ทั่วโลกรุมประณามไอเอสโฉดวางบึ้มกลางฝูงชนชาวอัฟกันที่รอคอยการอพยพออกจากอัฟกานิสถานด้านนอกสนามบินคาบูล ยอดดับไม่ต่ำกว่า 85 ชีวิต รวมทหารอเมริกัน 13 นาย ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศกร้าวตามล่ากำจัดกลุ่มไอเอส-เคที่อยู่เบื้องหลัง หลายชาติทยอยยุติปฏิบัติการอพยพ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ระเบิด 2 ครั้งซ้อนเกิดขึ้นด้านนอกประตูบารอนของสนามบินระหว่างประเทศฮามิดการ์ไซในกรุงคาบูลของอัฟกานิสถานช่วงค่ำวันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากรัฐบาลสหรัฐ, อังกฤษและออสเตรเลีย เตือนว่ามีภัยคุกคามจวนตัวจากกลุ่มรัฐอิสลามในภูมิภาคนี้ ระเบิดเกิดท่ามกลางกลุ่มชาวอัฟกันที่รอคอยอย่างอับจนหนทางเพื่อหนีออกนอกประเทศก่อนที่สหรัฐจะถอนตัวตามเส้นตายวันที่ 31 สิงหาคม หลังจากกลุ่มตอลิบันเข้าควบคุมอัฟกานิสถานไว้ได้ตั้งแต่กลางเดือนนี้
ภายหลังเกิดเหตุ กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส/ไอซิส) ในอัฟกานิสถานออกแถลงการณ์ยืนยันว่า มือระเบิดฆ่าตัวตายพวกเขาวางระเบิดด้านนอกสนามบินกรุงคาบูล โดยมือระเบิดรายนี้สามารถแทรกซึมการป้องกันทั้งหลายได้และเข้าไปในระยะใกล้ทหารอเมริกันห่างเพียง 5 เมตร จึงจุดชนวนเข็มขัดระเบิด คำแถลงกล่าวถึงมือระเบิดเพียงคนเดียว แม้ในเหตุการณ์นั้นเกิดระเบิดขึ้น 2 จุดใกล้กัน
แม้ไอเอสจะอ้างว่าการโจมตีครั้งนี้พุ่งเป้าทหารสหรัฐ แต่พลเรือนชาวอัฟกันสังเวยชีวิตมากที่สุด วิดีโอที่นักข่าวอัฟกันถ่ายไว้เผยให้เห็นศพหลายสิบศพเกลื่อนคลองน้ำทิ้งใกล้กำแพงสนามบิน ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและตอลิบันรวมถึงกองทัพสหรัฐระบุว่ามีคนเสียชีวิตรวมอย่างน้อย 85 คน เป็นชาวอัฟกัน 72 คน และทหารอเมริกัน 13 นาย เจ้าหน้าที่ตอลิบันคนหนึ่งบอกว่ามีนักรบตอลิบันเสียชีวิตด้วย 28 คน แต่ภายหลังซาบิฮุลลาห์ มูจาฮิด โฆษกของตอลิบันปฏิเสธว่าไม่มีนักรบตอลิบันตายในเหตุการณ์นี้
กองบัญชาการกลางของกองทัพสหรัฐยืนยันว่า มีทหารเสียชีวิตด้วย 13 นาย บาดเจ็บ 18 นาย ทหารที่บาดเจ็บถูกเคลื่อนย้ายด้วยเครื่องบินพิเศษลำเลียงติดตั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซี-17 ออกจากอัฟกานิสถานแล้ว
พล.อ.แฟรงก์ แม็กเคนซี ผู้บัญชาการกองบัญชาการกลางของสหรัฐ กล่าวด้วยว่า พวกผู้บังคับการทหารของสหรัฐกำลังอยู่ในภาวะเฝ้าระวังการโจมตีเพิ่มเติมจากไอซิส รวมถึงความเป็นไปได้ของการยิงจรวดหรือคาร์บอมบ์โจมตีสนามบินรอบใหม่ "เรากำลังทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อเตรียมพร้อม" เขากล่าว โดยบอกว่าสหรัฐได้แบ่งปันข่าวกรองบางอย่างกับตอลิบันด้วย และเขาเชื่อว่าตอลิบันขัดขวางการโจมตีได้บางส่วน
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศกร้าวว่า เขาได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมวางแผนการโจมตีกลุ่มไอซิส-เคที่ประกาศว่าอยู่เบื้องหลังการก่อเหตุครั้งนี้แล้ว "เราจะไม่ให้อภัย เราจะไม่ลืม เราจะตามล่าพวกแก ให้พวกแกต้องชดใช้" ไบเดนแถลงการณ์ทางโทรทัศน์จากทำเนียบขาว และว่ายังมีโอกาสในช่วงหลายวันข้างหน้าก่อนถึงกำหนดถอนกำลังวันที่ 31 ที่จะกำจัดกลุ่มนี้
ไอซิส-เค ที่ไบเดนกล่าวถึงคือกลุ่มรัฐอิสลามประจำจังหวัดคอราซาน ซึ่งเดิมเคลื่อนไหวในพื้นที่ชายแดนปากีสถาน แต่ได้ขยายแนวร่วมไปถึงภาคเหนือของอัฟกานิสถานด้วย ศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายจากเวสต์พอยต์กล่าวว่า นอกจากพวกที่เป็นอัฟกันแล้ว ไอซิส-เคมีสมาชิกที่เป็นปากีสถานจากกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ และพวกอุซเบกหัวรุนแรงเข้าร่วมด้วย
ระเบิดเมื่อวันพฤหัสบดีถือเป็นเหตุการณ์โจมตีที่มีทหารอเมริกันในอัฟกานิสถานเสียชีวิตมากที่สุดในคราวเดียว นับจากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์โดนยิงตกเมื่อปี 2554 ที่มีทหารเสียชีวิต 30 นาย การตายของทหารอเมริกันครั้งนี้ยังเป็นการตายระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในอัฟกานิสถานครั้งแรกในรอบ 18 เดือน
พล.อ.แม็กเคนซี ผู้บัญชาการทหารของสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐจะยังเดินหน้าอพยพคนออกจากอัฟกานิสถานถึงแม้ว่าจะมีภัยคุกคามจากการก่อเหตุเพิ่มเติมก็ตาม โดยยังเหลือพลเมืองอเมริกันอยู่ที่นี่ราว 1,000 คน
นับแต่ตอลิบันบุกยึดกรุงคาบูลไว้ได้เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม มีพลเมืองต่างชาติและชาวอัฟกันถูกอพยพทางอากาศผ่านสนามบินคาบูลแล้วมากกว่า 100,000 คน แต่ภัยคุกคามจากการโจมตีและเส้นตายที่ใกล้เข้ามาทำให้หลายประเทศทยอยยุติปฏิบัติการแล้ว โดยรัฐบาลอังกฤษ, สเปน และสวีเดน ประกาศยุติปฏิบัติการอพยพคนในวันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม ก่อนหน้านั้นรัฐบาลอิตาลีและออสเตรเลียยุติเที่ยวบินอพยพแล้ว ส่วนฝรั่งเศสกล่าวว่าอาจยืดเวลาออกไปอีกจากกำหนดเดิมในวันศุกร์
รอยเตอร์รายงานอ้างนักการทูตในกลุ่มนาโตที่กรุงคาบูลด้วยว่า ทหารของประเทศต่างๆ วางเป้าหมายว่าจะอพยพพลเมืองของตนและเจ้าหน้าที่สถานทูตออกให้หมดก่อนวันที่ 30 สิงหาคม และว่า เป็นความรับผิดชอบของตอลิบันในการรักษาความปลอดภัยรอบสนามบิน และตอลิบันควรสอบสวนเครือขายรัฐอิสลาม
กลุ่มตอลิบันประณามการวางระเบิดโจมตีพลเรือนเมื่อวันพฤหัสบดี แต่โฆษกตอลิบันยืนกรานว่าพื้นที่เกิดเหตุนั้นอยู่ภายใต้การดูแลความปลอดภัยของกองทัพสหรัฐ และไม่มีนักรบตอลิบันอยู่ในพื้นที่นั้น
ผู้นำหลายชาติทั่วโลกไม่ว่าจากยุโรป เอเชีย อเมริกาใต้ และแอฟริกา ต่างประณามไอเอสอย่างรุนแรง นายกฯ บอริส จอห์นสัน ของอังกฤษกล่าวว่า เป็นการโจมตีที่ "ป่าเถื่อน" และยกย่องความพยายามอันยอดเยี่ยมของผู้ที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการอพยพ ส่วนประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส แสดงความเสียใจกับครอบครัวชาวอเมริกันและชาวอัฟกันที่สูญเสีย และยกย่องวีรบุรุษที่ปฏิบัติการอพยพอยู่ที่นั่น
ประธานาธิบดีอันด์แชย์ ดูดา ของโปแลนด์ กล่าวว่า ระเบิดครั้งนี้เป็นการกระทำที่ขี้ขลาด นายกรัฐมนตรีมาริโอ ดรากี ของอิตาลี ก็ประณามด้วยถ้อยคำรุนแรงว่าเป็นการโจมตีที่เลวทรามและน่าสยดสยองต่อผู้แสวงหาเสรีภาพที่ปกป้องตนเองไม่ได้
รัฐบาลรัสเซียและจีนแถลงประณามการวางระเบิดด้วยถ้อยคำที่รุนแรงที่สุด อิหร่านประณามการก่อการร้ายที่โจมตีชาวอัฟกันที่ไม่สามารถป้องกันตนเอง รัฐบาลซาอุดีอาระเบียกล่าวว่าการโจมตีนี้ไม่สอดคล้องต่อหลักศาสนาและค่านิยมทางศีลธรรม.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |