัง จึงไม่ต้องกังวลใจ