วันที่ 1 ก.ย.นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ได้รายงานผลการขุดแต่งทางโบราณคดีโบราณสถานวัดส้มสุก ตำบลมะลิกา อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งโบราณสถานขนาดใหญ่ที่สุดในแอ่งที่ราบฝาง พบหลักฐานยืนยันอิทธิพลวัฒนธรรมสุโขทัย ที่แพร่หลายเข้าสู่ดินแดนล้านนาโบราณเมื่อกว่า 600 ปีมาแล้วในปีงบประมาณ 2564 กรมศิลปากรได้ดำเนินโครงการขุดแต่งโบราณสถานวัดส้มสุก ตำบลมะลิกา อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ต่อจากระยะแรกเมื่อปี 2558 ขณะนี้มีโบราณสถานที่ดำเนินการขุดค้นแล้วได้แก่ เจดีย์ประธานทรงระฆังมีช้างล้อมรอบฐาน วิหารขนาดใหญ่ พบร่องรอยการปฏิสังขรณ์ 3 ครั้ง ซุ้มประตูโขงและอาคารใหญ่น้อยอีกประมาณ 10 หลัง พบโบราณวัตถุสำคัญ ได้แก่ พระพิมพ์เนื้อชินมีจารึกคาถา “จะภะกะสะ” ซึ่งเป็นคาถาที่ปรากฏในคัมภีร์วิชรสารัตนสังคหะ รจนาโดย พระรัตนปัญญาเถระภิกษุในนิกายวัดสวนดอกเมื่อ พ.ศ. 2078
นายประทีป กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น ยังพบจารึกอักษรฝักขามบนแผ่นอิฐหน้าวัวและอิฐรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีทั้งที่จารเป็นอักษร 1-2 ตัว และเป็นข้อความหรือภาพลายเส้นเป็นลวดลายต่าง ๆ มากกว่า 200 ก้อน จนอาจกล่าวได้ว่า วัดส้มสุกเป็นวัดที่มีจารึกมากที่สุดในประเทศไทย เบื้องต้นนักโบราณคดีได้จำแนกจารึกบนก้อนอิฐที่พบออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เขียนเป็นข้อความ ส่วนใหญ่ระบุชื่อบุคคลที่อาจหมายถึงผู้ปั้นหรือผู้บริจาคอิฐก้อนนั้น ๆ และกลุ่มที่เขียนเป็นตัวอักษร 1-2 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่พบบนอิฐหน้าวัวที่ประกอบกันเป็นเสาอาคาร มีข้อสังเกตว่า ในเสาต้นเดียวกันส่วนใหญ่จะเป็นการจารึกตัวอักษรตัวเดียวกัน เบื้องต้นนักโบราณคดีสันนิษฐานว่า อาจเกี่ยวข้องกับการให้รหัสสำหรับการก่อสร้าง หรือเทคนิคการผลิต หรืออาจหมายถึงกลุ่มบุคคล กลุ่มข้าวัด หัววัด หรือศรัทธาวัดแต่ละหมู่บ้าน ที่ร่วมแรงร่วมใจกันซ่อมสร้างวัดโบราณแห่งนี้ขึ้น อย่างไร ก็ตามจารึกทั้งหมดยังอยู่ระหว่างการศึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาโบราณ ซึ่งจะมีสรุปรายงานผลการศึกษาทั้งหมดอย่างเป็นทางการต่อไป
อธิบดี ศก. กล่าวต่อว่า สำหรับการขุดแต่งโบราณสถานวัดส้มสุกเกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างกรมศิลปากรและชุมชน ในตำบลมะลิกาที่ต้องการอนุรักษ์และพัฒนามรดกทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าของท้องถิ่น โดยในปีงบประมาณเดียวกันนี้ กรมศิลปากรยังได้อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมอีก 1.1 ล้านบาท สำหรับการขุดค้นและดำเนินการทางโบราณคดีให้ครบถ้วน เพื่อขยายผลการศึกษาเชิงประวัติศาสตร์และโบราณคดีให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น อีกทั้งจะนำไปสู่การต่อยอดสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ชาวอำเภอแม่อายได้ต่อไปในอนาคต