ปรับครม.แลกโหวต หึ่ง!ก๊วนพปชร.เขย่าบิ๊กตู่/ฝ่ายค้านโอ่หมัดน็อกควํ่าเรือแป๊ะ


เพิ่มเพื่อน    

รัฐบาล VS ฝ่ายค้าน พร้อมรบศึกซักฟอก พลังประชารัฐป่วน  สะพัดคนกันเองวางแผนแทงข้างหลัง รมต.พรรคเดียวกัน! ลือหนักยืมมือพรรคเล็กกดดันปรับ ครม. "บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม" หารือเครียด หลังมีข่าวกลุ่มธรรมนัสเคลื่อนไหวหนัก ฝ่ายค้านโวมีหมัดน็อกนายกฯ-5 รมต.กลางสภา  
    เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวศึกซักฟอก  การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ซึ่งพลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ถูกยื่นซักฟอกพร้อมกับรัฐมนตรีอีก 5 คนที่จะมีขึ้นตลอดสัปดาห์นี้ โดยจะเริ่มต้นตั้งแต่วันอังคารที่ 31 สิงหาคม และลงมติในวันที่ 4 กันยายน ซึ่งพบว่ามีความเคลื่อนไหวอย่างคึกคักทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน 
    โดยในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ พรรคแกนนำรัฐบาล นายอรรถกร ศิริลัทยากร ส.ส.พลังประชารัฐและวิปรัฐบาล เปิดเผยว่า วิปรัฐบาลได้นัดประชุมวันที่ 30 สิงหาคม เวลา 11.00 น.เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการอภิปราย ซึ่งจะมีการให้แต่ละพรรครับผิดชอบต่อการชี้แจง หรือช่วยรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายของแต่ละพรรค ขณะที่ส่วนของ  พล.อ.ประยุทธ์เป็นไปโดยอัตโนมัติที่ ส.ส.จะมีสิทธิ์ลุกประท้วงประเด็นที่ผู้อภิปรายทำผิดข้อบังคับการประชุมสภา ซึ่งพรรคพลังประชารัฐไม่มีความกังวล
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ที่น่าสนใจก็คือ  การลงมติไว้วางใจ-ไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ซึ่งรัฐมนตรีที่ถูกยื่นซักฟอกจะต้องได้เสียงไว้วางใจเกินกึ่งหนึ่งของ ส.ส.ในสภาที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ถึงจะได้เป็นรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งล่าสุดตัวเลข ส.ส.ทั้งสภาอยู่ที่ประมาณ 482 คน  โดยเป็น ส.ส.รัฐบาลประมาณ 270 เสียง ไม่นับรวมกับพวก ส.ส.งูเห่าและ ส.ส.ฝากเลี้ยงในพรรคฝ่ายค้าน เช่น พรรคก้าวไกล, พรรคเพื่อไทย,  พรรคประชาชาติ อีกประมาณ 7-8 เสียง เพราะขณะนี้เกิดกระแสข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองในพลังประชารัฐบางกลุ่ม ที่ต้องการให้ผลการออกเสียงลงมติมีผลทางการเมืองนำไปสู่การปรับคณะรัฐมนตรีหลังศึกซักฟอก บนกระแสข่าวว่าเป็นความพยายามต้องการให้มีการปรับ ครม.เพื่อรองรับการขึ้นมาเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หลังขณะนี้อายุของสภาและของรัฐบาลเหลืออีกแค่ปีกว่าเท่านั้น ทำให้เริ่มมีการจับตามองทางการเมืองกันว่า การลงมติครั้งนี้จะมีการเคลื่อนไหวอะไรเกิดขึ้นก่อนการลงมติหรือไม่ 
พปชร.หึ่งมีแทงหลัง 2 รมต. 
    โดยมีรายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐแจ้งว่า หลังจากเมื่อวันเสาร์ที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งแกนนำพรรคแต่ละกลุ่มได้สลับกันเข้าพบ  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร. เพื่อหารือถึงการเตรียมรับมือศึกซักฟอกก่อนที่พรรค พปชร.จะมีการประชุม ส.ส.เพื่อเตรียมความพร้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจในเวลา 15.00 น. วันที่ 30 ส.ค.นี้ที่ทำการพรรค 
    มีรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า ต้องจับตามติพรรคจะออกมาทิศทางใด เช่น พรรคจะมีมติให้ ส.ส.ทุกคนต้องโหวตไว้วางใจ ออกมาเลยหรือไม่ หรือว่าจะรอจนถึงช่วงค่ำของการอภิปรายวันสุดท้ายหรือตอนเช้าวันลงมติ โดยมีรายงานว่า การประชุมพรรคครั้งนี้จะมี รัฐมนตรีของพรรค พปชร. 2 คนที่ถูกซักฟอก คือ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เข้าร่วมประชุมด้วย โดยมีรายงานข่าวว่าการเข้าพบ  พล.อ.ประวิตรของแกนนำพรรคบางคนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวว่า มีความพยายามกดดัน พล.อ.ประยุทธ์เพื่อให้ปรับคณะรัฐมนตรี โดยพุ่งเป้าไปที่รัฐมนตรีของพรรค 3  คน โดย 2 ใน 3 เป็นรัฐมนตรีที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งยังไม่ถึงครึ่งปี คือ นายชัยวุฒิและ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ/ส.ส.สระแก้ว รวมถึงนายสุชาติที่ถูกยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน 
    รายงานข่าวแจ้งว่า การสร้างแรงกดดันให้มีการปรับ ครม.ครั้งนี้นำโดย ร.อ.ธรรมนัส เลขาธิการพรรค พปชร. ที่อยู่ในกลุ่ม "4 ช." หรือกลุ่ม 4 รัฐมนตรีช่วยว่าการของพลังประชารัฐ รวมถึงนายวิรัช รัตนเศรษฐ  ประธานวิปรัฐบาล บิดานายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม เนื่องจากมองว่าที่ผ่านมาทั้งนายชัยวุฒิและ น.ส.ตรีนุช เมื่อได้ตำแหน่งไปแล้วกลับห่างเหิน ไม่สนองนโยบายพรรค และไม่ได้ดูแล ส.ส.เท่าที่ควร  นอกจากนี้ยังเห็นว่า รัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลไม่ตอบสนองเสียงสะท้อนปัญหาของ ส.ส.ในพื้นที่ โดยเฉพาะภารกิจที่มีความใกล้ชิดกับประชาชน โดยมีกระแสข่าวว่า การกดดันครั้งนี้จะใช้วิธีทำให้รัฐมนตรีที่อยู่ในข่ายได้รับเสียงไว้วางใจคะแนนน้อยที่สุด เพื่อใช้เป็นข้ออ้างและสร้างกระแสให้มีการปรับ ครม. โดยมีตัวแปรคือบรรดาพรรคการเมืองขนาดเล็กที่มี ส.ส. 1-5 เสียงในปีกพรรครัฐบาล เพราะมองว่าหากการเคลื่อนไหวทำได้สำเร็จจะนำไปสู่การปรับ ครม.ได้ จะทำให้มีเก้าอี้ว่าง 3  ตำแหน่ง คือ รมว.แรงงาน, รมว.ศึกษาธิการ และ รมว.ดิจิทัลฯ และจะทำให้รัฐมนตรีในกลุ่ม 4 ช.มีโอกาสขยับตำแหน่งสูงขึ้น หลังจากการปรับ ครม.ครั้งที่แล้วเคยมีความพยายามผลักดันให้ ร.อ.ธรรมนัสไปเป็น รมว.แรงงาน แทนนายสุชาติ ชมกลิ่น ให้นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน ไปเป็น รมว.ศึกษาธิการ และให้นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ไปเป็น รมว.ดิจิทัลฯ แต่ไม่สำเร็จ และในครั้งนี้ยังมีความพยายามจะใช้สูตรดังกล่าวอีกครั้ง โดยเฉพาะ ร.อ.ธรรมนัสที่ปัจจุบันเป็นเลขาธิการพรรค พปชร. จึงต้องการขยับขึ้นไปนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการในกระทรวงที่ใช้เป็นกลไกในการสร้างฐานเสียงได้
    มีรายงานจากพรรค พปชร.อีกว่า คนที่รับผิดชอบดูแลเรื่องเสียงโหวตไว้วางใจในสภายังเป็น ร.อ.ธรรมนัสและนายวิรัช เหมือนกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่แล้ว โดยมีรายงานว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา  ร.อ.ธรรมนัสได้เดินสายคุยกับบรรดาพรรคการเมืองขนาดเล็กเรื่องการยกมือโหวตให้รัฐมนตรีแต่ละคน ซึ่งพรรคเล็กมีความพยายายามต่อรองหนักมากกว่าทุกครั้ง เพราะมีความไม่พอใจจากกรณีที่พรรค พปชร.ไปสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องบัตรเลือกตั้งสองใบ ที่บรรดาพรรคเล็กมองว่าเป็นการทอดทิ้งและเอื้อประโยชน์ให้พรรค พปชร.เอง จนทำให้พรรคขนาดเล็กมีโอกาสสูญพันธุ์ในการเลือกตั้งถ้าใช้บัตรสองใบ 
    อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าก่อนหน้านี้ 2-3 วัน พล.อ.ประยุทธ์ได้ร่วมหารือกับ พล.อ.ประวิตรเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง คาดเป็นการหารือถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
    ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยผุดแคมเปญเชิญชวนประชาชนร่วมลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่ควรกระทำและไม่เหมาะสม เป็นการเล่นเกมนอกสภาเพื่อกดดันรัฐบาลต่อ  และการลงชื่อทางไลน์นั้นสามารถปั่นตัวเลขให้สูงได้ตามใจชอบ เพราะไม่มีระบบยืนยันตัวตนที่เพียงพอ โดยในสมัยที่ตนเป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทำโครงการชิมช้อปใช้นั้น ก็ยังพบว่ามีรายชื่อผีโผล่มา พรรคเพื่อไทยก็อาจจะนำตัวเลขสูงๆ มาโจมตีรัฐบาลเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตัวเองได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควร ควรใช้สภาในการตรวจสอบจะดีกว่า โดยก็มีประชาชนจำนวนมากโทรศัพท์มาหา  บอกว่าอยากจะขอเปิดแคมเปญสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ให้อยู่ยาว ทำงานให้ประเทศชาติและประชาชนต่อไป แต่ได้ขอร้องไว้เพราะไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในสังคมท่ามกลางวิกฤติโควิด ยืนยันได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์พร้อมที่จะชี้แจงในทุกเรื่อง โดยรัฐบาลจะใช้เวทีสภาทำความเข้าใจกับประชาชน
งูเห่าสีส้ม-ร่วมวงองครักษ์ ภท.
    ขณะที่ความเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่มี 2 แกนนำคนสำคัญของพรรค คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรค และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรค ถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ 
    โดยมีรายงานว่า พรรคภูมิใจไทยได้ตั้งทีมองครักษ์เพื่อรับมือในศึกครั้งนี้จำนวน 12 คน นำทีมโดยนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ  โดยพบว่าหนึ่งในทีมองครักษ์มีชื่อนายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อดีตทนายเสื้อแดง ที่เป็น 1 ใน 4 ส.ส.งูเห่าพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่ามาอยู่กับภูมิใจไทยนานร่วมปีแล้ว 
    ด้านพรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า พรรคได้นัดประชุม ส.ส.วันที่ 31 ส.ค. เวลา 08.30 น. ก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเริ่มในเวลา 09.30 น. เพื่อสรุปการเตรียมความพร้อมของพรรคก่อนการอภิปรายจะเริ่มขึ้น 
    ขณะที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์/เลขาธิการพรรค ปชป.ที่ถูกยื่นซักฟอก กล่าวว่า พร้อมชี้แจงทุกประเด็น ทั้งเรื่องการบริหารราชการและประเด็นการทุจริตประพฤติมิชอบ 
    ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายค้านในวันเดียวกันนี้ ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย  กล่าวถึงการอภิปรายครั้งนี้ว่า มั่นใจจะน็อกรัฐบาลได้ ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ ผอ.ศบค.บริหารงานผิดพลาด  เป็นเหตุให้โควิดระบาดจนเกินควบคุม ขอยกตัวอย่างเพิ่ม มีข้าราชการระดับสูงคนหนึ่งในกรมอุตุนิยมวิทยา ถือแก้วสาเก มีหญิงสาวนั่งข้างๆ  หน้ากากอนามัยไม่ใส่ มีภาพนั่งดื่มไวน์ มีแก้วไวน์ จากนั้นวันที่ 12 เม.ย. 64 ข้าราชการคนนี้ติดโควิด วันที่ 16 เม.ย.มานั่งเซ็นเอกสารสั่งราชการ  ตามมาตรการต้องเข้ารับการรักษาเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด คนที่เซ็นชื่อบนคำสั่งดังกล่าวคือ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี เรื่องนี้มีโทษตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ ใครจงใจปกปิดหรือแจ้งข้อมูลเท็จจะมีความผิด เรื่องนี้เคยร้องไปจนถึงวันนี้ก็ยังเงียบ นางอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระบุว่า คำร้องที่ร้องให้ตรวจสอบนั้นมีมูลและเข้าข่ายผิดวินัย จึงตั้งกรรมการสอบสวน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ดำเนินการใดๆ
ปั่นกระแสมีหมัดน็อกบิ๊กตู่ 
    “ทราบว่าเหตุที่ไม่ดำเนินการ เพราะข้าราชการคนนั้นมีผู้ใหญ่หนุนหลัง ชื่อเสธ.อ พล.อ.ประยุทธ์เกรงใจ ผมได้อภิปรายงบประมาณปี 2565  กรมอุตุนิยมวิทยาตั้งสำนักเถื่อน คือสำนักงานอธิบดี หลังการอภิปราย อธิบดีกรมอุตุวิทยามีคำสั่งวันที่ 20 ส.ค.64 ยกเลิกการตั้งสำนักงาน ถ้าไม่ผิดจะรีบยกเลิกคำสั่งดังกล่าวทำไม เรื่องนี้ รมว.ดีอีเอสเตรียมตอบคำถามได้เลย” นายยุทธพงศ์กล่าว
    นายยุทธพงศ์กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจกระทรวงกลาโหมคือ การปรับเปลี่ยนงบประมาณปี 2564 มูลค่า 921 ล้านบาท ของหน่วยงานจากการจัดซื้อรถใหม่ แต่สุดท้ายเอางบไปแปรเป็นงบซ่อมรถที่หมดสภาพ ถือเป็นการไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.งบประมาณ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ท้วงติงและระบุว่าไม่คุ้มค่า แต่ขณะนี้ ผอ.สำนักงบฯ เซ็นเรื่องนี้เข้า ครม.เพื่ออนุมัติแล้ว ทราบมาว่ากระทรวงการคลังเสนอให้ ครม.พิจารณาวันที่ 30 ส.ค. และในวันที่ 30 ส.ค.จะรีบไปยื่นเรื่องต่อ ครม. และ พล.อ.ประยุทธ์เพื่อเบรกไม่ให้พิจารณาเรื่องนี้ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันจะเอาเข้า ครม.ก็เอาเข้าไปเลย แล้วเจอกันในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และหลังการอภิปรายก็เจอกันที่ ป.ป.ช. 
    "พรรคเพื่อไทยมีข้อมูลเด็ดในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีข้อมูลพร้อมล้มรัฐบาลได้ วันที่ 30 ส.ค.จะฉายหนังตัวอย่างประเด็นของเรือยกพลขึ้นบก เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อย มีข้อมูลของกองทัพเรือที่ส่อไม่โปร่งใส ทุจริต เป็นการเรียกน้ำจิ้มให้ประชาชนเห็นว่าการอภิปรายครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะอยู่ไม่ได้" นายยุทธพงศ์กล่าว
    ด้านนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวเช่นกันว่า พรรคก้าวไกลเตรียม ส.ส.ที่จะอภิปรายไว้หลายคน ซึ่งอาจจะมีความเป็นไปได้ว่าจะมีผู้อภิปรายมากกว่า 10 คน  อย่างไรก็ตามจะต้องรอดูจนกว่าจะใกล้ถึงวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ เนื่องจากยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ส่วนจำนวนรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายนั้น เราพยายามที่จะเก็บเป็นความลับ แต่ที่แน่นอนคือ พล.อ.ประยุทธ์และ นายอนุทินที่ทุกคนจองกฐิน
    "พรรคก้าวไกลจะอภิปรายรัฐมนตรีมากกว่า 2 คนแน่นอน สำหรับผมจะอภิปรายรัฐมนตรีคนใดนั้น ขอให้ติดตามแต่รับรองว่าเด็ดแน่นอน  ผมคิดว่าข้อมูลหลายอย่างชี้ชัดให้เห็นว่า คนในรัฐบาลตั้งแต่นายกรัฐมนตรีเป็นต้นมา น่าจะทำผิดกฎหมายหลายอย่างแน่นอน ซึ่งเราคิดว่าหากมีการดำเนินการอย่างจริงจังจะสามารถทำให้ทั้ง 2 คนใช้ชีวิตในคุกได้” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลระบุ
    เมื่อถามว่า จะสามารถโน้มน้าวให้พรรคร่วมรัฐบาลไม่ยกมือสนับสนุนได้หรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า หากไม่ดื้อรั้นเกินไป คิดว่าข้อมูลที่มีอยู่เพียงพอ ก่อนหน้านี้มั่นใจว่าข้อมูลเพียงพอที่จะโน้มน้าวได้ แต่รัฐบาลก็ไม่ได้สนใจที่จะรับฟัง หวังว่าครั้งนี้ยังมีหัวจิตหัวใจเหลืออยู่ หากฟังข้อมูลการมีอยู่ของรัฐบาลนี้ต่อไปเรื่อยๆ จะทำให้ปัญหายิ่งเลวร้าย  โดยหลังจากอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้นจะมีกระบวนการยื่นเรื่องสอบสวนหรือดำเนินคดีต่อไป.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"