"ธ.ออมสิน" ออกมาตรการ ไม่ฟ้อง-ไม่ยึดทรัพย์ลูกหนี้เสีย จากการระบาดโควิด-19 ที่ค้างชำระตั้งแต่ 1เม.ย.63-31 ก.ค.64 กรมบัญชีกลางเผย ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอรับเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพตกเบิก 3 ก.ย.นี้
เมื่อวันที่ 2 กันยายน นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อการชำระหนี้ของลูกหนี้ธนาคารออมสิน แม้ว่าที่ผ่านมาธนาคารได้ออกมาตรการช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่องเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแล้วก็ตาม แต่ยังมีลูกหนี้ส่วนหนึ่งที่ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ต้องขาดรายได้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน จากการปิดกิจการ ถูกเลิกจ้าง หรือมีรายได้ลดลง จึงไม่สามารถชำระหนี้ได้
"ดังนั้นธนาคารตระหนักถึงสภาพปัญหาที่ลูกหนี้ต้องเผชิญกับสถานการณ์ความยากลำบากที่เกิดขึ้น จึงตั้งใจช่วยเหลือไม่ให้ต้องกังวลเรื่องคดีความ โดยธนาคารจะชะลอการดำเนินการทางกฎหมายต่อลูกหนี้ NPLs ตั้งแต่บัดนี้ ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564"
ทั้งนี้ มาตรการชะลอ ผ่อนปรนการดำเนินการทางกฎหมายต่อลูกหนี้ NPLs ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุโควิด-19 ครั้งนี้ จัดทำขึ้นเพื่อช่วยลดภาระลูกหนี้ที่กลายเป็น NPLs ก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2564
ประกอบด้วยสินเชื่อ 4 ประเภท ได้แก่ 1.สินเชื่อบุคคล-รายย่อย 2.สินเชื่อประชาชนผู้มีรายได้น้อย 3.สินเชื่อครูและบุคลากรทางการศึกษา และ 4. สินเชื่อธุรกิจ SMEs ที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 20 ล้านบาท โดยธนาคารจะชะลอการฟ้องคดีต่อศาลไว้จนถึงสิ้นปี 2564 ซึ่งรวมถึงลูกหนี้ที่มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความในชั้นศาล และมีการผ่อนชำระดีมาอย่างต่อเนื่อง แต่มาเริ่มค้างชำระในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563-31 กรกฎาคม 2564 ธนาคารจะชะลอการดำเนินการทางกฎหมาย (ไม่ฟ้อง ไม่ยึดทรัพย์ ไม่ขายทอดตลาด และไม่ฟ้องล้มละลาย) แล้วแต่กรณีตามสถานะของลูกหนี้แต่ละราย
อนึ่ง การประกาศชะลอดำเนินการทางการกฎหมายครั้งนี้ เพื่อช่วยลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไข และกลายเป็น NPLs ก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2564 เท่านั้น และจะเป็นมาตรการที่ดำเนินการเพียงครั้งเดียว โดยไม่มีการขยายระยะเวลาดำเนินการอีกในอนาคต ธนาคารจึงขอแนะนำให้ลูกหนี้ที่ประสบปัญหา โปรดติดต่อธนาคารออมสินสาขาเจ้าของบัญชีเงินกู้ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 นี้
ด้านนางแก้วกาญจน์ วสุพรพงศ์ รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า เนื่องจากคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติมีมติเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 เห็นชอบการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐจากกองทุนผู้สูงอายุ โดยกรมบัญชีกลางทำหน้าที่ในการจ่ายเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิ ตามอัตราการจ่ายเดิม (ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี จะได้รับความช่วยเหลือ 100 บาทต่อเดือน และผู้สูงอายุที่มีรายได้เกิน 30,000 บาทต่อปี แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี จะได้รับความช่วยเหลือ 50 บาทต่อเดือน) ซึ่งจะจ่ายย้อนหลัง ดังนี้ ปีงบบประมาณ พ.ศ.2563 จ่าย 4 เดือน (มิถุนายน- กันยายน 2563), ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 จ่าย 6 เดือน แบบเดือนเว้นเดือน (ตุลาคมและธันวาคม 2563 กุมภาพันธ์ เมษายน มิถุนายน และสิงหาคม 2564)
“สำหรับเงื่อนไขของผู้มีสิทธิ จะต้องเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีอายุครบ 60 ปีขึ้นไป ก่อนเดือนที่ได้รับสิทธิเงินสงเคราะห์ฯ โดยกรมบัญชีกลางจะจ่ายเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิ ในวันที่ 3 กันยายน 2564 ซึ่งวงเงินดังกล่าวสามารถใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการผ่านเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่อง EDC) หรือแอปพลิเคชัน “ถุงเงินประชารัฐ” ที่ร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น หรือร้านค้าประชารัฐ ของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง รวมทั้งสามารถถอนเป็นเงินสดได้ที่ตู้ ATM ของ บมจ. ธนาคารกรุงไทย หรือสาขาของ บมจ.ธนาคารกรุงไทย ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center กรมบัญชีกลาง 0-2 270-6400 หรือ Call Center บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 0-2109-2345 ในวัน เวลาราชการ” โฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |