เกมการเมืองหลังศึกซักฟอก! ใครกันแน่ที่ล้มรัฐบาลได้


เพิ่มเพื่อน    

6 ก.ย. 64 - รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า การลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลเพิ่งผ่านพ้นไป โดยนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีก 5 คน สอบผ่านแบบฉลุย แปลว่า พลเอกประยุทธ์ พลเอกประวิตร และบรรดาส.ส.พรรคพลังประชารัฐจำนวนหนึ่ง น่าจะบรรลุข้อตกลงอย่างใดอย่างหนึ่งกันได้ ส่วนพรรคเล็กก็มีประปรายที่ลงมติไม่ไว้วางใจ และงดออกเสียง แต่ก็นับว่าทั้งหมดสอบผ่านแบบสบายๆ

การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ได้เห็นพัฒนาการของพลเอกประยุทธ์ ที่สามารถคุมอารมณ์ ปรับปรุงวิธีการพูด และชี้แจงโต้กลับได้ดีกว่าครั้งที่แล้วมาก 

การที่คะแนนลงมติไม่ไว้วางใจตัวนายกรัฐมนตรีสูงสุดมากกว่าใครๆ และคะแนนไว้วางใจได้เป็นอันดับรองสุดท้าย ก็เป็นที่เข้าใจได้ เนื่องเพราะระยะ 2 ถึง 3 เดือนที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีถูกโจมตีอย่างหนักจากพรรคฝ่ายค้าน และจากกลุ่ม 3 นิ้ว ได้คะแนนเท่านี้ก็น่าจะพอใจแล้ว ไม่ควรที่จะผิดหวังแม้แต่น้อย 

ที่น่าสนใจคือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ทักษิณ หรือตั้งชื่อตัวเองใหม่เป็น นาย Tony Woodsome ดูเหมือนจะดิ้นสุดชีวิต พยายามจะคว่ำรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ให้ได้ โดยใช้ม็อบเสื้อแดงนำโดยณัฐวุฒิ ใสเกื้อ ที่จัดขึ้นอย่างถี่ยิบ ม็อบ 3 นิ้ว ม็อบทะลุแก๊สก็สอดรับกันออกมาป่วนเมืองเกือบทุกวัน ทักษิณเองถือโอกาสอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีทาง club house ทั้งยังออกมายุยงให้ประชาชนออกไปกดดัน ส.ส. ในเขตของตัวเองให้ลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี มิฉะนั้นจะไม่เลือกในครั้งหน้า ทำให้นึกภาพเมื่อครั้งทักษิณ video call มาบอกคนเสื้อแดงว่า หากรัฐบาลใช้ความรุนแรงกับพี่น้องเสื้อแดง ให้ทุกคนไปรวมตัวกันที่ศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด ซึ่งผลที่ตามมาก็คือ ศาลากลางจังหวัดถูกเผาไปหลายแห่ง คนเสื้อแดงที่เป็นมือเผาก็ถูกศาลตัดสินจำคุกไปหลายคน แต่ครั้งนี้ดูเหมือนไม่เห็นมีใครทำตามทักษิณเลยกสักคน

คงยากที่มีใครเชื่อได้ว่า ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ออกมาจัดม็อบแต่ละครั้งโดยควักกระเป๋าตัวเองมาเป็นค่าใช้จ่าย ต้องมีผู้สนับสนุนเงินอย่างแน่นอน หลังการลงมติ วันรุ่งขึ้นม็อบเสื้อแดงก็เริ่มขึ้นทันที และมีทีท่าจะจัดทุกวันที่แยกอโศกมนตรี ส่วนม็อบ 3 นิ้วและม็อบทะลุแก๊สก็คงประสานเสริมกันไป

สิ่งที่พลเอกประยุทธ์ต้องห่วง คงไม่ใช่ม็อบ เพราะม็อบขณะนี้มีเพียงความถี่ ไม่มีพลังและจำนวนคนพอที่จะล้มรัฐบาลได้ ผู้ที่จะล้มรัฐบาลชุดนี้ได้ ก็คือส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐเอง ที่ขณะดูเหมือนจะสงบลงชั่วคราว แต่คงไม่ใช่สงบลงอย่างถาวร เชื่อว่าการเดินเกมของส.ส.ส่วนหนึ่งของพรรคพลังประชารัฐเพื่อจับมือกับพรรคเพื่อไทยเพื่อเป็นรัฐบาลจะยังมีต่อไป เพียงรอจังหวะที่เหมาะสมที่จะปะทุขึ้นเท่านั้น ถึงเวลานั้นหากพวกเขาทำสำเร็จ พวกเราอาจต้องลงถนนกันบ้างกระมัง 

ครั้งหนึ่งในอดีต  เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ.2500 พรรคสหภูมิซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่เชื่อกันว่า จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นผู้สับสนุนอยู่ข้างหลัง ร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน และส.ส.จำนวนหนึ่งยื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม แต่เนื่องจากมีผู้ร่วมลงนามไม่เพียงพอ จึงทำได้เพียงขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลโดยไม่มีการลงมติ พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือเปิดอภิปรายเพื่อซักฟอกรัฐบาลนั่นเอง

การอภิปรายครั้งนั้น แม้ไม่มีการลงมติ แต่ก็ทำให้รัฐบาลบอบช้ำอย่างหนัก และหัวข้อที่ทำให้รัฐบาลมัวหมองอย่างหนักก็คือ ข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านว่า มีบุคคลบางคนและหนังสือพิมพ์บางฉบับได้กระทำการอันเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพองค์พระมหากษัตริย์ แต่รัฐบาลมิได้ดำเดินการโดยฉับพลันเพื่อหาทางเอาความกับบุคคลเหล่านั้น

สถานการณ์ปัจจุบันกลับเป็นตรงข้าม ฝ่ายค้านพรรคหนึ่งเป็นหัวหอกในการกระทำที่ทั้งหมิ่นเหม่ ทั้งเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ในขณะที่พรรคฝ่ายค้านอื่นพากันนิ่งเฉย ไม่นำพาแม้สักนิด รัฐบาลเองก็ไม่เด็ดขาด อันที่จริงหากจะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส ในข้อหาว่า ล้มเหลวในการจัดการเรื่องการดูแลควบคุมเรื่องการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพใน social media ต่างๆ ดูจะเป็นเหตุเป็นผลกว่าข้อกล่าวหาว่า  "ใช้สื่อรัฐบิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างความแตกแยกในสังคม ทำลายบรรทัดฐานอันดีของสังคม........."

ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอยเกินไป ในขณะที่ข้อกล่าวหาเรื่องแรก มีข้อพิสูจน์ได้ชัดเจน เพียงนำ comments ในโพสต์ต่างๆ ของสำนักข่าวบางสำนักของไทยเอง ก็สามารถดำเนินการทางกฎหมายกับสำนักข่าวเหล่านั้นได้แล้ว เพราะเป็นสำนักข่าวที่โพสต์ภาพ คลิปส์วีดิโอ และข้อความที่ส่อว่ามีเจตนาที่จะให้มีการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจาก comments ของสาวกผู้ติดตาม แต่กระทรวงดีอีเอส ไม่ได้ทำ ไม่เคยทำ

อย่างไรก็ดี เป็นไปไม่ได้ที่พรรคฝ่ายค้านจะนำเรื่องดังกล่าวมาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี เนื่องจากดูเหมือนจะไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนแทนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 แต่อย่างใดเลย

การกระทำของม็อบ ของสำนักข่าวบางสำนักข่าว และของพรรคฝ่ายค้านทำให้ผู้ที่จงรักภักดีอย่างเหนียวแน่น ผู้ที่ไม่เหนียวแน่นนัก และผู้ที่ยืนอยู่ตรงกลาง เริ่มมีความเห็นใจสถาบันพระมหากษัตริย์มากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มมีการตอบโต้มากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
 
ดังนั้นจงหยุดเสียเถิด อย่าสร้างความแตกแยก แตกร้าว ระหว่างคนไทยด้วยกัน ระหว่างคนในครอบครัวเดียวกัน ระหว่างคนในวงการเดียวกันต่อไปอีกเลย เพราะความพยายามของพวกคุณไม่มีทางสำเร็จได้เลยในประเทศนี้.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"