ไฟเขียว4.2พันล้านซื้อซิโนแวค12ล.โดส


เพิ่มเพื่อน    

ยอดติดเชื้อใหม่ยังอยู่ 1,381 ราย แต่เสียชีวิตขยับขึ้น 241 ราย "ปากน้ำ" กลับมาทะลุหลักพัน "อนุทิน" ลั่นพร้อมสานงาน "ศบค." หากถูกยุบ "ครม." ไฟเขียวซื้อซิโนแวคเพิ่ม 12 ล้านโดส รองรับฉีดวัคซีนสูตรผสม ร่นระยะเวลาสร้างภูมิคุ้มกันหมู่เร็วขึ้น "วุฒิสภา" เร่งคุมเข้มแพร่เชื้อโควิดก่อนประชุมร่วมรัฐสภา 10 ก.ย. "พิพัฒน์” ลั่นเดินหน้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ต่อ "อำนาจเจริญ" นำร่องเปิดเรียน 2 โรงเรียนดัง
    เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 13,821 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 13,297 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 11,994 ราย, มาจากการค้นหาเชิงรุก 1,303 ราย และมาจากเรือนจำ 518 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 6 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,308,343 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 16,737 ราย ทำให้มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,149,595 ราย อยู่ระหว่างรักษา 145,465 ราย อาการหนัก 4,487 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 985 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 241 ราย เป็นชาย 133 ราย หญิง 108 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 169  ราย มีโรคเรื้อรัง 39 ราย เป็นหญิงตั้งครรภ์ 2 ราย อยู่ จ.บุรีรัมย์และจันทบุรี พบผู้เสียชีวิตมากสุดอยู่ที่ กทม. 85 ราย ในจำนวนนี้ระบุว่ารายงานหลังเสียชีวิตเกิน 7 วัน 17 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 13,283 ราย 
    สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ กทม. 3,997 ราย, สมุทรปราการ 1,140 ราย, ชลบุรี 718 ราย, สมุทรสาคร 694 ราย, ราชบุรี 439 ราย,  ระยอง 357 ราย, พระนครศรีอยุธยา 311 ราย, นนทบุรี 249 ราย, ภูเก็ต 232 ราย, ปัตตานี 215 ราย ส่วนผู้ได้รับวัคซีนเมื่อวันที่ 6 ก.ย. มีการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม 722,377 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 36,635,271 โดส 
    ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงแนวทางการยุบ ศบค.ว่า ด้านการสาธารณสุขมีความพร้อม แต่ต้องหาวิธีการบูรณาการกับภาคส่วนอื่นๆโดยเฉพาะด้านความมั่นคง การบังคับใช้กฎหมาย เรื่องการสนับสนุนระหว่างกันของหน่วยงาน แต่คิดว่าจะต้องหารือกัน
    ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตอนหนึ่งว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบอนุมัติกรอบวงเงิน 4,254.36 ล้านบาท สำหรับจัดหาวัคซีนซิโนแวคเพิ่มเติม จำนวน 12 ล้านโดส เพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคแก่ประชาชน ใน 4 กลุ่มเป้าหมาย ดังนี้ 1.กลุ่มประชาชนที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง (ปอดอุดกั้น หอบหืด), โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตเรื้อรังระยะที่ 5 (ไตวายเรื้อรัง), โรคหลอดเลือดสมอง, โรคมะเร็งทุกชนิดที่อยู่ระหว่างการรักษาด้วยเคมีบำบัด รังสีบำบัดและภูมิคุ้มกันบำบัด, โรคเบาหวาน และโรคอ้วน (BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 35 น้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม) 2.ประชาชนอายุ 60 ปีขึ้นไป​ 3.เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโควิด-19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย เช่น ด่านควบคุมโรคตามชายแดน สถานกักกันโรค ทหาร ตำรวจ เจ้าที่เก็บขยะติดเชื้อเป็นต้น และ 4.ประชาชนทั่วไปที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย
เคาะซิโนแวคเพิ่ม 12 ล.โดส
    นายธนกรกล่าวว่า การจัดหาวัคซีนซิโนแวคจำนวน 12 ล้านโดสนี้ เพื่อให้เป็นไปตามแผนการจัดหาวัคซีนให้แก่ประชาชน เพราะเป็นวัคซีนที่ผลิตแล้วไม่ต้องทำการจัดซื้อล่วงหน้า ทำให้สามารถส่งมอบได้ในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค. และยังเป็นการรองรับการฉีดวัคซีนสูตรผสมและเพิ่มความครอบคลุมของการได้รับวัคซีนแก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศที่รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มวัยแรงงาน 8 ล้านคน และกลุ่มแรงงานต่างด้าว 2 ล้านคน โดยเฉพาะในพื้นที่เศรษฐกิจกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อชะลอไม่ให้เกิดการติดเชื้อและแพร่กระจายในวงกว้าง 
    "การฉีดวัคซีนไขว้ระหว่างวัคซีนซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้า จะสามารถร่นระยะเวลาการฉีดลงได้ และยังทำให้เกิดภูมิคุ้มกันในระดับสูงตามผลการวิจัย ช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคแก่ประชาชน ลดอัตราการป่วย/การเสียชีวิต และลดค่าใช้จ่ายภาครัฐในการดูแลรักษาผู้ป่วยจากโรคโควิด-19 รวมทั้งลดผลกระทบ ฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจและสังคมให้กลับสู่สภาวะปกติได้โดยเร็ว" โฆษกสำนักนายกฯ กล่าว
    ส่วนที่รัฐสภา สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้ออกเอกสารชี้แจงกรณีที่นายธีรเดช ทินเที่ยง ลูกจ้างประจำฝ่ายอาคารสถานที่ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่บ้านพักอาคารรัฐสภา ตึก 2 ชั้น 2 ระบุว่า นายธีรเดชได้มาปฏิบัติงานที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.-3 ก.ย. ซึ่งในวันที่ 3 ก.ย. นายธีรเดชไม่ได้สวมแมสก์ 
    ทั้งนี้ นายธีรเดชได้ไปตรวจหาเชื้อในวันที่ 5 ก.ย. แต่ผลตรวจยืนยันว่าติดเชื้อนั้นออกมาในวันที่เสียชีวิต โดยมีผู้เกี่ยวข้องที่มีความเสี่ยงสูงคือภรรยาของผู้เสียชีวิต เปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวหมูในโรงอาหาร ชั้น 1 ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ภรรยาของนายธีรเดชได้มาขายก๋วยเตี๋ยวทุกวัน โดยหยุดขายไปตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย. เนื่องจากติดธุระ และวันที่ 6 ก.ย. ได้ไปรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 พบว่าเป็นผลบวก ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีอาการแต่อย่างใด
    สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจึงได้ดำเนินการ 1.ให้ผู้ขายอาหารในโรงอาหารบริเวณดังกล่าว ตรวจแอนติเจน เทสต์คิต (ATK) ทุกราย 2.ให้บุคลากรของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาที่พักอาศัยที่บ้านพักอาคารรัฐสภาบริเวณชั้น 2 ใกล้เคียงกับห้องพักของผู้เสียชีวิต ตรวจ ATK หาเชื้อโควิด ซึ่งมีจำนวน 1 ราย 3.ให้บุคลากรของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาที่มีความเสี่ยงสูงที่ได้สัมผัสกับผู้ขายอาหารร้านดังกล่าวทำการตรวจหาเชื้อโควิด รวมถึงให้ปฏิบัติงานภายในที่พักอาศัยเป็นเวลา 14 วัน และ 4.สั่งปิดร้านอาหารในโรงอาหารทุกร้าน เป็นเวลา 14 วัน 
    "ส่วนการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในที่ 10 ก.ย. จากการประสานเบื้องต้นกับสำนักรักษาความปลอดภัย พบผู้ติดเชื้อโดยผลตรวจ ATK เป็นข้าราชการ 4 ราย และพนักงานราชการ 1 ราย ซึ่งปฏิบัติงานด้านอาคารสถานที่ (ช่างไฟฟ้า) ส่วนกลุ่มงานอาคารสถานที่ได้สั่งให้กักตัว 14 วัน ทั้งนี้ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้สั่งการให้บุคลากรของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาปฏิบัติงานในที่พักอาศัยตั้งแต่วันที่ 1-30 ก.ย." เอกสารระบุ
ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ลุยต่อ
    ด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ จ.ภูเก็ต จำนวน 900 รายว่า เป็นคนที่อยู่ในแคมป์ เป็นชุมชนที่มีการปิดล้อม ไม่ได้ออกมาอยู่ข้างนอก เรายังคงเดินหน้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ต่อไป และจะขยายไปในพื้นที่อื่นๆ ตามไทม์ไลน์ที่นายกฯ บอกไว้
    จ.เชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์โควิดในพื้นที่ว่า แม้โควิดจะมีแนวโน้มลดลง แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมการระบาดให้หยุดลงได้ และยังคงพบคลัสเตอร์ใหม่อย่างต่อเนื่องเกือบทุกวัน ซึ่งสาเหตุมาจากการนำเชื้อจากภายนอกเข้ามาระบาดในครอบครัวและที่ทำงาน ลามไปสู่ชุมชน และมีคลัสเตอร์ที่ยังคงต้องเฝ้าระวังอยู่ตอนนี้อีก​ 18 คลัสเตอร์ จากที่พบกว่า​ 60​ คลัสเตอร์​ ซึ่งคลัสเตอร์ที่พบมีสาเหตุมาจากการที่ไม่ปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด ทั้งการนำเข้ามาจากต่างจังหวัดแล้วไม่กักตัว การจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ งานประเพณีต่างๆ ฯลฯ จึงทำให้เกิดการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนเกิดขึ้น 
    "คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ได้ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกพื้นที่ โดยพยายามควบคุมสถานการณ์ไม่ให้กระทบต่อชีวิตประจำวันประชาชนมากที่สุด จึงขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เพื่อให้จำนวนยอดผู้ติดเชื้อในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ลดลง และสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้เพื่อให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย สามารถใช้ชีวิตทำมาหากินผ่อนคลายได้" ผู้ว่าฯ เชียงใหม่กล่าว
    จ.อำนาจเจริญ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากหลายพื้นที่เริ่มคลายล็อก หลังสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี ทำให้ผู้บริหารสถานศึกษาของแต่ละโรงเรียน ประเมินสถานการณ์ตามความเหมาะสมของโรงเรียนในพื้นที่แล้ว จึงได้เปิดการเรียนการสอนนำร่อง 2 โรงเรียนในตัวเมืองอำนาจเจริญ คือ โรงเรียนอำนาจเจริญ ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัด เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ ม.1-ม.6 มีนักเรียนประมาณ 3,000 คน และโรงเรียนอนุบาลอำนาจเจริญ (ประถมศึกษา) ซึ่งนักเรียนที่เดินทางมาเรียนต่างดีใจที่จะได้เรียนหนังสือ  พบปะครู อาจารย์ เพื่อนๆ อย่างคึกคัก เพราะโรงเรียนปิดเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม การเรียนการสอนยังคงอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันโควิดของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด 
    จ.ปัตตานี สถานการณ์โควิดในพื้นที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อในวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมาไม่พบผู้เสียชีวิต ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. ขณะที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 116 คน ส่งผลให้ปัตตานีมียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสม 16,599 คน รักษาหาย 12,162 คน และมียอดผู้เสียชีวิตสะสม 256 คน. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"