สศอ.ปลื้มเอ็มพีไอ ก.ค.64 ขยายตัว 5.12% บวกต่อเนื่อง 5 เดือน


เพิ่มเพื่อน    

 

31 ส.ค. 2564 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สถานการณ์ภาคการผลิตอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้น โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) ที่สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) จัดทำแสดงให้เห็นว่าในช่วงเดือนก.ค. 2564 ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 อยู่ที่ระดับ 91.41 เพิ่มขึ้น 5.12% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการฟื้นตัวด้านเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลัก อาทิ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ที่มีความต้องการสินค้าเพิ่มมากขึ้น ภาคการผลิตของไทยจึงได้รับอานิสงค์สามารถขยายการผลิตเพื่อส่งออกได้มากขึ้น โดยการส่งออกขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 มูลค่ากว่า 7 แสนล้านบาท

ทั้งนี้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในคลัสเตอร์โรงงานอุตสาหกรรมยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของแรงงานในสถานประกอบการ ปัจจุบันยังไม่ส่งผลต่อการจ้างงานและการผลิตภาคอุตสาหกรรมในภาพรวม สะท้อนได้จากดัชนีแรงงานอุตสาหกรรมเดือนก.ค. 64 ยังคงขยายตัว 3.41% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวของกับปีก่อนซึ่งแสดงให้เห็นจำนวนชั่วโมงการทำงานที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามกระทรวงอุตสาหกรรมยังคงติดตามสถานการณ์การควบคุมการระบาดในสถานประกอบการอย่างใกล้ชิด และได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานตามมาตรการควบคุมพื้นที่เฉพาะหรือบับเบิลแอนด์ซีล และได้จัดทำโครงการนำร่องการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงานอุตสาหกรรมหรือแฟคทอรี่แซนด์บ็อกซ์ ภายในสถานประกอบการ โดยมุ่งเป้าอุตสาหกรรมส่งออกหลักของประเทศไทย ได้แก่ ยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาหาร และเครื่องมือแพทย์ เพื่อให้ภาคการผลิตสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างต่อเนื่อง

นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการ สศอ. กล่าวว่าเอ็มพีไอ งวดก.ค. ที่ปรับขึ้น 5.12 มาจากอุตสาหกรรมสำคัญ อาทิ รถยนต์และเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ เป็นต้น เนื่องจากมีความต้องการตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากตัวเลขการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ อาวุธ รถถัง และอากาศยาน) มูลค่า 541,763.15 ล้านบาท ขยายตัวสูงถึง 28.67% ส่วนการนำเข้าสินค้าทุน ขยายตัว 35.40% ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ

รวมถึงการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวสูงถึง 50.11% ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งจากตัวเลขการนำเข้าดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ผู้ประกอบการยังมีแนวโน้มที่จะมีการผลิตเพิ่มขึ้นในเดือนถัดไป นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลัก ส่งผลให้การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่อง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งด้านการเงินและการคลัง รวมถึงการเร่งกระจายการฉีดวัคซีนโควิด-19 และแผนการเปิดประเทศในครึ่งปีหลัง

สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่มีดัชนีผลผลิตที่ส่งผลบวกขยายตัวในเดือนก.ค. 64 ได้แก่ รถยนต์ และเครื่องยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 31.49% จากทุกรายการสินค้า จากตลาดส่งออก เป็นหลัก ด้วยผลของฐานต่ำและความต้องการของลูกค้าต่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ฟื้นตัวจากการควบคุมการระบาดได้ดีและมีการฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรในระดับสูง

ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 19.02% ตามความต้องการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และคาดว่าความต้องการจะเพิ่มขึ้น  ในระยะยาวเพราะจะมีการใช้ชิ้นส่วนชิปที่มากขึ้น , ผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 18.55% จากยางแท่งและยางแผ่นเป็นหลัก ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ของกลุ่มประเทศคู่ค้าหลักคลี่คลายและกลับมาสั่งซื้อเพิ่มขึ้นจาก จีน สหรัฐอเมริกา และยุโรป รวมถึงปีนี้มีฝนตกต่อเนื่องทำให้ต้นยางสมบูรณ์ผลิตน้ำยางได้มาก

เม็ดพลาสติก ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 10.61% จากการผลิตที่เพิ่มขึ้นในหลายผลิตภัณฑ์ เนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงของผู้ผลิตหลักในปีก่อน ประกอบกับในปีนี้มีความต้องการในตลาดเพิ่มขึ้น ผู้ผลิตจึงเร่งและขยายกำลังการผลิต และน้ำตาล ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 93.73% จากน้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ เป็นหลัก หลังจากปิดหีบแล้วมีการละลายน้ำตาลดิบเพื่อผลิตเป็นน้ำตาลทรายอย่างต่อเนื่อง


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"