จับโกหกสามนิ้ว กรมราชทัณฑ์เผยแพทย์ลงความเห็น "เพนกวิน-ไผ่ ดาวดิน" หายป่วยโควิดแล้ว ไม่จำเป็นต้องส่งตัวไป รพ.ธรรมศาสตร์ฯ ขณะที่ศาลอาญายกคำร้องแม่เพนกวินจะเอาลูกออกจากคุก
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2564 นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ถูกส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จำนวน 5 ราย ประกอบด้วย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, นายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือฟ้า, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์, นายชาติชาย แกดำ และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดินนั้น แพทย์ประจำทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้เข้าตรวจร่างกาย พบว่านายพริษฐ์รู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่มีอาการหอบเหนื่อย มีไข้ต่ำ อ่อนเพลียเล็กน้อย มีไอเล็กน้อย ไม่มีน้ำมูก นอนหลับพักผ่อนได้ และนายพรหมศร รู้สึกตัวดี ยิ้มแย้มพูดคุย ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่มีหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ ไม่มีปวดศีรษะ เจ็บเล็กน้อย รับประทานอาหารได้ ขับถ่ายปกติ นอนหลับพักผ่อนได้
โดยแพทย์ได้ลงความเห็นว่า ทั้งสองคนได้รับการรักษาโควิดหายแล้ว ผลเอกซเรย์ปอดเมื่อวันที่ 30 ส.ค.2564 ของทั้งคู่เป็นปกติ และส่งตัวไปยังหอพักฟื้นผู้ป่วยเพื่อสังเกตอาการ พร้อมอยู่ระหว่างแพทย์พิจารณาส่งตัวกลับไปคุมขังยังเรือนจำตามปกติ
ในส่วนของนายภาณุพงศ์ รู้สึกตัวดี ไม่มีอาการหอบเหนื่อย สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ผู้ป่วยสีหน้าสดใส ยิ้มแย้มพูดคุย ช่วยเหลือตัวเองได้ หายใจปกติ ไม่มีเจ็บแน่นหน้าอก ไม่มีหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ ไม่เจ็บคอ ไม่มีปวดศีรษะ รับประทานอาหารได้ ขับถ่ายปกติ นอนหลับพักผ่อนได้, นายจตุภัทร์ รู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่มีอาการหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ อ่อนเพลียเล็กน้อย ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก นอนหลับพักผ่อนได้ ด้านนายชาติชาย รู้สึกตัวดี ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่มีอาการหอบเหนื่อย มีไข้ สามารถนอนหลับพักผ่อนได้ รับประทานอาหารได้ ขับถ่ายปกติ ในส่วนการตรวจพบฝ้าที่ชายปอด แพทย์ได้ดูแลและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด โดยผู้ต้องขังทั้งหมดมีสัญญาณชีพและระดับออกซิเจนในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ
นายธวัชชัยกล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีเพจ "เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์" เผยแพร่ข้อความมีเนื้อหาเกี่ยวกับอาการป่วยโควิดล่าสุดและเรียกร้องให้กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ส่งตัวเพื่อนเราไปรักษาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ โดยเร็วที่สุด มีการจ่ายยาผิดว่า การนำเสนอข่าวเป็นการรายงานจากข้อมูลทางการแพทย์และเป็นไปตามข้อเท็จจริง โดยในประเด็นของนายพริษฐ์ ที่มีอาการโรคผิวหนัง มีผื่นคันตามตัว ได้รับการรักษาโดยแพทย์จ่ายยาทาให้ Ketoconazole cream และสังเกตอาการต่อเนื่อง พบมีอาการคันลดน้อยลง ในส่วนสภาพห้องผู้ป่วยที่อยู่มีผู้ต้องขังอยู่รวม 35 คน ซึ่งปัจจุบันอยู่ในสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้โรงพยาบาลทุกแห่งมีสภาพแออัดเช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่โรงพยาบาลใหญ่ของรัฐภายนอกเรือนจำ
นอกจากนี้ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้มีหนังสือรายงานตามคำสั่งศาล รายงานอาการเจ็บป่วยของนายพริษฐ์ จากการติดเชื้อโควิด-19 และทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์มีศักยภาพเพียงพอที่จะดูแลรักษาอาการเจ็บป่วยของนายพริษฐ์ ไปยังศาลอาญา เพื่อชี้แจงในประเด็นการส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.64 จึงขอให้พี่น้องประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอมและข่าวบิดเบือน และยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลมีคำสั่งในคดีที่นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ แม่ของนายพริษฐ์ (จำเลยที่ 1) ได้ยื่นคำร้องวันที่ 25 ส.ค.2564 ขอให้ศาลมีคำสั่งส่งตัวนายพริษฐ์ ไปรักษาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ โดยอ้างเหตุที่นายพริษฐ์ติดโควิดโดยที่อาการยังไม่ดี ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที จะมีความเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต ซึ่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ นายพริษฐ์มีประวัติการรักษาจากโรคหอบหืด
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจากหนังสือรายงานผลการตรวจรักษา และใบความเห็นของแพทย์ของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ อาการเจ็บป่วยของจำเลยที่ 1 จากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่าปัจจุบันมีอาการน้อย ไม่มีภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ ไม่มีไข้ หายใจได้ปกติ และได้รับการดูแลรักษาจากแพทย์อย่างใกล้ชิด ประกอบกับโรงพยาบาลราชทัณฑ์มีความพร้อมทั้งทางด้านบุคลากร ด้านยา และเวชภัณฑ์ ตลอดจนอุปกรณ์ทางการแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข และหากผู้ต้องขังรายใดเมื่อได้รับการรักษาพยาบาลแล้วอาการไม่ทุเลาดีขึ้น ก็มี พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 มาตรา 55 วรรคสอง ให้อำนาจผู้บัญชาการเรือนจำอนุญาตให้นำตัวส่งไปรักษาที่สถานพยาบาลนอกเรือนจำได้ ดังนั้นด้วยเหตุผลตามข้อเท็จจริงดังกล่าวมาแล้วข้างต้น จึงไม่อนุญาตตามที่ผู้ร้องขอมา ให้ยกคำร้องและแจ้งคำสั่งให้ทราบ
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เปิดเผยการเคลื่อนไหวทางการเมืองว่า การชุมนุมในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงปัจจุบัน มีคดีเกี่ยวกับการชุมนุม 169 คดี มีผู้ที่อยู่ในข่ายถูกดำเนินคดี 644 คน จับได้แล้ว 374 คน ขณะที่ภาพรวมตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 มีจำนวนคดีทั้งสิ้น 421 คดี สอบสวนแล้วเสร็จ 201 คดี อยู่ระหว่างการสอบสวน 220 คดี โดยมีการออกหมายเรียกแล้ว 164 หมาย ส่วนการตรวจสอบบุคคลที่ถือปืนในพื้นที่การชุมนุมบริเวณแยกดินแดง เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้ว โดยพบว่าเป็นอาชีวะกลุ่มหนึ่งอย่างน้อย 2 คน ด้านผู้ที่ร่วมทำร้ายเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่การชุมนุม พบมีผู้ร่วมก่อเหตุประมาณ 6 คน โดยสามารถจับได้แล้ว 2 คน พร้อมยอมรับการชุมนุมวันดังกล่าวมีรถตำรวจถูกวัตถุคล้ายกระสุนปืนยิงเข้าใส่ ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบขีปนวิธี หาทิศทางยิง เพื่อหาตัวผู้ก่อเหตุต่อไป
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ มีการนัดหมายชุมนุมเบื้องต้น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มราษฎรตาลีบัน มีการนัดหมายเวลา 14.00 น. บริเวณแยกลาดพร้าว, กลุ่มรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย นัดหมายเวลา 15.00 น. บริเวณหน้าสภารัฐสภา แยกเกียกกาย และกลุ่มทะลุแก๊ส ที่บริเวณแยกดินแดง
"ส่วนที่จะมีการชุมนุมบริเวณอาคารรัฐสภาในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยืนยันหากพบมีการละเมิดกฎหมาย หรือความพยายามฝ่าฝืนเข้าไปในสถานที่ราชการ เจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งตำรวจจะใช้อุปกรณ์ควบคุมฝูงชนตามหลักสากลดังที่เคยใช้ เช่น แก๊สน้ำตา น้ำสีม่วงผสมแก๊สน้ำตา กระสุนยาง ส่วนการตั้งเครื่องกีดขวาง และปิดเส้นทางจะพิจารณาตามสถานการณ์ โดยต้องจะคำนึงถึงการเปิดทางเข้า-ออกสถานที่ การรักษาความปลอดภัยสถานที่ และการลดผลกระทบกับประชาชนทั่วไป แต่กรณีที่ไม่สามารถเข้า-ออกได้ตามเส้นทางปกติ ก็มีการเตรียมแผนอพยพ และเส้นทางสำรองไว้แล้ว" พล.ต.ต.ปิยะกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |