ประเมินวัคซีนบนพื้นฐาน  วิทยาศาสตร์, ไม่ใช่การเมือง


เพิ่มเพื่อน    

คำแถลงการณ์จากสถานทูตจีนประจำประเทศไทยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกาศ “คัดค้านการกล่าวหาวัคซีนจีน...” เป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ
    เพราะคำว่า “การทูตวัคซีน” กำลังจะกลายเป็นประเด็นการเมืองระหว่างประเทศอย่างไม่ค่อยจะมีเหตุผลนัก
    เพราะเรื่องคุณภาพและประสิทธิผลของวัคซีนนั้นควรจะแยกออกจากการเมืองโดยสิ้นเชิง
    วัคซีนตัวไหนมีคุณภาพอย่างไรย่อมจะต้องอยู่ที่การพิสูจน์ด้วยการวิจัยบนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์
    ไม่เกี่ยวกับ “สัญชาติ” หรือ “แหล่งที่มา” ของวัคซีนยี่ห้อนั้นๆ เลยแม้แต่น้อย
    แต่ไปๆ มาๆ กลับกลายเป็นการตั้งข้อหารังเกียจและกล่าวหาในทำนอง “ด้อยค่า” กันไปต่างๆ นานาจนเกิดความระหองระแหงทางความสัมพันธ์ทางการทูตโดยไม่จำเป็น
     Sinovac จะดีไม่ดีอย่างไร มีคุณสมบัติเปรียบเทียบกับยี่ห้ออื่นอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องที่จะโยงไปถึงรัฐบาลจีน
    ในทำนองเดียวกัน Pfizer จะดีจะไม่ดีอย่างไรก็ไม่มีความจำเป็นที่รัฐบาลสหรัฐจะต้องออกมาปกป้องหรือปฏิเสธ
    หรือ AstraZeneca จะมีศักยภาพในการป้องกันผู้ป่วยโควิดมากน้อยเพียงใดก็ไม่จำเป็นที่รัฐบาลอังกฤษจะต้องมองเป็นเรื่องที่โยงไปถึงตนเอง
    ใครวิจารณ์วัคซีนยี่ห้อนี้ รัฐบาลอังกฤษก็ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนแทน
    แต่เรื่อง Sinovac กลับกลายเป็นประเด็นการเมือง โดยเฉพาะในประเทศไทย
    ถึงกับนายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา, รองนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล และรองนายกฯ ดอน ปรมัตถ์วินัย ต้องออกมาเตือนว่า การ “ด้อยค่า” วัคซีนสัญชาติจีน “อาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ”
    ผมได้ยินแล้วก็มีความงุนงงกับการเอาวัคซีนไปผูกกับการเมืองระหว่างประเทศ
    เพราะมันเป็นเรื่องหลักการแพทย์, หลักวิทยาศาสตร์และผลงานวิจัยที่ต้องตัดสินว่ายี่ห้อไหนมีคุณสมบัติอย่างไร
    ที่น่าแปลกสำหรับประเทศไทยก็คือ แม้ Sinovac กับ Sinopharm จะมาจากเมืองจีนเหมือนกัน เป็นประเภทเชื้อตายเหมือนกัน แต่ดูเหมือนจะมีการวิพากษ์วัคซีนตัวแรกมากกว่าตัวที่สอง
    เป็นไปได้ไหมว่าเพราะตัวแรกนั้นถูกมองว่าเป็น “ตัวเลือก” ของรัฐบาลไทย จึงเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์ ขณะที่ตัวที่สองถูกนำเข้าโดยหน่วยงานที่ไม่ใช่รัฐบาล
    การเมืองในไทยเองก็ลามไปถึงยี่ห้อวัคซีน
    พออ่านคำประกาศของสถานทูตจีนประจำไทยเรื่องนี้ ผมก็ได้แต่อุทานว่า “ไปกันใหญ่”
    ถ้อยแถลงของสถานทูตจีนมีเนื้อหาอย่างนี้
    “คัดค้านการกล่าวหาวัคซีนจีนโดยไร้เหตุ
    โดยโฆษกสถานทูตจีนประจำประเทศไทย
     ปีนี้ประเทศจีนได้ส่งมอบวัคซีนให้กับประเทศไทยในโอกาสแรก เพื่อเป็นการสนับสนุนประเทศไทยในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 โดยได้พยายามเอาชนะกับความยากลำบากที่ความต้องการในการใช้วัคซีนภายในประเทศยังสูงอยู่ และจำนวนวัคซีนที่ผลิตยังไม่เพียงพอ ซึ่งวัคซีนจีนทุกโดสก็เป็นมิตรไมตรีจิตรอันจริงใจที่รัฐบาลและประชาชนจีนมีต่อรัฐบาลและประชาชนไทย
    วัคซีนที่ฝ่ายจีนส่งมอบให้ฝ่ายไทยนั้น ได้รับการอนุมัติโดยองค์การอนามัยโลกให้ใช้ในภาวะฉุกเฉินได้ และได้ผ่านการวิจัยและทดลองในมนุษย์ในระยะต่างๆ ตามข้อกำหนดของคณะกรรมการอาหารและยาของไทยอย่างเคร่งครัด เป็นวัคซีนที่มีความปลอดภัย มีประสิทธิผลและมีการรับรองคุณภาพ
    การกลายพันธุ์ของตัวไวรัสโคโรนาเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ที่บริษัทผลิตวัคซีนของจีนติดตามโดยตลอด บริษัทซิโนแวคได้ทำการทดสอบแอนติบอดีชนิดลบล้างฤทธิ์ระหว่างเซรั่มของผู้ฉีดวัคซีนซิโนแวคกับไวรัสกลายพันธุ์ต่างๆ ซึ่งก็ได้ผลออกมาอย่างดี ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขของประเทศชิลี เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ประสิทธิผลของวัคซีนซิโนแวคในการป้องกันการรักษาที่โรงพยาบาล อาการหนักและเสียชีวิตไม่น้อยกว่า 86% ผลการวิจัยของรัฐบาลอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม แสดงให้เห็นว่า ประสิทธิผลของวัคซีนซิโนแวคในการป้องกันการรักษาที่โรงพยาบาลและเสียชีวิตได้ถึง 92% และ 95% ซึ่งข้อมูลดังกล่าวพิสูจน์ได้ว่าวัคซีนซิโนแวคมีประสิทธิผลในการป้องกันไวรัสกลายพันธุ์เป็นอย่างดี ไม่ใช่วัคซีน “คุณภาพต่ำ” ตามที่กล่าวหาอย่างแน่นอน
    เมื่อเร็วๆ นี้ บางคนและบางองค์การของประเทศไทยได้ด้อยค่าและใส่ร้ายวัคซีนจีนโดยไม่มีเหตุผลใดๆ ซึ่งเป็นการกล่าวหามุ่งร้ายที่ไม่เคารพข้อมูลวิทยาศาสตร์และความเป็นจริง และเป็นการทำร้ายความหวังดีของฝ่ายจีนในการสนับสนุนประชาชนไทยต่อสู้กับโรคระบาด สถานทูตจีนจึงขอคัดค้านอย่างเด็ดขาด และเรียกร้องให้บุคคลและองค์การที่เกี่ยวข้องยุติการกระทำผิดอย่างร้ายแรงเช่นนี้
    ฝ่ายจีนยินดีที่จะร่วมมือกับฝ่ายไทยต่อไป โดยยึดมั่นในความจริงใจและความหวังดีอย่างมากที่สุด ให้ความช่วยเหลือกับฝ่ายไทยในการต่อสู้กับโรคระบาด หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ประเทศไทยจะเอาชนะกับโรคโควิด-19 โดยเร็ว และกลับคืนสู่ภาวะปกติในการดำรงชีวิตและทำงานในเร็ววัน”
    ผมเสนอว่าเพื่อความกระจ่างและความถูกต้องแห่งข้อมูล ทุกฝ่ายต้องเอา “การเมือง” ออกจาก “วิทยาศาสตร์การแพทย์” และตัดสินทุกอย่างบนพื้นฐานของหลักวิทยาศาสตร์เป็นหลัก
    เรื่องของ “อารมณ์ความรู้สึก” และ “ความรู้สึกชาตินิยม” ไม่ควรจะมาเกี่ยวข้องกับการตัดสินใช้วัคซีนเพื่อสู้กับศัตรูร่วมของมนุษยชาติคือโควิด-19 เลยแม้แต่น้อย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"