แฟ้มภาพ
2 ก.ย. 64 - นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ "ไอติม" อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ปัจจุบันลาออกจากสมาชิกพรรคแล้ว ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อหาดังนี้
หยุดใช้เงินภาษีไปทำ “นักรบไซเบอร์” - ตั้ง #ผู้ตรวจการกองทัพ ตรวจสอบทหารแทนประชาชน
การอภิปรายของ ส.ส.ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ เมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นอีกครั้งที่เปิดเผยการทำปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (Information Operation หรือ ไอโอ) ของกองทัพ โดย ส.ส.ณัฐชาอ้างจากข้อมูลหลักฐานว่า ปฏิบัติการดังกล่าวมีการทำอย่างเป็นระบบ (เช่น สั่งการผ่านหนังสือราชการ ติดตามและรายงานผลต่อผู้บังคับบัญชาอย่างสม่ำเสมอ) ใช้กำลังพล และงบประมาณจากภาษีประชาชนในการดำเนินการ จุดประสงค์เพื่อสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล และตอบโต้/ลดทอนคุณค่าความเห็นของผู้เห็นต่าง (จากรัฐบาล) ในเวลาเดียวกัน
มีบางคนที่พยายามปกป้องรัฐบาลและกองทัพโดยการบอกว่า IO ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เหมือนกับคนทั่วไปที่แสดงความเห็นชื่นชมรัฐบาล แต่ประเด็นที่ต้องชี้ให้เห็นคือ การแสดงความเห็นของ IO กองทัพนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่มาจากการจัดตั้งโดยใช้ทรัพยากรของประเทศ ปัญหาของ IO กองทัพจึงอยู่ที่
1. ปฎิบัติการ IO เป็นการใช้เงินภาษีของประชาชนไปดำเนินการ ไม่ได้ใช้เงิน เวลา หรือทรัพยากรส่วนตัว
2. การอวยผลงานรัฐบาล หรือ ตอบโต้คนเห็นต่าง ไม่ใช่หน้าที่ของกองทัพ หากอ้างว่าทำไปเพื่อความมั่นคงของรัฐ ก็ต้องบอกย้ำว่าความมั่นคงของรัฐบาลเป็นคนละสิ่งกับความมั่นคงของรัฐ
แม้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมจะชี้แจงแล้วว่า เอกสารที่ ส.ส.ณัฐชา แสดงในสภานั้น “มีเอกสารที่ไม่เป็นเอกสารจริง” แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องการนำงบประมาณไปใช้ในปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร รวมถึงไม่ได้ชี้แจงให้ประชาชนคลี่คลายความกังวลว่าการใช้งบประมาณในเรื่องนี้ เหมาะสม-โปร่งใสหรือไม่
นอกจากใช้งบประมาณไปกับเรื่องที่ดู “ไม่ใช่หน้าที่” แล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับหน่วยงานอื่น กองทัพยังขึ้นชื่อเรื่องการเป็นหน่วยงานที่ตรวจสอบยาก มีเอกสาร “ลับ” อยู่ไม่น้อย ประชาชนจะเข้าถึงข้อมูลก็ทำได้ลำบาก หลายครั้งที่หลักฐานเล็ดลอดออกมาจึงเป็นเพราะ “คนใน” แอบส่งให้ ทั้งที่จริง หากหน่วยงานยึดความโปร่งใสเป็นพื้นฐานในการทำงาน เจ้าหน้าที่จะไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นเลย
ในเมื่อความหวังให้กองทัพปฏิรูปตัวเอง อาจมีความเป็นไปได้น้อย กลไกหนึ่งที่อาจช่วยกระตุ้นและเป็นทางออกของเรื่องนี้ คือการจัดตั้ง “คณะผู้ตรวจการกองทัพ” เป็นตัวแทนของประชาชนเข้าไปตรวจสอบการทำงานของกองทัพ โดยอำนาจหลักๆ อาจครอบคลุมไปถึง
1. การตรวจสอบการใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม หรือที่ไม่ตรงกับหน้าที่ในการรักษาความมั่นคงของรัฐ
กองทัพมีหน้าที่รักษาความมั่นคงของรัฐภายใต้รัฐบาลพลเรือน แต่ปัจจุบันเราเห็นกองทัพใช้ทรัพยากรหลายอย่างไปทำสิ่งที่ไม่เข้าข่ายหน้าที่หลักข้อนี้
นอกจากการทำ IO เพื่อชื่นชมผลงานรัฐบาล อีกตัวอย่างหนึ่งคือการที่กองทัพใช้ทหารเกณฑ์มาทำหน้าที่เป็นพลทหารรับใช้ให้กับนายทหารที่มียศสูงกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย กองทัพไทยยังมีการกระทำอื่นที่ขัดกับหลัก “กองทัพอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน” เช่น การที่ผู้นำทหารแสดงออกทางการเมืองในที่สาธารณะ หรือการทำรัฐประหาร
2. ตรวจสอบการใช้งบประมาณกองทัพ ที่อาจไม่โปร่งใสหรือมีการทุจริต
ข้อมูลบางส่วนของกองทัพเป็นสิ่งที่เข้าถึงยากกว่าหน่วยงานอื่น อาจด้วยประเด็นเรื่อง “ความมั่นคง” ที่มักถูกหยิบยกมาเป็นข้ออ้าง - ผู้ตรวจการกองทัพจึงควรมีหน้าที่ตรวจสอบว่างบประมาณทุกบาทที่ถูกใช้ ไม่มีเรื่องการทุจริต หรือใช้ไปอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งรวมถึง
- การตรวจสอบงบประมาณรายจ่าย (แม้งบของกองทัพในปีงบประมาณ 2565 ในภาพรวมลดลงเช่นเดียวกับหน่วยงานอื่น แต่ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าทุกบาทถูกใช้อย่างคุ้มค่า - เช่น งบการจัดหายุทโธปกรณ์ เพิ่มเป็น 4,937 ล้านบาท จากเดิมปีงบ 2564 อยู่ที่ 3,132 ล้านบาท ซึ่งต้องตรวจสอบว่าการจัดงบประมาณแบบนี้ จำเป็นหรือไม่ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันของประเทศ)
- การตรวจสอบรายได้ของกองทัพ เพราะนานมาแล้วที่อำนาจทางการเมืองของกองทัพได้แปรไปเป็นอำนาจในการครอบครองทรัพยากรของชาติ โดยปัจจุบันมีธุรกิจในการดูแลของทหาร (อย่างน้อย) 15 ธุรกิจ เช่น สถานีโทรทัศน์ สนามม้า สนามกอล์ฟ (อ.สุรชาติ บำรุงสุข เรียกว่า “เสนาพาณิชย์นิยม” หรือ military commercialism) ซึ่งสร้างความมั่งคั่งส่วนบุคคลแก่ทหารบางนาย และทำให้เกิดคำถามตามมาว่า รายได้จากธุรกิจเหล่านี้ถูกนำมาพัฒนากองทัพมากเพียงใด อ่านต้นฉบับ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |