29 ส.ค. 2564 นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง แสงเริ่มสว่าง จากปลายอุโมงค์โควิด กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศโดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวนทั้งสิ้น 1,141 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 25 - 28 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.7 ได้รับผลกระทบและทุกข์ยากลำบากถ้วนหน้าจากสถานการณ์วิกฤตโควิด นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.3 ระบุ ในช่วงเริ่มต้นโควิด-19 การสื่อสารมีปัญหา ไม่เป็นระบบ โทษกันไปมา เกิดปัญหาความตื่นตระหนก สับสนของประชาชน และร้อยละ 78.9 เริ่มเรียนรู้และมีความเข้าใจ ปรับตัวตามวิถีปกติใหม่อยู่ร่วมกับโควิด-19 ให้ได้มากขึ้น
ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.9 ต้องการให้รัฐบาลเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมจัดหา นำเข้าและกระจายวัคซีน ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.1 เห็นด้วยต้องขับเคลื่อนเปิดประเทศพื้นที่นำร่องด้านเศรษฐกิจท่องเที่ยว และร้อยละ 91.2 เชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิดได้ปริมาณที่มากพอภายในปลายปีนี้ นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 76.1 เห็นด้วยกับรัฐบาลในการเปิดโอกาสให้ทำกิจกรรมการค้า ธุรกิจฐานราก เช่น ร้านอาหารแบบนั่งทานได้ ร้านตัดผม เสริมสวย ร้านอาหารข้างถนนแบบนั่งทานได้ และอื่น ๆ ช่วยลดกระแสต่อต้านรัฐบาลและค่อย ๆ ฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากได้ ในขณะที่ร้อยละ 18.3 ระบุไม่แน่ใจ และร้อยละ 5.6 ไม่เห็นด้วย
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 66.9 ยังคงกังวลต่อ การกลับมาแพร่ระบาดของสายพันธุ์ใหม่ จากการรวมกลุ่มที่ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม เช่น ม็อบ ชุมนุมการเมือง บ่อนพนัน แหล่งมั่วสุม ปาร์ตี้ยาเสพติด เป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 21.3 ระบุปานกลาง และร้อยละ 11.8 ไม่กังวล ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 68.8 เริ่มมีความหวังจะก้าวต่อไปค่อนข้างมาก ถึง มากที่สุด ที่จะก้าวเดินต่อไป ในขณะที่ร้อยละ 21.3 ไม่แน่ใจ และร้อยละ 9.9 ระบุมีความหวังค่อนข้างน้อยถึงไม่มีเลย
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า โพลนี้สะท้อนให้เห็นว่า สถานการณ์วิกฤตโควิดที่ผ่านมา ประชาชนส่วนใหญ่ทุกหมู่เหล่าได้รับผลกระทบและยากลำบากกันถ้วนหน้า โดยเห็นร่วมกันถึงปัญหาความตื่นตระหนกจากภัยของโรคและการสื่อสารที่ไม่เป็นระบบ เป็นเหตุให้ต่างโทษกันไปมาในช่วงเริ่มต้น ขณะที่ส่วนใหญ่เห็นว่า ปัจจุบันเราเริ่มเรียนรู้ปรับตัวดำรงอยู่ร่วมกันต่อไปอย่างเป็นวิถีปกติใหม่มากขึ้น ทั้งยังมีความหวังร่วมกันที่จะกลับมาใช้ชีวิตปกติเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย
“ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มเห็นสัญญานทางบวก จากการที่รัฐบาลสามารถติดต่อนำเข้าวัคซีนได้ปริมาณมากขึ้นและเพียงพอ การเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมจัดหาและกระจายวัคซีน การจัดหาเครื่องมือและขยายขีดความสามารถในการตรวจเชิงรุกมากขึ้น ความสามารถในการกระจายวัคซีนเพื่อลดการติดต่อและความรุนแรงของโรค การจัดระเบียบดูแลผู้ป่วยทางบ้านและในชุมชนกันเองภายใต้การดูแลของสาธารณสุข รวมทั้งปริมาณผู้ติดเชื้อเริ่มลดลงและจำนวนผู้หายป่วยมากกว่าผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง นอกจากนี้ ส่วนใหญ่มีความหวังและพึงพอใจกับการที่รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายให้กิจการต่าง ๆ เดินหน้าได้ภายใต้มาตรการควบคุมโรค โดยเห็นถึงความพยายามขับเคลื่อนพื้นที่นำร่องด้านเศรษฐกิจท่องเที่ยว การยืนยันเดินหน้าแผนเปิดประเทศ และการดำรงความช่วยเหลือเยียวยาสังคมในทุกมิติอย่างต่อเนื่องของรัฐบาล” ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าว
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังมีความกังวลกับการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธ์ใหม่ที่ไม่สามารถควบคุม และการขาดความรับผิดชอบของบางกลุ่มที่อาจสร้างปัญหานำสู่การแพร่ระบาด ซึ่งความไม่ประมาท มีความรับผิดชอบในตนเองและสังคม การช่วยเหลือดูแลกันและกัน จะทำให้ประเทศสามารถกลับมาฟื้นตัวและทุกคนกลับมาใช้ชีวิตปกติได้โดยเร็ว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |