"นครบาล" แถลงเยาวชน 15 ปีมือปืนม็อบทะลุแก๊สมอบตัวแล้ว ออกหมายเรียกผู้ปกครองปล่อยบุตรหลานร่วมชุมนุมอีก 17 ราย  "3 ม็อบไล่บิ๊กตู่" กร่อยเจอฝนถล่ม "กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ" นัดชุมนุมใหญ่ 3 ก.ย.แยกราชประสงค์ "13 องค์กรระหว่างประเทศ" ร่อน จ.ม.ถึงนายกฯ กังวลสิทธิชุมนุม "ราชทัณฑ์" แจงโชว์ภาพแกนนำ 3 นิ้วหายป่วยโควิดไม่ได้ เหตุละเมิดสิทธิ  
    ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) วันที่ 1 ก.ย. ตั้งแต่ช่วงเช้า พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น. แถลงถึงกรณีมีภาพปรากฏในสื่อโซเชียล เป็นภาพชายถืออาวุธปืนในการชุมนุมที่แยกดินแดงเมื่อวันที่ 29  ส.ค. ซึ่งตรวจสอบพบผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชนชายอายุ 15 ปี ว่าเมื่อวันที่  31 ส.ค.ที่ผ่านมา ผู้ปกครองได้พามามอบตัวที่ สภ.ปากเกร็ด ยอมรับไปร่วมชุมนุมจริง โดยพกปืนไทยประดิษฐ์ไปด้วย ส่วนปืนได้ทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยาในจังหวัดปทุมธานี อยู่ระหว่างติดตามของกลางมาประกอบสำนวนการดำเนินคดี โดยจะให้สหวิชาชีพมาสอบปากคำเยาวชนผู้ก่อเหตุ และส่งศาลเยาวชนกลางและครอบครัวกลางต่อไป
    "การดำเนินคดีการชุมนุมตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน มีการดำเนินคดีไปแล้ว 170 คดี, ผู้ต้องหา 645 คน และจับกุมแล้ว  375 คน ภาพรวมการดำเนินคดีตั้งแต่เดือน ก.ค.63 จนถึงปัจจุบัน  ดำเนินคดีไปแล้ว 422 คดี สอบสวนเสร็จแล้ว 201 คดี และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน 221 คดี มีการออกหมายจับ 264  หมาย นอกจากนี้ยังได้ออกหมายเรียกผู้ปกครองที่ปล่อยปละละเลยบุตรหลานออกมาก่อเหตุทำผิดกฎหมาย 17 หมาย" โฆษก บช.น.กล่าว
    ต่อมาเวลา 15.00 น. บริเวณหน้าประตูทางเข้าอาคารรัฐสภา ฝั่ง ส.ว. ถนนสามเสน กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์  ทั้งกลุ่มไทยไม่ทน, กลุ่มเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มทะลุฟ้า จัดกิจกรรมที่ใช้ชื่อว่า "1 กันยา ซักฟอกเผด็จการ" โดยใช้รถเครื่องเสียงมาจอดเพื่อทำกิจกรรมในการปราศรัย ในรูปแบบการอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาคู่ขนานไปกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา
    ทั้งนี้ เนื้อหาของผู้ปราศรัยแต่ละคนเน้นไปที่การโจมตีการบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์เป็นหลัก โดยเฉพาะการบริหารสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงมีการปราศรัยไปถึงรัฐมนตรีทั้ง 5 คนที่ถูกซักฟอกในสภาด้วย ขณะเดียวกันกลุ่มทะลุฟ้าก็ได้มีการทำกิจกรรมเขียนป้ายผ้าระบายความในใจที่มีต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชุมนุมในวันนี้มวลชนไม่ได้เดินทางมามากนัก แต่กิจกรรมก็ยังคงเน้นไปที่เนื้อหาการปราศรัย พร้อมย้ำหากวันที่ 4  ก.ย.ยังโหวตให้นายกรัฐมนตรีได้อยู่ต่อ ก็จะเดินหน้าขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาประจำอยู่บริเวณด้านในของประตูรัฐสภา และตำรวจจาก สน.บางโพมาร่วมกันดูแลความสงบเรียบร้อย
    ส่วนที่ห้าแยกลาดพร้าว เวลา 14.00 น. กลุ่มราษฎรตาลีบันและมวลชนคนเสื้อแดงนัดชุมนุมเพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ โดยได้เคลื่อนขบวนไปตามเส้นทางพหลโยธินเพื่อไปที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ เมื่อไปถึงผู้ชุมนุมนำรถเครื่องเสียงมาจอดบริเวณทางเข้าพร้อมปราศรัย เน้นไปที่การทำงานพรรคที่ไม่อยากให้รับใช้รัฐบาลประยุทธ์ พร้อมมีการสาดสีหน้าที่ทำการพรรคเพียงเล็กน้อย ก่อนที่เวลา 17.10 น. แกนนำจะประกาศยุติการชุมนุมม็อบ 1 กันยา 
    ที่สามเหลี่ยมดินแดง กลุ่มเยาวรุ่นทะลุแก๊สได้นัดหมายชุมนุมเวลา  17.00 น. เพื่อไปที่บ้านพักของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่กรมทหารราบที่ 1  ถนนวิภาวดีฯ แต่เมื่อถึงเวลาปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่สามารถรวมตัวกันได้ เช่นเดียวกับกลุ่มราษฎรตาลีบันและมวลชนคนเสื้อแดงบางส่วนที่ประกาศยุติการชุมนุมหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็มารวมตัวกับกลุ่มทะลุแก๊ส แต่รวมตัวกันไม่ติดเพราะมีฝนตกหนัก มีการจุดประทัดบ้างประปราย 
    ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีการตั้งตู้คอนเทนเนอร์ปิดถนนวิภาวดีฯ ขาออกเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แต่มีการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ปิดการจราจรเฉพาะทางคู่ขนาน ถนนวิภาวดีฯ บริเวณหน้าโรงพยาบาลทหารผ่านศึกเท่านั้น
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม - United  Front of Thammasat and Demonstration นัดชุมนุมใหญ่ในวันศุกร์ที่ 3  ก.ย.นี้ ที่แยกราชประสงค์ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. โดยจะมีการตั้งเวทีปราศรัยควบคู่กับการอภิปรายไม่ไว้วางใจในรัฐสภา
     วันเดียวกัน 13 องค์กรระหว่างประเทศได้ส่งจดหมายถึง พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกฯ และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เพื่อแสดงความกังวลเกี่ยวกับมาตรการควบคุมฝูงชนและมาตรการอื่นๆ ที่ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย ที่มักละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้ชุมนุม อีกทั้งละเมิดมาตรฐานสากลเกี่ยวกับการควบคุมฝูงชน ทั้งมีการใช้ความรุนแรงและการใช้กำลังที่เกินสัดส่วน จึงเรียกร้องทางการไทยให้ปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งไม่เพียงแต่ยุติการปราบปรามผู้ชุมนุม แต่ยังต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเอื้ออำนวยให้ประชาชนได้ใช้สิทธิเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบ และการแสดงออกในบริบทการระบาดของโควิด-19 ด้วย 
    ที่ สน.ปุทมวัน น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล และนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อหา กรณีจัดชุมนุมที่สกายวอล์กเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.64 โดยก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนมีการแขวนป้ายที่หน้า  สน.ปทุมวัน เรียกร้องให้ “ปล่อยเพื่อนเรา” และอีกป้ายระบุว่า “สั่งขังหรือสั่งฆ่า” จากนั้นได้นั่งสวดมนต์บทแผ่เมตตาเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์  ล้อเลียนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์อภิปรายในสภา ระบุว่าตนสวดมนต์ทุกวันไม่คิดทำอะไรผิด
    นายไชยอมรกล่าวว่า ที่นำป้ายผ้า “สั่งขังหรือสั่งฆ่า” มาแขวน มันชัดเจนว่าในเรือนจำมีการติดเชื้อโควิดเป็นปัญหาหลัก และยังแก้ไม่ได้ในตอนนี้ การส่งตัวเพื่อนพวกตนเข้าไปรอบนี้เป็นเจตนาให้พวกเขาติดเชื้อโควิด ตอนนี้อำนาจตุลาการ ศาลพลเรือน พล.อ.ประยุทธ์กำลังใช้อย่างตามอำเภอใจ
    ขณะที่นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ผู้ต้องขังที่เป็นกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมือง ที่ติดเชื้อโควิด-19 ถูกส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จำนวน 5 ราย ประกอบด้วย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์  หรือเพนกวิน, นายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือฟ้า, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์, นายชาติชาย แกดำ และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่​ ดาว​ดิน​ ซึ่งวันนี้แพทย์ประจำทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้เข้าตรวจร่างกาย พบนายพริษฐ์รู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง ช่วยเหลือตัวเองได้ หายใจไม่มีอาการหอบเหนื่อย และนายพรหมศรรู้สึกตัวดี ยิ้มแย้ม พูดคุยช่วยเหลือตัวเองได้ ส่วนนายภาณุพงศ์รู้สึกตัวดี ไม่มีอาการหอบเหนื่อย สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ นายจตุภัทร์รู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง นายชาติชายรู้สึกตัวดี พูดคุยถามตอบรู้เรื่อง
    "ขอยืนยันทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์มียาและเวชภัณฑ์ครอบคลุมตามมาตรฐานของโรงพยาบาลในการดูแลรักษา รวมทั้งมีระบบการสำรองยาและเวชภัณฑ์อย่างเพียงพอ ตรงตามมาตรฐานสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ส่วนการเผยแพร่หลักฐานทางการแพทย์หรือภาพของผู้ต้องขัง ขอชี้แจงว่าไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้หากยังไม่ได้รับการยินยอมจากผู้ต้องขัง เนื่องจากเป็นการละเมิดสิทธิ ซึ่งในปัจจุบันผู้ต้องขังกลุ่มดังกล่าวไม่ยินยอมให้เปิดเผย จึงทำให้เป็นอุปสรรคในการเผยแพร่เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงด้วยภาพและเอกสารข้อมูลต่างๆ" โฆษกกรมราชทัณฑ์กล่าว.