พิษร้ายและอันตรายของ “งูประหลาด”


เพิ่มเพื่อน    

จะด้วยเหตุเพราะ หน้าฝน หรือด้วยเหตุผลกลใดก็ตามที...แต่คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า ช่วงระหว่างนี้บรรดา งูๆ ทั้งหลาย ออกจะเยอะแยะ ยุ่มย่าม และยั้วเยี้ยซะเหลือเกิน แถมเป็นงูที่ออกจะประหลาดๆ คือไม่ได้คิดจะกินกบ กินเขียด กินอึ่งอ่าง ฯลฯ ที่ออกมาเริงร่าหน้าฝนไปตามสภาพ แต่ดันหนักไปทาง กินกล้วย ชนิดเล่นกันเป็นเครือๆ ไม่ใช่แค่หวีๆ ก่อให้เกิดความตกตะลึง พรึงเพริด เอามากๆ...
                                                            ---------------------------------------------------
    คือไม่เพียงแต่ ผิดหลักโภชนาการ แต่ยังเป็นอะไรที่ออกจะขัดกับ หลักธรรมชาติ หลักของการแบ่งแยก แตกกระจาย ไปเป็นสปีชีส์โน้น สปีชีส์นี้ ดังนั้น... งูประหลาดๆ ที่ผลุบๆ โผล่ๆ ขึ้นมายุ่มๆ ย่ามๆ ยั้วๆ เยี้ยๆ โดยเฉพาะแถวๆ สัปปายะสภาสถานนั่นแหละ ที่ออกจะเยอะหน่อย เลื้อยกันไป-เลื้อยกันมา ย้ายกันไป-ย้ายกันมา จะด้วยเหตุเพราะกินน้ำบ่อทราย หรือโยกกันไป-โยกกันมา ด้วยเหตุเพราะกินน้ำบ่อโศก ก็แล้วแต่จะไปวินิจฉัยกันเอาเอง แต่โดยอุบัติการณ์ของการก่อเกิดบรรดา งูประหลาด เหล่านี้ ย่อมน่าจะส่งผลให้ ระบบรัฐสภา ทั้งระบบนั่นแหละ เป็นอะไรที่น่าห่วง น่ากังวล เป็นอย่างยิ่ง...
                                                             ------------------------------------------------------
    ส่วนจะไปกล่าวโทษพวก งูๆ เพียงอย่างเดียวล้วนๆ ในแง่ของการวิวัฒนาการ การกลายพันธุ์ไปเป็นงูประหลาดๆ ที่หันไปกินกล้วยเป็นหวีๆ เครือๆ ก็คงไม่น่าจะตรงเป้า ตรงประเด็น กันซักเท่าไหร่นัก ด้วยเหตุเพราะสิ่งที่เคยเป็นอะไรที่สูงส่ง วิเศษวิเสโส เมื่อครั้งอดีต แบบที่เรียกๆ กันว่า อุดมการณ์ มาถึงบัดนี้ ถึง ณ ขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็น งู หรือเป็น มนุษย์ แท้ๆ ก็เถอะ ต่างก็แทบไม่น่าจะเหลือติดมือ ติดปลายนวม กันอีกต่อไป แม้แต่สิ่งที่เรียกกันในภาษาพระ ว่า หิริ และ โอตตัปปะ หรือความละอายต่อบาป ความเกรงกลัวต่อบาป ไม่ว่างู ไม่ว่ามนุษย์ ไม่ว่าสารพัดสัตว์ทั้งหลาย ก็ดูแทบจะไม่ได้คิดให้ความสนใจ ให้ความสำคัญอะไรมาก...
                                                                  ---------------------------------------------------
    ดังนั้น...การกลายพันธุ์ การวิวัฒนาการ ไปเป็น งูประหลาดๆ มันจึงกลายเป็นเรื่อง ปกติธรรมดา หรือเป็น ธรรมชาติทางการเมือง ของการเมืองยุคนี้ไปแล้วหรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจสรุปได้ ไม่ว่าจะเป็นงูฝ่ายค้าน หรืองูฝ่ายรัฐบาล ก็เลยพร้อมจะหันไป กินกล้วย กันไปเป็นแถบๆ ส่งผลให้ระบบและระบอบทางการเมือง อย่าง ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเคยเป็นอะไรที่สูงส่ง วิเศษวิเสโส ระดับกินก็ได้ ทาก็ได้ อม-หยอด-สอด-เสียบ ได้เสมอๆ ผัวกิน-เมียหาย พ่อตารับประทาน-แม่ยายฟื้น ฯลฯ อะไรทำนองนั้น จึงชักจะกลายเป็นระบบและระบอบที่ ห่วยแตก ไม่น้อยไปกว่า เผด็จการ โดยเฉพาะเผด็จการประเภทที่ไม่ได้คิดจะให้ความสนใจต่อ หิริ และ โอตตัปปะ หันไปงาบงูฝ่ายค้าน มาเป็นงูฝ่ายรัฐบาล ชนิดรายแล้ว รายเล่า...
                                                                  -----------------------------------------------------
    ด้วยเหตุนี้...ไม่ว่าท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ท่านคิดจะ อยู่ยาวว์ว์ว์ ต่อไปอีกซักกี่ปีต่อกี่ปี หลังได้ผ่านการสาดแป้ง ทาแป้ง มาแบบชนิดหวุดๆ หวิดๆ ในเที่ยวนี้ ภายใต้การเลือกตั้งครั้งใหม่ในอีก 2 ปีข้างหน้า บรรดาปวงชนชาวไทยอย่างหมู่เฮาทั้งหลาย ก็คงหนีไม่พ้นที่จะต้อง เลือกงู หรือเลือกใครก็แล้วแต่ที่คงค่อยๆ วิวัฒนาการ ค่อยๆ กลายพันธุ์ไปเป็น งู ในอีกไม่นาน-ไม่ช้าอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้เลย และนั่นเอง...ที่น่าจะทำให้ระบบและระบอบการเมืองแบบประชาธิปไตย ที่เพิ่งพ้นปากเหยี่ยว ปากกา มาไม่ได้เท่าไหร่ น่าที่จะ ไปไม่รอด แบบซ้ำๆ แบบเดิมๆ อย่างมิพึงต้องสงสัยเอาเลยแม้แต่น้อย...
                                                                    --------------------------------------------------------
    เพราะไม่ว่าพรรคใด พวกใด พรรคเก่า พรรคใหม่ หรือแม้แต่ประเภทพยายามนำเสนออุดมคติ อุดมการณ์ ไปถึงขั้นไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี หรือ เหาะเกินลงกา ไปสู่นรกขุมใดๆ ก็แล้วแต่ สุดท้าย...ก็ยังหนีไม่พ้นที่จะต้องเต็มไปด้วย งู เลื้อยไป-เลื้อยมา กินกล้วยเป็นหวีๆ เครือๆ ทั้ง ณ ขณะนี้และแม้แต่ภายในอนาคตเบื้องหน้าที่ไม่ได้มีอะไรรับประกันการันตีต่อการกลายพันธุ์ทำนองนี้เอาไว้เลยแม้แต่น้อย ทำไงได้...ในเมื่อสิ่งที่เรียกว่า หิริ และ โอตตัปปะ มันเป็นสิ่งที่ออกจะอาศัยกฎ ระเบียบ หรือกฎหมายใดๆ ควบคุม บังคับ ค่อนข้างยากเสียเหลือเกิน มีแต่ต้องอาศัยการอุบัติขึ้นมาเอง ภายในหัวจิต หัวใจ ของผู้ที่เจริญแล้ว ผู้ที่ข้ามพ้น ผลประโยชน์ ต่างๆ ที่เป็นของส่วนรวม ของชาติบ้านเมือง ไม่ใช่แค่ สมบัติผลัดกันชม ของบรรดาผู้ที่มีอำนาจทั้งหลาย...
                                                                          -------------------------------------------------------
    การสร้างและการแสวงหา...ผู้ที่มี หิริ และ โอตตัปปะ ผนึกและตกผลึกอยู่ภายใต้จิตสำนึก จิตไร้สำนึก จนเกิดความละอายต่อบาป เกรงกลัวต่อบาป ไม่ว่าจะเป็นบาปชนิดไหนต่อชนิดไหนไปด้วยกันทั้งสิ้น เอาไป-เอามาแล้ว...มันอาจไม่สามารถอาศัยเพียงแค่ กรรมวิธี แบบที่เรียกๆ กันว่า ประชาธิปไตย เอาเลยก็ไม่แน่??? หรือแม้แต่ เผด็จการ ก็เถอะ ถ้าหากยังเป็นแค่ เผด็จการละมุนภัณฑ์ ประเภทหยวนๆ กันไป อยู่ๆ กันไป มึงมั่ง-กูมั่ง ก็ยิ่งมีแต่ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย หนักขึ้นไปอีก ส่วนจะต้องหันไปหากรรมวิธีแบบไหน อย่างไร อันนั้น...ก็ดูจะเกินขีดความสามารถของคนแก่ คนชราจะไปประดิษฐ์ คิดค้นและนำเสนอเอาไว้ ณ ที่นี้ แต่ยังไงๆ...คงต้องถือเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องจำเป็น และเรื่องสำคัญเอามากๆ โดยเฉพาะสำหรับการหาทางออก ทางไป ของประเทศไทย ในวันนี้และในอนาคตข้างหน้า ที่จะต้อง สร้าง หรือ แสวงหา ผู้ที่มี เป้าหมาย เหล่านี้ ให้ได้แบบทันท่วงที ทันเวลา ก่อนที่จะ ล่มสลาย กันไปทั้งบ้าน ทั้งเมือง...
                                                                          --------------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Plato (อีกครั้ง...และอีกครั้ง)... Virtue does not spring from riches, and all other human blessings, both private and public, from virtue.- คุณธรรมมิได้เกิดจากทรัพย์ศฤงคาร หรือการประทานพรใดๆ คุณงามความดีของมนุษย์ทุกประการ ไม่ว่าส่วนตัวหรือสาธารณะ ล้วนมีกำเนิดมาจาก...คุณธรรม
                                                                           --------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"