ฤทธิ์เดชของไวรัสโควิด-19 ดูเหมือนจะแทรกซึม ซอกซอนไปเยี่ยมเยียนทุกพื้นที่ของวิถีความเป็นมนุษย์ทุกชาติ ทุกภาษา อย่างไร้ขอบเขต
ถ้าจะเปรียบกับคลื่นความถี่ หรือโซเชียลที่เข้าไปถึงทุกห้องนอนล่ะก็ อาจจะสูสี หรือไม่แน่เจ้าเชื้อไวรัสอาจจะมีคะแนนนำด้วยซ้ำ เพราะเวลาเราปิดสวิตช์ หรือปิดมือถือ โลกออนไลน์ก็ตามมากวนเราไม่ได้ แต่ไวรัสนั้น ต่อให้ปิดหน้าต่าง ใส่หน้ากาก ถ้าหากเราไม่ระวัง มันก็อาจจะมาระรานเราได้โดยไม่รู้ตัว
รำพึงรำพันไปเสียเยอะเลยว่า อย่างไรเสียเราก็ต้องอยู่กับไวรัสไปตลอด ฉะนั้นการอยู่ให้เป็น ไม่โดนมันโจมตี จึงเป็นเรื่องที่เรียกว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" เท่านั้น
การเลือกที่จะอยู่ให้เป็นนั้น เข้าใจว่า สามารถสะท้อนได้จากการจับจ่ายซื้อของที่ผู้บริโภคในยุคนี้เลือกใช้จ่าย ทั้งนี้มีข่าวเล็กๆ ของห้างแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาออกมาบอกว่า ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ปรากฏว่ากระดาษชำระและอาหารสำเร็จรูปที่เก็บได้นานๆ จะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นคุกกี้ พิซซ่า และมันฝรั่งทอด
นิสัยใจคอในการช็อปปิ้งของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป โดยเลือกที่จะซื้ออาหารที่มีคุณภาพ และให้ผลดีต่อสุขภาพ ไม่ใช่อะไรๆ ก็ได้ที่ทำให้อิ่มท้องก็พอแล้วเหมือนอย่างที่ผ่านมา
เหมือนกับว่าทุกคนเตรียมพร้อมไว้เสมอสำหรับกรณีที่จะมีการประกาศล็อกดาวน์
อ่านเรื่องนี้แล้ว มนุษย์ป้าก็รู้สึกวิถีชีวิตแบบบ้านๆ ของเราน่ารักน่าชังกว่าเป็นไหนๆ นะคะ เพราะเวลาล็อกดาวน์เรายังมี "รถพุ่มพวง" ป่าวร้อง..กับข้าวครับกับข้าว..มาให้ช็อปถึงหน้าบ้านนะ
ว่าแล้วจะมีที่ไหนดีกว่าประเทศไทย ลูกหลานเหลนโหลนวันนี้ สำเหนียกกันบ้างไหม..เชื่อป้าบ้างสิ!!
"ป้าเอง"
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |