โหวตทิศทางเดียวกัน ‘ป้อม’สั่งสส.พปชร.สยบเลื่อยขาเก้าอี้/พท.ขูขั่บงูเห่าพ้นพรรค


เพิ่มเพื่อน    

“บิ๊กตู่” ยันพร้อมรับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยข้อเท็จจริงและเจตนาที่บริสุทธิ์ ระบุขอให้ ครม.รักและเชื่อใจกัน ช่วยดูแลเรื่องโหวตให้ดี “ลุงป้อม” ออกโรงกำชับยกมือให้ 6 รัฐมนตรีต้องทิศทางเดียวกัน กาวใจ ส.ส.อย่าน้อยใจ บอกนายกฯ ทำงานหนักไม่ใช่ไม่ดูแล สยบข่าวเลื่อยขาเก้าอี้ในพรรค อึ้ง! เนวินต่อสายกลางวงประชุม พปชร.สอบถามเรื่องลงคะแนน “หัวหน้าพรรคเพื่อไทย” เล่นบทดุ ออกหนังสือย้ำใครสวมบทงูเห่าไม่เอาไว้ มาแต่ไก่โห่มีชื่อ “นายกฯ” สำหรับเลือกตั้งครั้งหน้าแล้ว
เมื่อวันจันทร์ที่ 30 ส.ค. ที่ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งเลื่อนมาเร็วขึ้นเนื่องจากจะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ระหว่างวันที่ 31 ส.ค.-3 ก.ย. และลงมติวันที่ 4 ก.ย. 
    ทั้งนี้ การประชุม ครม.ใช้เวลาเพียง 2.30 ชั่วโมง โดยมีรายงานข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้เน้นย้ำในที่ประชุมให้ทุกคนติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้น และให้ชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบ 
"ตอบกันให้ดีๆ ด้วยข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ช่วยกันในการที่จะทำให้รัฐบาลมีความมั่นคง ช่วยๆ กัน ถึงเวลาโหวตช่วยดูกันให้ดี ขอให้ ครม.รักกันและสามัคคีเชื่อใจกัน" รายงานระบุคำกล่าวของนายกฯ ที่พูดใน ครม.
    นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงหลังประชุม ครม.กล่าวในเรื่องนี้ว่า นายกฯ มีความพร้อมและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมข้อมูลให้พร้อมสำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยนายกฯ พร้อมชี้แจงด้วยข้อเท็จจริงและเจตนาที่บริสุทธิ์ เพราะการทำงานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาโควิด-19 ก็ดำเนินการตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอ รวมทั้งมีการหารือกับทุกฝ่าย และดูแบบอย่างจากความสำเร็จของต่างประเทศด้วย ดังนั้นทุกอย่างเป็นไปตามข้อเท็จจริง 
“เรื่องเสียงการโหวตลงคะแนนในสภา  จะเป็นตัวชี้วัดความมั่นคงในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น การโหวตในสภาก็ให้เป็นไปตามกลไกรัฐสภา จึงไม่น่าห่วงอะไร” นายธนกรกล่าว
    ด้านนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกระแสพรรคเล็กไม่พอใจเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ รู้สึกเหมือนโดนลอยแพ ว่าพรรคร่วมรัฐบาลต้องยืนหยัดมั่นคง เราพูดคุยกับทุกพรรคและรักทุกคนอยู่แล้ว ส่วนที่มีข่าวว่าอาจโหวตสวนมตินั้น ยังไม่ถึงวันเวลาลงมติ ถือเป็นเรื่องปกติที่มีข่าวเช่นนั้น เมื่อเห็นคะแนนก็เหมือนเดิม ส่วนกระแสข่าวพรรค พปชร.อยากให้ปรับเปลี่ยน ครม.นั้น ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ ให้ผ่านการอภิปรายไปก่อน เป็นเพียงข่าวการวิเคราะห์การเมือง 
“ช่วงนี้ไม่อยากให้เสนอข่าวที่ออกนอกกรอบ เราต้องดูแลลากกันจนถึงฝั่ง จนถึงวันที่ 4 ก.ย. ที่มีการลงมติ ยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังรักกันมั่นคงเหนียวแน่น” นายวิรัชกล่าว
ญัตติถ่อยที่สุดในประวัติศาสตร์
    ส่วนนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะทำงานเตรียมความพร้อมสนับสนุนผู้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าคณะทำงานชุดนี้แสดงให้เห็นถึงความมีเอกภาพ เสถียรภาพของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งไม่ได้แตกแยก เพราะเป็นการทำงานร่วมกันของผู้ช่วยรัฐมนตรีทุกท่านทั้งที่ถูกและไม่ถูกอภิปราย ซึ่งเราได้สรุปทิศทางในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ซึ่งญัตติครั้งนี้เขียนด้วยถ้อยคำที่หยาบคายต่ำถ่อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ใช้ภาษาสำนวนในลักษณะที่ไม่เคยใช้มาก่อน และไม่เล่นในกติกา เพราะเป็นขบวนการจิกซอว์จับมือกันของคนในสภาและกลุ่มนอกสภา ซึ่งเป็นเกมการเมือง เพราะเมื่อพรรคเพื่อไทย (พท.) ยื่นญัตติแล้วแทนที่จะปล่อยให้เป็นไปตามกติกาในสภา แต่พรรคเพื่อไทยกลับเล่นนอกกติกาด้วยการเปิดแคมเปญให้ประชาชนร่วมลงชื่อในเว็บไซต์ไล่นายกฯ  อยากถามว่าแบบนี้เป็นการเล่นนอกกติกาประชาธิปไตยหรือไม่
        “สมมติพวกผมจัดแคมเปญเชียร์ลุงตู่ให้อยู่ยาว เพราะมีประชาชนโทร
.เข้ามาเยอะให้เปิดแคมเปญบ้าง เพื่อดูว่าใครจะได้รับการสนับสนุนมากกว่า แต่เราก็ไม่ทำ เพราะไม่ใช่กติกาประชาธิปไตย และไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งในสังคม วันนี้มีเครือข่ายโยงใยจับมือกันทั้งคนในสภากับคนนอกสภา ทั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรัฐมนตรีและอดีต ส.ส.เพื่อไทย คนของพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล จับมือกันผสมโรงเป็นขนมจีนผสมน้ำยา ใช้ทุกวิถีทางเพื่อต้องการล้มรัฐบาล โดยไม่ยึดมั่นในระบบรัฐสภา รวมถึงคนแดนไกลอย่างนายโทนี และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็ออกมาเคลื่อนไหวปลุกระดมให้ร้ายรัฐบาลตลอดเวลา เรื่องเหล่านี้เราอ่านเกมออก” นายเสกสกล กล่าว
      นายเสกสกลย้ำว่า ญัตติที่เขียนมีเจตนาด้อยค่า ใส่ร้ายป้ายสีแล้ว ญัตติยังไม่แสดงข้อมูลหลักฐานอะไร เป็นการเขียนแบบน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง การอภิปรายน้ำลายท่วมสภาเหมือนเดิม หลังจากนั้นก็จะตีกินแถลงข่าวใส่ร้าย ไม่มีหลักฐานอะไรใหม่ เป็นการกล่าวหาแบบเดิมๆ ซึ่งคณะทำงานของเราจะทำหน้าที่มอนิเตอร์การอภิปรายของฝ่ายค้าน ไม่ให้ทำอะไรเสมือนหนึ่งเป็นการใส่ร้ายป้ายสีนายกฯ และถ้าใส่ร้ายบิดเบือนกลั่นแกล้งกัน หรือโพสต์ข้อความอันเป็นเท็จในโซเชียลมีเดีย ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย 
ยัน 3 ป.ยังเหนียวแน่น
ขณะเดียวกัน ที่ทำการพรรค พปชร. มีการประชุมเตรียมความพร้อมศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง และรองหัวหน้าพรรค พปชร.ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า มั่นใจรัฐมนตรีทุกคนตอบได้ ปัญหาโควิดเป็นทั่วโลก และรัฐบาลทำงานเยอะมาก พล.อ.ประยุทธ์ก็เหนื่อยมาก ต้องให้กำลังใจนายกฯ ส่วนกระแสข่าวมีการจับขั้วอำนาจใหม่เลื่อยขาเก้าอี้นายกฯ นั้น ยืนยันว่าไม่มี ไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนจะมีการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลหลังการอภิปรายหรือไม่ เป็นอำนาจนายกฯ พูดไม่ได้ แต่คิดว่าต้องมั่นใจในตัวนายกฯ และยังมั่นใจในเสถียรภาพพรรคร่วมรัฐบาล พรรคไม่เคยมีการพูดคุยกันเรื่องนี้  
    เมื่อถามว่า แสดงว่า 3 ป.ยังรักกันดีใช่หรือไม่ นายสันติตอบทันทีว่า “โอ๊ยเขารักกัน ทั้ง 3 คนเราก็รู้ว่าทำเพื่อบ้านเมืองประเทศชาติเป็นหลัก ไม่สน ไม่ได้คิดถึงตัวเองด้วยซ้ำ เอาเป็นว่าอยากให้รัฐบาลแข็งแรง” 
    จากนั้นในเวลา 15.00 น. นายวิรัชแจ้งในห้องประชุมว่า มีองครักษ์พิทักษ์นายกฯ ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคอ่านข้อบังคับพรรคเรื่องการโหวตและย้ำว่า ส.ส.มีเอกสิทธิ์ แต่ต้องดำรงไว้ซึ่งฐานะสมาชิกพรรค โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 30 นาที   
    หลังจากประชุมเสร็จสิ้น นายวิรัชกล่าวว่า ในที่ประชุมมีการกำชับเฉพาะในส่วนของผู้ดูแลระหว่างการอภิปราย เตรียมไว้ประมาณ 20 คน ส่วนของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) 10-15 คน พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มีประมาณ 10 คน และยังมีหลายพรรคที่ต้องร่วมด้วย ส่วนท่าทีการโหวตน่าจะเป็นในทิศทางเดียวกัน พูดได้เท่านี้ แต่การอภิปรายของฝ่ายค้านเราก็ต้องฟังข้อมูล แล้วนำมาวินิจฉัยพิจารณากัน แต่ถึงอย่างไรจะไปในทิศทางเดียวกัน ถึงอย่างไรก็ต้องดูแลพรรคร่วมรัฐบาล 
    เมื่อถามว่า ได้มีการกำชับในเรื่องผลโหวตและมีบทลงโทษอะไรหรือไม่ในกรณีแหกมติพรรค นายวิรัชกล่าวว่า “มันจะไปพูดอย่างนั้นในนาทีนี้ไม่ได้หรอก เพราะการจะไปกำหนดหรือคาดโทษอะไร เราก็ค่อยๆ คุย ค่อยๆ พูดกันดีกว่า ผมว่าทุกครั้งที่ผ่านมาก็ถือว่าดีแล้ว ดีมาก และดีที่สุด มี 3 ตัวเลือกเท่านั้นแหละ”  
    เมื่อถามว่ายืนยันจะควบคุมสถานการณ์ได้ใช่หรือไม่ นายวิรัชกล่าวว่า สถานการณ์ไม่น่าจะมีอะไรหรอก แต่ข่าวที่ออกมาบางครั้งทำให้ตื่นเต้นหวือหวา ก็เหมือนหนังไตเติล โหมโรง ก็ว่ากันไป และเมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคกำชับอะไรมาหรือไม่ นายวิรัชตอบว่า พล.อ.ประวิตรก็จะไปอยู่ประจำที่รัฐสภาทุกวัน ไปให้กำลังใจนายกฯ  
    สำหรับขุนพลพิทักษ์นายกฯ ในครั้งนี้ อาทิ นายไพบูลย์, นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม., นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช, นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช, นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ และนายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ เป็นต้น
สั่งโหวตทิศทางเดียวกัน
    มีรายงานว่า หลังประชุม ส.ส.พรรค พปชร.เสร็จสิ้น แกนนำพรรค​ รัฐมนตรี ส.ส. และสมาชิกพรรค บางส่วน ประมาณ 30-40 คน ได้เดินทางออกจากพรรค เพื่อเข้าพบ พล.อ.ประวิตรที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ทันที โดยเมื่อแกนนำและ ส.ส.เดินทางไปถึง พบว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรค พปชร., นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน, น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ. และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลฯ ต่างรออยู่ที่นั่นแล้ว โดย พล.อ.ประวิตรได้เรียกรัฐมนตรีของพรรคเข้าไปคุยประมาณ 20 นาที จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้ออกมาประชุม ส.ส.ต่อ โดยก่อนการประชุมได้เก็บโทรศัพท์ทุกคน
มีรายงานว่า ส.ส.หลายคนได้ระบายความรู้สึกให้ พล.อ.ประวิตรฟังว่า น้อยใจ พล.อ.ประยุทธ์ที่ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับ ส.ส. ทำให้ พล.อ.ประวิตรอธิบายกับ ส.ส.ว่า นายกฯ เหนื่อยมาก นายกฯ ตั้งใจทำงานเพื่อส่วนรวม ส่วนที่ไม่มีเวลามาดูแล ส.ส.ก็อย่าน้อยใจไปเลยว่าไม่ดูแล เพราะท่านทำงานเหนื่อย แต่รับฟังตลอด ก็ขอให้สนับสนุนนายกฯ และรัฐมนตรีของพรรคทุกคนที่ตั้งใจทำงาน จึงขอให้โหวตไปในทิศทางเดียวกัน เท่ากันทุกพรรค 
พล.อ.ประวิตรยังได้ถามกลางที่ประชุมถึงกระแสข่าวกดดันนายกฯ เพื่อเปลี่ยนขั้วทางการเมือง ว่าอยากรู้ว่าเขาเอาข่าวมาจากไหน ใครไปให้ข่าว เพราะทางนี้ก็ปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งบอกว่านายกฯ รู้เรื่องที่มีข่าวว่าพวกเราจะไม่เอานายกฯ ด้วย เพราะนายกฯ ได้ไลน์มาหาด้วยตัวเอง ทั้งนี้เมื่อ พล.อ.ประวิตรพูดถึงเรื่องนี้ ทำให้แกนนำที่ปรากฏในข่าวว่าเคลื่อนไหวกดดันนายกฯ คือ ร.อ.ธรรมนัสและนายวิรัชต่างประสานเสียงชี้แจงไปในทางเดียวกันว่า ไม่มีอะไร ไม่มีการเปลี่ยนขั้วใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมทั้งยังสนับสนุนการทำงาน
นอกจากนี้ ในที่ประชุม พล.อ.ประวิตร ยังกำชับกับรัฐมนตรีห้ามไปแจกกล้วยให้พรรคเล็ก เพื่อคว่ำนายกฯ หรือ 2 รัฐมนตรีพรรค ภท. โดยย้ำให้โหวตในทิศทางเดียวกันทั้งหมด ซึ่งระหว่าง พล.อ.ประวิตรพูดถึงเรื่องนี้ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรค ภท. ได้โทรศัพท์มาพูดคุยและสอบถามถึงข่าวลือการโหวตต่างๆ โดย พล.อ.ประวิตรยืนยันว่า ไม่มีๆ และทั้งสองคนได้ใช้เวลาพูดคุยกันประมาณ 2 นาที 
ด้าน น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. ในฐานะโฆษกพรรค พปชร. แถลงว่า วันนี้ พล.อ.ประวิตรได้พบปะกับ ส.ส.พรรค รวมทั้งได้หารือในเรื่องของญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งพรรคมีความเห็นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และยืนยันความสัมพันธ์ภายในพรรค รวมถึงระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลยังคงเหนียวแน่น เป็นปึกแผ่น พร้อมที่จะทำงานร่วมกันต่อไป และพรรคยังได้มอบหมายให้ ส.ส.ของพรรคบางส่วนได้ช่วยกันสนับสนุนผลงานของรัฐบาลระหว่างญัตติดังกล่าว นำโดย นายไพบูลย์, นายสิระ, น.ส.พัชรินทร์, นายอรรถกร ศิริลัทธิยากร, นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา​, นายรงค์ บุญสวยขวัญ,​ นายสายัณห์ ยุติธรรม,​ นายนิโรธ สุนทรเลขา, นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง, นายศิริพงษ์ รัศมี,​ นายกรุงศรีวิไล,​ นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์,​ นายพรชัย อินทร์สุข และพ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา เป็นต้น
พท.ขู่ขับงูเห่าพ้นพรรค
    สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยนั้น นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา ในฐานะเลขาธิการพรรค พท. ได้เป็นตัวแทนพรรคอ่านหนังสือของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ หัวหน้าพรรค พท. และผู้นำฝ่ายค้านในสภา เรื่อง ขอให้ ส.ส.พรรคปฏิบัติตามมติของพรรคในการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามที่ได้ยื่นญัตติไป และหาก ส.ส.พรรคฝ่าฝืนไม่มาประชุมเพื่อลงมติหรือลงมติที่ผิดไปจากนโยบายของพรรค ถือว่าสมาชิกผู้นั้นกระทำการอันเป็นการผิดวินัยและจริยธรรมของการเป็นสมาชิกพรรคอย่างร้ายแรง ซึ่งมีโทษถึงขั้นให้พ้นจากสมาชิก โดยพรรคจะดำเนินการตามข้อบังคับพรรคอย่างเด็ดขาดต่อไป 
    นายประเสริฐกล่าวอีกว่า พรรคมีมติว่า ส.ส.พรรคต้องลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไปในแนวทางเดียวกันคือ ไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้ง 6 คน หากท่านใดไม่โหวตตามมติพรรคจะดำเนินการตามข้อบังคับพรรค และการลงมติครั้งนี้ ส.ส.ห้ามป่วย ห้ามลา และห้ามขาดการประชุม เพราะพรรคหวังให้การอภิปรายครั้งนี้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยได้เปิดยุทธการ หยุดยุทธ์ หยุดโอหัง คลั่งอำนาจ หยุดความพินาศของประเทศ
    นายสุทิน คลังแสง  ส.ส.มหาสารคาม ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า พรรคฝ่ายค้านมีผู้อภิปรายทั้งหมดประมาณ 34 คน แบ่งเป็น ผู้อภิปรายจาก พท., ก.ก. 6 คน, เสรีรวมไทย 3 คน, ประชาชาติ 2 คน, เพื่อชาติ 1 คน และพลังปวงชนไทย 1 คน รวมทั้งอาจเพิ่มนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ และนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ที่อาจร่วมอภิปรายด้วย โดยเวลาประมาณ 40 ชั่วโมงจะใช้อภิปรายนายกฯ และนายอนุทินประมาณ 33 ชั่วโมง ส่วนรัฐมนตรีอีก 4 คน คนละ ชั่วโมงเศษ 
    นายประเสริฐย้ำว่า เชื่อว่าหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนายกฯ และรัฐมนตรี โดยการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคมีแคนดิเดตเรียบร้อยแล้ว หากเปิดชื่อออกมา เชื่อว่าจะเป็นที่ถูกใจ พอใจคนทั้งประเทศ แต่ยังบอกชื่อไม่ได้ แต่ตอนนี้พรรคมีความพร้อมเรื่องดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว 
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรค พท. ในฐานะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพอากาศ 3 โครงการ มูลค่าเกือบ 3,000 ล้านบาท ว่าจะนำเรื่องนี้ไปอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ด้วย เพราะในฐานะ รมว.กลาโหม คงไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ และไม่กลัวว่าจะเป็นเรื่องข้อสอบรั่วด้วย
    นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรค พท. กล่าวว่า จะอภิปรายในส่วนความไม่โปร่งใสในโครงการจัดซื้อเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ของกองทัพเรือ มูลค่า 6.2 พันล้านบาท 
    นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรค ก.ก. กล่าวถึงชื่อนายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. เป็นองครักษ์พิทักษ์ 2 รัฐมนตรี ภท.ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าไม่ได้รู้สึกแปลกใจ เพราะถือเป็นบุคคลคนนี้ได้ทรยศต่อคะแนนเสียงของพี่น้องประชาชนที่เลือกพรรคอนาคตใหม่เข้ามา การกระทำเช่นนี้ไม่สง่างาม เหมือนคนหน้าไหว้หลังหลอก เป็นเพียงลิ่วล้อที่หวังได้ประโยชน์จากการทรยศเสียงของประชาชนเท่านั้น
    วันเดียวกัน ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้นัดอ่านคำสั่งชั้นตรวจฟ้องในคดีหมายเลขดำที่ 117/2564 ที่ น.ส.สุกัญญา วงศ์ศรีแสงสุอุทัย กับพวกรวม 8 คน ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ มาตรา 165 จากกรณีปล่อยปละละเลยเเละบริหารผิดพลาดจนเกิดการแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิดถึง 4 ระลอก รวมทั้งบริหารจัดการวัคซีนผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง โดยคดีนี้พรรคไทยสร้างไทยได้จัดแคมเปญนี้ขึ้นโดยมีการรวบรวมรายชื่อประชนกว่า 7 แสนชื่อ ซึ่งศาลให้ส่งสำนวนนี้ให้ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีอยู่ในเขตอำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบหรือไม่ และรอการพิจารณาคดีไว้ชั่วคราวก่อนจนกว่าประธานศาลอุทธรณ์จะได้มีคำวินิจฉัยให้นัดพร้อมเพื่อรอฟังผลหรือฟังคำสั่งของประธานศาลอุทธรณ์ในวันที่ 15 พ.ย. เวลา 09.00 น..


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"