ย้อนไปเมื่อปี 2561 มีพรรคการเมืองน้องใหม่พรรคหนึ่งถือกำเนิดขึ้นในนามพรรค “อนาคตใหม่” ภายใต้การนำของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล ที่มาพร้อมกับเจตนารมณ์ของพรรคที่เรียกได้ว่าแปลกใหม่ไปจากพรรคการเมืองเดิมๆ ที่มีอยู่ในประเทศไทย และด้วยความแปลกใหม่นี้ จึงเป็นที่จับตาของหลายคนและหลายฝ่าย ทั้งประชาชน และพรรคการเมืองด้วยกันเอง ภายหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งในปี 2562 พรรคอนาคตใหม่ได้เก้าอี้ ส.ส.เขตไปหลายที่นั่ง จนมาถึงเวลาแห่งการรอคอย นั่นคือการเข้าปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งยังไม่ทันไร พรรคน้องใหม่ก็พบปัญหาแบบการเมืองขึ้นมาซะแล้ว นั่นคือปัญหา ส.ส.ย้ายค่าย หรือการโหวตสวนมติพรรค หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในนาม “งูเห่า”
    โดยย้อนไปเมื่อปี 2562 เป็นปีที่งูเห่าอดีตพรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้นครั้งแรก ประกอบด้วย น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี, พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี, น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ และนายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี ที่ลงมติสวนทางกับพรรคในหลายครั้ง พรรคจึงมีมติขับพ้นพรรค ซึ่งแต่ละคนก็คงสมใจ ต่างออกไปซบอกพรรคฝั่งรัฐบาล โดยขณะนั้นเสียงของทางพรรคฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ถือว่าค่อนข้างสูสีกัน ดังนั้นการที่ ส.ส.ฝ่ายค้านไปซบอกรัฐบาล ยิ่งกลับเป็นการเพิ่มแต้มต่อให้ฝ่ายรัฐบาลไปอีก  
    แต่ปัญหางูเห่าของอดีตพรรคอนาคตใหม่ไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะหลังจากมีการยุบพรรคอนาคตใหม่ในปี 2563 พรรคก็ยังต้องเผชิญปัญหาอสรพิษรอบสอง เมื่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจในปีเดียวกันนั้น ได้เกิดปรากฏการณ์ “10 ส.ส.งูเห่า” โหวตไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีรวม 6 คน   
    ภายหลังพบ 10 ส.ส. ได้แก่ นายกฤติเดช สันติวชิระกุล ส.ส.แพร่, นายกิตติชัย  เรืองสวัสดิ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา, นายฐิตินันท์  แสงนาค ส.ส.ขอนแก่น, ร.ต.ต.มณฑล โพธิ์คาย ส.ส.กทม., นายวิรัช พันธุมะผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี ส.ส.กทม., นายสมัคร ป้องวงษ์ ส.ส.สมุทรสาคร, นายสำลี รักสุทธี ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายอนาวิล รัตนสถาพร ส.ส.ปทุมธานี และนายเอกการ  ซื่อทรงธรรม ส.ส.แพร่ ย้ายค่ายไปซบฝั่งรัฐบาลเช่นกัน 
    ต่อมาเมื่อเกิดเป็นพรรคก้าวไกลขึ้น ภายใต้การนำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็ยังไม่วายที่จะมีงูเห่าเกิดขึ้นระลอกสาม เมื่อ ส.ส.พรรคก้าวไกล 4 ราย ประกอบด้วย นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายเอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย นายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี และนายพีรเดช คำสมุทร ส.ส.เชียงราย ลงมติเห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท  
    ต่อเนื่องมาจนถึงการลงมติ พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ก็ยังพบ 4 ส.ส.งูเห่าเจ้าเดิม แหกมติพรรคโหวตเห็นด้วยอีก อย่างไรก็ตาม 4 ส.ส.งูเห่าเจ้าเก่ารายเดิมนี้ พบว่ายังเคยโหวตคะแนนไว้วางใจให้กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เมื่อครั้งอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาด้วย ซึ่งครั้งนั้นทางพรรคก้าวไกลก็ได้ลงโทษโดยการแบนห้ามทำทุกกิจกรรมของพรรค แต่ก็ดูเหมือนงูเห่าทั้ง 4 จะไม่สะทกสะท้านใดๆ ทั้งสิ้น  
    แม้กระทั่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งล่าสุดนี้ 4 ส.ส.งูเห่าเจ้าเดิมที่หลายคนเรียกว่าเป็นงูเห่าที่รัฐบาลฝากเลี้ยงก็เริ่มทำหน้าที่อีกครั้ง เริ่มจากคิวอภิปรายของนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่อภิปรายโจมตีการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้นายคารม ที่ประกาศไปก่อนหน้านี้แล้วว่าจะย้ายไปซบอกภูมิใจไทย ฟากฝั่งรัฐบาล ลุกขึ้นประท้วงโดยทันควัน และไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะงูเห่าที่ฝากเลี้ยงก็ทำหน้าที่ได้อย่างสมราคา เมื่อถึงคิวนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน ทำให้นายคารมที่ครั้งนี้ยิ่งแสดงความต้องการชัดเจน โดยการไปนั่งอยู่ทางฝั่งของพรรคภูมิใจไทย โดดขึ้นประท้วงกลายเป็นศึกสายเลือดก้าวไกล กรีดกันไปกรีดกันมา   
    อย่างไรก็ตาม หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดพรรคก้าวไกลถึงไม่ขับ 4 ส.ส.งูเห่าที่กระสันอยากย้ายค่ายไปให้พ้นๆ พรรค เรื่องนี้คงไม่มีอะไรซับซ้อน ก้าวไกลอาจใช้วิธีให้ 4 ส.ส.ออกเอง เพื่อจะได้พ้นสมาชิกภาพ โดยเปรียบเหมือนการดองไว้ เพราะหากพรรคมีมติขับพ้นพรรค ส.ส.จะสามารถย้ายพรรคได้ทันทีใน 30 วัน ก็เท่ากับเป็นการเตะหมูเข้าปากหมา  
    งานนี้คงต้องรอดูกันว่าสิ้นศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จำนวน ส.ส.งูเห่าสายพันธุ์ก้าวไกลจะมีเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้น และพรรคจะดองงูเห่าไว้ต่อ เพื่อรอวันแว้งกัดแล้วกันอีก หรือจะขับให้พ้นๆ พรรค เพื่อให้งูเห่าได้ไปหาเจ้านายที่แท้จริง.