เห็นว่า...จันทร์นี้ (30 ส.ค.) ก็จะได้ฤกษ์ ได้เวลา รายการเทนนิส แกรนด์สแลม รายการสุดท้ายของปี คือ ยูเอส โอเพ่น หวนกลับมาให้ได้ดู ได้ชม กันอีกรอบ หลังจากที่ต้องโหวงๆ เหวงๆ อันเนื่องมาจากรายการมหกรรมโอลิมปิก ณ กรุงโตเกียว ต้องปิดฉาก ปิดผ้าม่านกั้ง ไปเมื่อไม่นานมานี้ คืออย่างน้อย...อาจพอได้ซี้ดๆ ซ้าดๆ กันมั่งเล็กๆ น้อยๆ แม้ว่าบรรดานักเทนนิสดังๆ ประเภทตำนาน ประเภทคลาสส่ง คลาสสิก ทั้งหลาย จะแทบไม่ได้เหลือติดปลายนวมต่อไปอีกแล้ว...
(2)
คือคงต้องยอมรับว่า...หลังๆ นี้ ความสนอก สนใจ ความ เมามันซ์ซ์ซ์ ที่เคยมีต่อกีฬาประเภทนี้ มันออกจะลดๆ ลงประมาณซัก 60-70 เปอร์เซ็นต์เห็นจะได้ ไม่ใช่แต่เพียงเฉพาะบรรดานักเทนนิสประเภทตำนง ตำนาน ประเภท เฟเดอเรอร์ ประเภท นาดาล ฯลฯ อะไรทำนองนั้น จะ ปลดระวาง หรือจะแก่ จะชรา ไปเป็นแถบๆ แต่อาจเป็นเพราะการแข่งขัน การไล่หวด ไล่ตีลูกสักหลาด ตามแบบฉบับของกีฬาเหล่านี้ มันออกจะมีมากเกินไปกว่า ความต้องการ หรือ อุปสงค์ มันชักจะล้นคอหอย เกินไปกว่า อุปทาน ซัพพลาย มากไปกว่า ดีมานด์ แบบชนิดแทบอ้วกแล้ว อ้วกเล่า คืออะไรมันจะตีแล้ว ตีเล่า หวดแล้ว หวดเล่า ตลอดทั่วทั้งปีไปได้ถึงปานนั้น...
(3)
ความรู้สึกในด้านความ เมามันซ์ซ์ซ์ หรือความน่าสนใจ...มันก็เลยมีอันต้องหดหายลงไปตามลำดับ และสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ต้องตีกันแล้ว ตีกันเล่า หวดกันแล้ว หวดกันเล่า ก็คงหนีไม่พ้นไปจากเหตุผลด้าน ธุรกิจ นั่นแหละสหาย!!! ที่ไม่เพียงแต่ทำให้กีฬาประเภทนี้ หรือกีฬาเทนนิส ออกจะเป็นอะไรที่จืดชืด จืดสนิท ไม่ก็กร่อย ก็เหม็นเขียว พอๆ กับ น้ำล้างหัวล้าน ยิ่งเข้าไปทุกที แต่อาจต้องเรียกว่า...กีฬาแทบทุกประเภทนั่นแหละ ถ้าหากเป็นอะไรที่น่าสนใจ น่าซู้ดๆ ซ้าดๆ ซี้ดๆ ซ้าดๆ ขึ้นมาแล้ว ย่อมหนีไม่พ้นที่จะต้องถูกแทรกแซง ครอบครอง ครอบงำ โดยกระแสความเป็นไปทางธุรกิจ จนเป็นอะไรที่หนีไม่พ้นต้องค่อยๆ จืดสนิทติดทนนาน ลงไปตามลำดับ...
(4)
แม้แต่กีฬายอดนิยมอันดับหนึ่ง...อย่างกีฬาฟุตบอล หลังๆ นี้ก็คงต้องสารภาพกันตรงๆ นั่นแหละว่า ไม่ว่าจะเป็นพรีเมียร์ลีก ลาลีกา บุนเดสลีกา ไปจนกัลโช เซเรีย อา ฯลฯ ต่างไม่ได้ก่อให้เกิดแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจ เกิดความสนอก สนใจ ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย เพราะมันออกจะเป็นอะไรที่ ธุรกิจ ซะเหลือเกิน ย้ายค่าย ย้ายโค้ช ย้ายนักเตะ กันในแต่ละปี แต่ละฤดูกาลจนแทบจำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร ไผเป็นไผ ชนิดอดที่จะงงง์ง์ง์ๆ ขึ้นมิไม่ได้ ว่าเหตุใดมันจึงยังก่อให้เกิดความรู้สึกแบบ สาวก ขึ้นมาในหมู่บรรดาแฟนๆ ผีแดง หงส์แดง ปืนใหญ่ ราชันชุดขาว ม้าลาย เสือเหลือง ฯลฯ กันจนได้ เพราะแม้แต่สโมรสรทั้งสโมสร มันยังหนีไม่พ้นต้องตกอยู่ในมือ แขก มือ รัสเซีย หรือมือ ไทยแลนด์แท้ๆ จนแทบไม่น่าต้องซู้ดๆ ซ้าดๆ อะไรต่อไปอีกแล้ว...
(5)
คือสิ่งที่เรียกว่า ธุรกิจ นั้น...ไม่ว่ามันจะมีนิยาม ความหมาย มีขอบเขตกว้างขวาง หรือคับแคบ เพียงใดก็ตามเถิด แต่ก็คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ ว่ามันมีส่วนอยู่ไม่น้อย ที่จะทำให้อะไรต่อมิอะไรซึ่งมันเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ออกอาการเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก ได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ ถ้าหากไม่คิดจะ ควบคุม หรือ บังคับ ให้มันพอได้เข้าร่อง เข้ารอย โดยเฉพาะความเละในด้านที่ออกจะเป็นสิ่งประณีตและละเอียดอ่อน เช่น ความรัก ความผูกพันห่วงใยกันในทางความรู้สึก ความภาคภูมิใจ เกียรติยศและศักดิ์ศรี ฯลฯ อะไรประมาณนั้น อาจด้วยเหตุเพราะ ธรรมชาติ ของสิ่งที่เรียกว่า ธุรกิจ มันมักมีความ หยาบ เจือปนและสอดแทรกอยู่ภายในตัวของมันเอง อย่างชนิดมิอาจปฏิเสธได้ เช่น ความอยากได้เงิน-ได้ทอง อยากได้อำนาจ ได้ผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ฯลฯ หรือแบบที่เรียกว่าบรรดา กิเลส ทั้งหลาย นั่นแล...
(6)
ดังนั้น...เมื่อมันเข้าไปเกี่ยวข้อง สอดแทรก หรือกระทั่งไป ครอบงำ อะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ แม้ว่าในบางแง่ บางด้าน มันอาจก่อให้เกิด ประโยชน์ กันเป็นจำนวนไม่น้อย เกิดแรงขับเคลื่อน แรงพุ่ง แรงทะยาน เกิดกระบวนการ พัฒนาการ ในแต่ละสิ่งแต่ละอย่าง จนกลายเป็นความก้าวหน้าก้าวไกล เป็นความเจริญความทันสมัย ของสิ่งนั้นๆ อย่างชนิดน่าตื่นตา ตื่นใจ เอามากๆ แต่ก็นั่นแหละ...ถ้าหากไม่ ควบคุม-บังคับ เอาไว้ให้ดี หรือให้พอเข้าร่อง-เข้ารอย โอกาสที่มันจะก่อให้เกิดอาการเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก เกิดความตกต่ำ เสื่อมโทรม ของสิ่งที่ละเอียดอ่อนและประณีตในแต่ละเรื่อง แต่ละด้าน ไม่ว่าจะแง่ความดี ความงาม ความรัก ความปรารถนาดี ความรู้สึกห่วงใยต่อผู้อื่น ไปจนคุณธรรม ศีลธรรม มโนธรรม ขันติธรรม ฯลฯ ย่อมเป็นไปได้เสมอๆ...
(7)
ด้วยเหตุนี้นี่เอง...การหาทาง ควบคุม และ บังคับ สิ่งเหล่านี้ ให้ก่อเกิดประโยชน์ต่อผู้อื่น ต่อส่วนรวม ต่อสังคม หรือต่อประเทศชาติบ้านเมือง ไม่ปล่อยให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็นตัวควบคุม และ บังคับ อะไรต่อมิอะไรต่างๆ กันไปแทนที่ จึงอาจถือเป็น สูตรสำเร็จ ไม่ว่าในแง่ของการเมือง-การปกครอง การเศรษฐกิจ การปกป้องดูแลสังคม หรือแม้แต่การ กีฬา ฯลฯ เอาเลยก็ว่าได้ หรือพูดง่ายๆ ว่า...จะปล่อยให้ ธุรกิจ ให้ ทุน หรือให้ ทุนนิยม มันเป็นไปแบบเสรีสุดๆ ตามความปรารถนาความต้องการของ กิเลส ต่างๆ คงไม่น่าจะเข้าท่ากันซักเท่าไหร่นัก เผลอๆ...อาจต้อง เผด็จการทุนนิยม หรือต้อง ทุนนิยมเผด็จการ เอาเลยโน่นแหละ มันถึงจะพอปกป้อง คุ้มครอง หรือกระทั่งฟื้นฟู บูรณะ สิ่งที่มีความประณีตละเอียดอ่อนต่างๆ ให้หวนฟื้นคืนกลับมาได้มั่ง!!!.
----------------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |