"โฆษก บช.น." เตือนม็อบแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ ชุมนุมใหญ่ 3 ก.ย.แยกราชประสงค์อาจมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น "เต้น" นำคาร์ม็อบพรึ่บแยกอโศกมนตรี ลั่นไล่บิ๊กตู่คู่ขนานสภา ยังกั๊กยกระดับค้างคืนขอดูสถานการณ์การเมือง "แยกดินแดง" ป่วนอีก! "ทะลุแก๊ส" เผายาง-จุดประทัด "ราชทัณฑ์" แจง 5 แกนนำ 3 นิ้วร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) วันที่ 2 ก.ย. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวถึงการชุมนุมทางการเมืองว่า มีการนัดหมายชุมนุม 2 กลุ่ม คือ กลุ่มคาร์ม็อบ นำโดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด เวลา 16.00 น. ที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอโศกมนตรี และกลุ่มทะลุแก๊ส ไปก่อความวุ่นวายที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง ซึ่ง บช.น.ขอเตือนว่ากรุงเทพฯ ประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.โรคติดต่อ, พ.ร.บ.จราจรทางบก โดยได้จัดเตรียมกำลังตำรวจดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยแล้ว
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า ในการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมตั้งแต่เดือน ก.ค.-ส.ค.มีทั้งสิ้น 170 คดี มีผู้ที่อยู่ในข่ายกระทำผิด 645 ราย จับกุมตัวแล้ว 375 ราย และการดำเนินคดีตั้งแต่ ก.ค.64 มีทั้งสิ้น 422 คดี สอบสวน เสร็จสิ้นแล้ว 201 คดี อยู่ระหว่างการสอบสวน 221 คดี พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกผู้ชุมนุมอีก 164 หมาย แบ่งเป็นแกนนำ 25 หมาย ผู้ชุมนุม 139 หมาย นอกจากนี้พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกผู้ปกครอง 17 ราย กรณีปล่อยปละละเลย ส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กและเยาวชนกระทำผิดกฎหมาย หรือมีพฤติกรรมเสี่ยงกระทำผิดกฎหมายจะถูกดำเนินคดีตามความผิด พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก
"การชุมนุมที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอโศกฯ ทางการข่าวทราบว่าจะมีการปักหลักและใช้เครื่องขยายเสียง ไม่เคลื่อนขบวนไปรัฐสภา ส่วนการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมในวันที่ 3 ก.ย. ที่บิ๊กซีราชประสงค์ คาดว่าอาจมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น และในวันที่ 4 ก.ย. กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ และกลุ่มรีเดมจะเดินทางไปที่สถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ การชุมนุมที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนได้ถอดเทปคำปราศรัยเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย" โฆษก บช.น.กล่าว
ต่อมาเวลา 15.45 น. บริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอโศกมนตรี จุดนัดหมายกลุ่มคาร์ม็อบของนายณัฐวุฒิ ในนามผู้ประสานงานเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) และนายสมบัติ หรือ บ.ก.ลายจุด เพื่อแสดงพลังขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น มวลชนได้เริ่มปิดบริเวณแยกอโศกมนตรี ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเร่งระบายรถทั้งถนนสุขุมวิทขาเข้าและขาออก รวมทั้งถนนอโศกมนตรี ส่งผลให้การจราจรโดยรอบติดหนัก จากนั้นมวลชนที่มาจากหลายเครือข่ายแนวร่วมได้ลงพื้นผิวถนนทำกิจกรรม
คาร์ม็อบคึกไล่บิ๊กตู่
เวลา 16.15 น. นายณัฐวุฒิได้เดินทางถึงแยกอโศกมนตรี โดยใส่เสื้อสีแดงสกรีนตัวอักษรสีขาวคำว่า “ไพร่” พร้อมเปิดเผยว่า นอกจากการมาแสดงพลังแล้วยังเป็นการสื่อสารไปยัง ส.ส.ในสภาทั้งฝั่งรัฐบาลและฝ่ายค้านว่า ประชาชนจำนวนมหาศาลเชื่อว่าเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศที่ไม่ยอมรับการบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น ส.ส.ต้องตัดสินใจเลือกระหว่างประชาชนกับประยุทธ์ ที่ล้มเหลวสร้างความเสียหาย ผู้คนล้มตายมากมาย ส.ส.ที่มาจากประชาชนจะตัดสินใจเลือกอย่างไร
"ผมเข้าใจว่าขณะนี้มีเสียงเสียดทานทางการเมืองเกิดขึ้นกับ พล.อ.ประยุทธ์จากซีกรัฐบาลพอสมควร ซึ่งแน่นอนว่าประชาชนไม่ได้เกี่ยวข้องในความขัดแย้งดังกล่าว แต่ถ้าจะมีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ทางการเมือง จุดยืนของเราชัดเจน เรายอมรับการเปลี่ยนแปลงในระบบเท่านั้น ไม่ยอมรับวิธีการนอกระบบและวิธีการพิเศษนอกเหนือจากรัฐธรรมนูญ หาก พล.อ.ประยุทธ์ผ่านการไว้วางใจได้เป็นนายกฯ ต่อ เรายังยืนยันเดินหน้าขับไล่ แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์เกิดชะตากรรมทางการเมืองจากความขัดแย้งที่เข้มข้นเวลานี้ ประชาชนยังคงยืนยันขอเรียกร้องในระบบไม่เอาวิธีอื่นเด็ดขาด" นายณัฐวุฒิกล่าว
ผู้ประสานงานเครือข่ายไล่ประยุทธ์ระบุว่า เราจะเดินหน้าโดยคำนึงถึงความจริงของสถานการณ์ การจะยกระดับหรือพัฒนาการใดๆ เอาสถานการณ์เป็นตัวตั้ง ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นกับนายกฯ ขณะนี้ส่วนสำคัญมาจากความล้มเหลวในการบริหการ แม้แต่สมาชิกพรรครัฐบาลก็พบเห็นว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในอำนาจต่อไป ยากลำบากเหลือเกินที่พวกเขาจะเดินกลับไปหาประชาชนและสำเร็จทางการเมืองเพื่อเข้าสู่สภาได้
"ต่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้รับความเห็นชอบข้างมากก็ตาม ก็จะเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง อย่างน้อยต้องมีการปรับ ครม. เชื่อว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ครม.ชุดนี้อยู่ร่วมกันไม่ได้ ทำงานร่วมกันไม่ได้ ดังนั้นกระบวนการใดก็ตามที่กำลังปฏิเสธอำนาจประยุทธ์อยู่ก็เดินซะให้สุดเลย ล้ม พล.อ.ประยุทธ์ไปเสีย แต่อย่าใช้อำนาจนอกรัฐธรรมนูญ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีการสู้กันอีก" ผู้ประสานงานเครือข่ายไล่ประยุทธ์ระบุ
ถามว่าจะมีการยกระดับค้างคืนหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า หากสถานการณ์จำเป็นจะต้องปักหลักค้างแรมคงต้องสรุปกันอีกที ถ้าคนหนุ่มสาวเขามีการแสดงพลัง พวกตนพร้อมสนับสนุนเต็มที่ รู้สึกตื่นเต้น ห่างการปราศรัยมาแล้ว 3 ปี การต่อสู้ก็คงจะใช้ตรงนี้เพราะเป็นพื้นที่กลางเมืองไปมาง่าย ห่างพื้นที่เปราะบาง
"กิจกรรมในวันนี้เป็นการเปิดพื้นที่ให้กลุ่มคนหนุ่มสาวและเครือข่ายได้แสดงออก เป็นการเชื่อมต่อของยุคสมัยกระบวนการต่อสู้แต่ละรุ่น คนรุ่นผมออกมาเป็นพลังเสริม คนหนุ่มสาวคือกลุ่มนำ อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อน้องๆ ได้จะทำ การจัดกิจกรรมไม่น่าจะเกิน 20.00 น.บวกลบนิดหน่อย เพื่อให้พี่น้องเดินทางกลับเวลาเคอร์ฟิว" นายณัฐวุฒิกล่าว
เวลา 16.29 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อได้เข้ามาแจ้งว่า การชุมนุมดังกล่าวมีความผิดทางกฎหมาย ซึ่งนายณัฐวุฒิได้แจ้งว่าจะทำกิจกรรมให้เสร็จภายใน 20.00 น. และจะไม่มีการเคลื่อนขบวน
ด้านนายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ขอนแก่น หัวหน้าพรรคก้าวล่วง ได้ขึ้นปราศัยว่า วันนี้จะเอาแค่ขึ้นเสา พรุ่งนี้จะปีนให้สูงถึงเพดานที่แยกราชประสงค์ วันนี้มาทวงสัญญาจากคนที่ชื่อว่าประยุทธ์ จันทร์โอชา เขาบอกจะนำพาเศรษฐกิจให้ดีขึ้น และสัญญาว่าจะเข้ามาปราบโกง ปราบคนอื่นหมดแต่ตัวเองโกงคนเดียว วันนี้ระดับการทุจริตของไทยสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ก่อนที่จะปราบใครต้องปราบตัวเองก่อน อีกอย่างสัญญาจะเข้ามาปฏิรูปตำรวจ ก่อนอื่นต้องบอกว่าปี 48-49 ตำรวจถูกกล่าวว่าเป็นขี้ค่าทักษิณ ปีนี้ถูกว่าเป็นขี้ข้าเผด็จการอีก ตำรวจเป็นด่านหน้า เราประกาศจะเป็นมิตรกับตำรวจ ผู้ประกอบอาชีพตำรวจไม่ใช่คนชั่วร้าย แต่ที่ชั่วร้ายคือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ภายใต้การกำกับของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถ้ามีการปฏิรูปจริงคงไม่เห็นสารวัตรโจ้ได้ดี
นายอรรถพลกล่าวต่ออีกว่า สุดท้ายที่พรรคก้าวล่วงจะไม่ยอมให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ อีกต่อไปคือ ประยุทธ์ล้มเจ้า ไม่มีสมัยไหนที่มีรัฐบาลนำพาสถาบันตกต่ำขนาดนี้ ประยุทธ์ดึงฟ้าลงมาต่ำเพื่อมาหากิน จึงยอมไว้วางใจไม่ได้อีกต่อไป
นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ขึ้นปราศรัยช่วงค่ำว่า พล.อ.ประยุทธ์อยู่มาแล้ว 7 ปี สัญญากับประชาชนหลายเรื่องไม่เคยได้อะไร แล้วหน้าด้านบอกจะอยู่จนตาย คำพูดทำลายอนาคตของคนทั้งประเทศ ไม่อยากให้ประยุทธ์ตายก่อนเวลา แต่ให้ตายตามอายุขัย เราควรจะจดจำ พล.อ.ประยุทธ์ไว้เป็นอนุสรณ์ วันหนึ่งเราชนะจะต้องสร้างอนุสรณ์ความหายนะที่ประยุทธ์ทำให้ แต่จะไม่สร้างให้เสียเงินภาษี เปลี่ยนแค่สะพานควายเป็นสะพานประยุทธ์จบ ดังนั้นเราไม่มีความจำเป็นที่ต้องสร้างอนุสรณ์ จะบอกเป็นแนวทางเอาคนที่โง่ออกจากตำแหน่ง วันที่ 4 ก.ย.นี้จะมีการลงมติไม่ไว้วางใจ
"คนที่ผมเรียกว่า ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล บอกว่าตนเองเป็นผู้แทนราษฎร คนพวกนี้จะไปโหวตรับ พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำประเทศอีกต่อไป ดังนั้นต่อให้พวกคุณอ้างเป็นตัวแทนราษฎร เราไม่ยอมรับอีกต่อไป ต่อให้โหวต พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อ แต่พวกเราราษฎรทั้งหลายจงออกมาแสดงเจตจำนงอย่างไม่ลดละ แสดงว่าฉันจะออกมาขับไล่จนกว่าแกจะออกจากอำนาจ ถ้าสภาโหวตรับ เราจะอยู่ที่นี่ ส.ส.ไม่ใช่เจ้าของอำนาจ เป็นเพียงตัวแทนประชาชนเท่านั้น"
นายสมบัติกล่าวอีกว่า การออกมาของเรามาทุกวัน วันละสั้นๆ หลังวันที่ 4 ก.ย.นัดหมายอีกทีรูปแบบเป็นอย่างไร ให้ประชาชนจัดตาราง 4 โมงเย็นมากินข้าวที่นี่ อยู่ที่นี่ทุกวันเป็นเดือน ดูว่าจะไปไหม เปลี่ยนถนนเส้นนี้เป็นถนนคนเดิน เปิดท้ายขายของหากิน เราต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ส่วนประยุทธ์ต้องออกไป
ส่วนที่แยกดินแดง เวลา 18.00 น. กลุ่มทะลุแก๊สนัดทำกิจกรรมเคลื่อนไปยังบ้านพัก พล.อ.ประยุทธ์ โดยกลุ่มทะลุแก๊สประมาณ 50 คน ได้เริ่มก่อความวุ่นวาย ด้วยการนำยางรถยนต์เก่ามาเผาบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงและถนนวิภาวดีฯ พร้อมกับจุดประทัดเสียงดังเป็นระยะ ขณะที่ตำรวจไม่ได้ตั้งตู้คอนเทนเนอร์ที่ถนนวิภาวดีฯ แต่อย่างใด โดยยังรักษาแนวในที่ตั้งกรมดุริยางค์ทหารบก จากนั้นกลุ่มทะลุแก๊สได้นำแผงเหล็กไปปิดการจราจรถนนดินแดงมุ่งหน้าถนนวิภาวดีฯ ทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก
5 แกนนำ 3 นิ้วดีขึ้น
วันเดียวกัน ภาคี Save บางกลอยได้ส่งตัวแทนมายื่นจดหมายถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อเรียกร้องให้ กสม.ดำเนินการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้ต้องขังคดีการเมืองที่ถูกคัดค้านการประกันตัว จนในที่สุดทำให้นายธัชพงศ์ หรือชาติชาย แกดำ หนึ่งในนักเคลื่อนไหวคนสำคัญของภาคี Save บางกลอยติดเชื้อโควิด-19
ด้านนายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ ได้รายงานสถานการณ์และการควบคุมดูแลผู้ต้องขังที่เป็นกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ถูกส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จำนวน 5 รายนั้น นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน รู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่มีอาการหอบเหนื่อย อ่อนเพลียเล็กน้อย ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก นอนหลับพักผ่อนได้ ส่วนนายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือฟ้า รู้สึกตัวดี ไม่มีหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ ไม่มีปวดศีรษะ รับประทานอาหารได้ ขับถ่ายปกติ ตรวจวัดสัญญาณชีพและค่าออกซิเจนของทั้ง 2 รายผลเป็นปกติ และได้รับการรักษาโควิดจนครบกำหนด 14 วันแล้ว อยู่ระหว่างการพักฟื้นเพื่อจำหน่ายกลับไปคุมขังยังเรือนจำตามเดิม
นายธวัชชัยกล่าวว่า ในส่วนนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ รู้สึกตัวดี ไม่มีอาการหอบเหนื่อย หายใจปกติ ไม่มีเจ็บแน่นหน้าอก ไม่มีไข้ ไม่เจ็บคอ รับประทานอาหารได้ นายชาติชาย แกดำ ไม่มีอาการหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ไม่มีอาการหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ อ่อนเพลียเล็กน้อย ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก อาการปวดหูลดลง พบมีผื่นขนาดเล็กขึ้นตามร่างกาย แพทย์ประเมินอาการและจ่ายยารักษาตามอาการ ทั้งนี้ จากการตรวจวัดสัญญาณชีพและค่าออกซิเจนของทั้ง 3 ราย ผลเป็นปกติ
ถามถึงกรณีเพจอานนท์ นำภา ระบุว่าผู้ต้องขังห้องติดกันหมดสติและไม่หายใจต่อหน้าต่อตานั้น โฆษกกรมราชทัณฑ์กล่าวว่า ผู้ต้องขังที่เกิดอาการชักเกร็ง หมดสติ และไม่หายใจดังกล่าวนั้น สถานบำบัดพิเศษกลางได้รับตัวไว้เมื่อวันที่ 13 ส.ค.64 มีอายุ 46 ปี ตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดจำนวน 3 ครั้ง ผลเป็นลบ สอบประวัติตอนแรกรับผู้ต้องขังไม่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยหรือโรคประจำตัว ซึ่งมาทราบภายหลังจากเกิดอาการแล้วว่าเคยมีประวัติเป็นโรคหลอดเลือดในสมอง
"เหตุดังกล่าวเป็นเหตุฉุกเฉินที่ทางทัณฑสถานได้ดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังและทันท่วงที โดยเร่งนำส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์อย่างเร่งด่วน ขณะนี้ผู้ต้องขังดังกล่าวมีอาการทุเลาสามารถหายใจได้เอง และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์และพยาบาลของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์อย่างใกล้ชิด" โฆษกกรมราชทัณฑ์กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |