“อนุพงษ์” ชง ครม. 7 ก.ย.แน่ เคาะวันเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นทั้ง อบต.-ส.ก.-ส.ข. ยันกฎหมายและงบประมาณพร้อม “ปชป.” โวเตรียมไว้หมดแล้ว จุรินทร์เชื่อเปิดชื่อชิงผู้ว่าฯ กทม.มาไม่ถูกเขี่ยทิ้งแน่ ส่วน “ส.ก.-ส.ข.” ใกล้จบ อึ้ง! นิด้าโพลเผยผลสำรวจพ่อเมืองครั้งที่ 5 “ชัชชาติ” นำตามฟอร์ม ส่วนผู้สมัคร “พปชร.-กล้า” ดิ่งเหว
มีรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ​(ครม.) วันอังคารที่ 7 ก.ย.นี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) เตรียมเสนอ ครม.พิจารณาอนุมัติให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) 3 ประเภท ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.), กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา ซึ่งทั้งหมดได้ครบวาระดำรงตำแหน่งทั่วประเทศแล้วในเดือน พ.ค.2561 โดยที่สมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นของ อปท.ยังคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และประกาศ คสช.ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นของเทศบาล ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เลือกตั้งเสร็จสิ้น และได้ประกาศผลการเลือกตั้งแล้วก่อนหน้านี้
    ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นของ อปท.กระทรวงมหาดไทย ที่มีรองปลัด มท. หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาชุมชน และการส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นประธานกรรมการ ได้สรุปผลการประชุมเมื่อวันที่ 31 ส.ค.2564 เห็นชอบให้เตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นของ อบต. กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา ซึ่งในส่วนของการแบ่งเขตเลือกตั้ง สำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง ได้ประกาศจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักรตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธ.ค.2563 และประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 10 มี.ค.2564 และ กกต.ได้ออกระเบียบและประกาศ พร้อมสรรหา กกต.ประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นครบทุกพื้นที่แล้ว 
“เรื่องงบประมาณค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แจ้งจังหวัดกำชับ อบต. กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา จัดทำข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2565แล้ว รวมถึงค่าใช้จ่ายกรณีจัดการเลือกตั้งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไว้พร้อมแล้ว” รายงานระบุ 
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการประชุม ครม.ในวันที่ 7 ก.ย. ที่จะมีการเคาะวันเลือกตั้งท้องถิ่น กทม.และพัทยา ว่า ปชป.พร้อม และมีการเตรียมการมาโดยลำดับ โดยได้ลงพื้นที่ กทม.ร่วมกับเพื่อนอดีต ส.ส., อดีต ส.ก., อดีต ส.ข. และกรรมการบริหารพรรคมาตลอด โดยในส่วนของ ส.ข.นั้น พรรคเตรียมไว้สำหรับ 30 เขต เพราะรัฐธรรมนูญยังถือว่ามี 30 เขตอยู่ โดยเคาะตัวผู้สมัครแล้ว 27 คน ยังขาดเพียง 3 เขตเท่านั้น ส่วน ส.ก. 50 เขต เคาะไปแล้วกว่า 40 เขต ในแง่ตัวบุคคลมีความพร้อม และผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นผู้สมัคร ส.ส.และ ส.ก.ของพรรค ก็เดินหน้าลงพื้นที่ไปแล้วหลายเดือนอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ 
“ขอย้ำอีกรอบว่าประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพราะถือว่าเป็นพื้นที่ที่เป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคมาตั้งแต่ในอดีต แม้ว่าบางช่วง บางเวลาอาจได้รับคะแนนความนิยมลดน้อยถอยลงไปบ้าง แต่ผมก็ยังหวังว่าในอนาคตเราจะสามารถฟื้นพรรคกลับคืนมาได้ในกรุงเทพมหานคร ภายใต้การสนับสนุนของพี่น้องชาวกรุงเทพ” นายจุรินทร์กล่าว 
สำหรับในส่วนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่มีการกำหนดเบื้องต้นว่าจะมีการเลือกตั้งภายในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ นายจุรินทร์กล่าวว่า ยังไม่มีการวางไทม์ไลน์เปิดตัวผู้สมัคร แต่มีตัวผู้สมัครแล้ว และได้มีการเตรียมการมาระยะหนึ่งแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้เปิดตัว เพราะยังไม่มีความแน่นอน และชัดเจนในเรื่องเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แต่มั่นใจว่าอย่างน้อยที่สุดผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคจะเป็นที่ยอมรับ และเคยย้ำไปแล้วว่าเป็นทั้งคนรุ่นใหม่ และเป็นนักบริหาร 
“ผมก็มั่นใจว่าอย่างน้อยที่สุดพี่น้องชาวกรุงเทพฯ จะรับไว้ประกอบการพิจารณา ไม่ใช่ได้ยินชื่อปั๊บก็เขี่ยทิ้ง ผมไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้น” 
ด้านนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ว่า คาดว่าจะมีการเลือกตั้ง ส.ก.และผู้ว่าฯ กทม.ในเดือน พ.ย. เนื่องจาก กกต.ประกาศเขตเลือกตั้ง ส.ก.เรียบร้อยแล้ว จึงขอเรียกร้องไปยัง พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว. กลาโหม ให้รีบจัดเลือกตั้ง ส.ก.และ ผู้ว่าฯ กทม. รวมถึงผู้บริหารท้องถิ่นต่างๆ ให้เรียบร้อย 
“ช่วงนี้ฝนตกหนัก รถติด ไม่เห็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.ไปแก้ปัญหาอะไร ถ้ามั่นใจว่าคน กทม.รักให้ พล.ต.อ.อัศวินลงเลือกตั้ง ขอให้จับตาดูว่า พล.ต.อ.อัศวิน จะทิ้งทวนนำการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้าที่ประชุม ครม.เป็นวาระจรหรือไม่ ซึ่งถ้าดำเนินการจะถือว่า พล.อ.ประยุทธ์ ใจดำอำมหิตมาก” นายยุทธพงศ์กล่าว  
    วันเดียวกัน ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง อยากได้ใครเป็นผู้ว่าฯ กทม. ครั้งที่ 5 โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 30-31 ส.ค. และ 1-2 ก.ย. จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งใน กทม. จำนวน 1,317 หน่วยตัวอย่าง 
โดยจากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะเลือกให้เป็นผู้ว่าฯ กทม. พบว่า อันดับแรก 27.71% ระบุว่าเป็น ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์, 24.60% ระบุว่ายังไม่ตัดสินใจ, 15.49% ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา, 9.57% ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง, 5.24% ระบุว่าเป็นผู้สมัครจากคณะก้าวหน้าหรือพรรคก้าวไกล,  4.10% ระบุว่าเป็น น.ส.รสนา โตสิตระกูล, 3.27% ระบุว่าเป็นผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย, 2.20% ระบุว่าเป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์, 1.67% ระบุว่าเป็น ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ และ 1.37% ระบุว่าไปลงคะแนน ไม่เลือกใคร (โหวตโน), 1.14% ระบุว่าจะไม่ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง, 1.06% ผู้สมัครจากพรรคกล้า และผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ ในสัดส่วนที่เท่ากัน และ 1.52% ระบุว่าอื่นๆ  ได้แก่ นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครจากพรรคเสรีรวมไทย ผู้สมัครจากพรรคไทยภักดี ผู้สมัครจากพรรคไทยสร้างไทย และเฉยๆ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจอยากได้ใครเป็นผู้ว่าฯ กทม. ครั้งที่ 4 เดือน ก.ค.2564 พบว่า ผู้ที่ระบุว่ายังไม่ตัดสินใจ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย และจะไม่ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งมีสัดส่วนลดลง ในขณะที่ผู้ที่ระบุว่า ดร.ชัชชาติ, พล.ต.อ.จักรทิพย์, ผู้สมัครจากคณะก้าวหน้าหรือพรรคก้าวไกล, น.ส.รสนา, ผู้สมัครจากพรรค ปชป., ดร.สุชัชวีร์, ผู้สมัครจากพรรคกล้า, ผู้สมัครจากพรรค พปชร. และโหวตโนมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
    ส่วนบุคคลที่ประชาชนจะเลือกให้เป็น ส.ก. พบว่า 27.56% ระบุว่ายังไม่ตัดสินใจ, 21.19% ระบุว่าเป็นผู้สมัครในทีม ดร.ชัชชาติ, 10.02% ระบุว่าเป็นผู้สมัครในทีม พล.ต.อ.จักรทิพย์, 7.82% ระบุว่าเป็นผู้สมัครในทีม พล.ต.อ.อัศวิน, 7.29% ระบุว่าเป็นผู้สมัครจากคณะก้าวหน้าหรือพรรคก้าวไกล,  6.53% ระบุว่าเป็นผู้สมัครอิสระที่ไม่เกี่ยวกับผู้สมัครผู้ว่าฯ, 4.40% ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย, 3.80% ระบุว่าเป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์,  2.66% ผู้สมัครในทีม น.ส.รสนา, 1.67% ผู้สมัครจากพรรค พปชร., 1.59% ผู้สมัครจากพรรคกล้า, 1.52% ผู้สมัครในทีม ดร.สุชัชวีร์, 1.14% โหวตโน และจะไม่ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ในสัดส่วนที่เท่ากัน และ 1.67% ระบุว่าอื่นๆ.