เสียงเพรียกหา "ปฏิรูปตำรวจ" ดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง!!! 
    หลังเกิดกรณี "ผู้กำกับโจ้" พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.เมืองนครสวรรค์ ลงมือทรมานและใช้ถุงพลาสติกคลุมหัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเสียชีวิต 
    อย่างโหดเหี้ยม!!! 
    อย่างทารุณ!!!
    แต่การเพรียกหาครั้งนี้จะเป็นแค่ "ไฟไหม้ฟาง" เหมือนทุกๆ ครั้งหรือไม่ ก็อยู่ที่ "ผู้มีอำนาจ" จะจริงจังกันแค่ไหน 
    จำได้ว่าตั้งแต่ "นายกฯ ประยุทธ์" เข้ามาบริหารประเทศใหม่ๆ ทั้งสมัยยึดอำนาจ หรือสมัยเลือกตั้ง
    เสียงเพรียกหา "ปฏิรูปตำรวจ" ก็ดังมาตลอด แต่ผ่านมาหลายปี  "ปฏิรูปตำรวจ" ก็ยังไม่มีอะไรชัดเจน ไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม
    ตื่นตัวกันพักหนึ่ง พอเวลาผ่านไปมีเรื่องอื่นเข้ามา "ปฏิรูปตำรวจ" ก็เงียบหายตามกาลเวลา
    รอวันปะทุขึ้นอีกตามสถานการณ์!!!
    ได้มีโอกาสสนทนากับอดีตนายพลตำรวจท่านหนึ่ง ได้ให้ความเห็นเรื่องการปฏิรูปตำรวจเอาไว้อย่างน่าคิด และน่าสนใจ 
    เค้าใช้คำว่าถ้า "ปฏิรูป" มันนาน ทำไมไม่ลองมา "ปฏิบัติ" กันก่อน 
    นายพลตำรวจท่านนี้บอกว่า จริงๆ โครงสร้างตำรวจที่วางไว้ดีอยู่แล้ว ระบบวิธีการต่างๆ ก็ดีอยู่แล้ว กฎระเบียบข้อบังคับก็ดีอยู่แล้ว
    แต่ที่ไม่ดีคือคนเป็น "นาย" คนเป็น "ผู้บังคับบัญชา" ไม่เดินตามแบบ ไม่เดินตามแผน ไม่เดินตามกฎ ไม่เดินตามระเบียบข้อบังคับ ชอบซิกแซ็ก ชอบใช้เล่ห์เหลี่ยม ชอบใช้ช่องทางหาประโยชน์ให้ตัวเอง จนองค์กรเกิดความเสียหาย 
    อย่างการแต่งตั้งโยกย้าย ทุกอย่างมีกฎ มีกติกา แต่พอปฏิบัติจริงคนเป็น "นาย" ก็หาช่องโหว่ช่องว่าง เหมือนการแต่งตั้ง "ผกก.โจ้" ขึ้นมาเป็น ผกก.เมืองนครสวรรค์ ซึ่งถือเป็นโรงพักใหญ่ โรงพักระดับเกรดเอ  แทนที่จะใช้การแต่งตั้งแบบไต่ระดับ เพื่อสร้างประสบการณ์ก่อน ใครจะขึ้น รอง ผกก.โรงพัก ก็ไปอยู่โรงพักเล็กก่อน เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์แล้วค่อยโยกมาอยู่โรงพักใหญ่ แต่พอมีเส้นมีสายก็ให้มาคุมโรงพักใหญ่เลย
    หรืองานสอบสวน ซึ่งถือเป็นหัวใจของตำรวจ เป็นหน้างานที่ต้องเกี่ยวข้องกับกฎหมาย ต้องเกี่ยวข้องกับประชาชน คนเป็น "นาย" คนเป็น "ผู้บังคับบัญชา" ก็ไม่ได้หยิบมาให้ความสำคัญ หรือนำมาเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนองค์กร เมื่อตำรวจที่ขึ้นมาเป็นหัวหน้าหน่วยไม่เคยผ่านงานสอบสวน ไม่เคยผ่านการทำสำนวนมาก่อน ได้แต่หิ้วกระเป๋าตามนาย การตัดสินใจ การแก้ปัญหาก็ไม่มี
    ตัวอย่างแค่เรื่องสองเรื่องเหล่านี้ ถ้าคนเป็น "นาย" คนเป็น "ผู้บังคับบัญชา" ปฏิบัติให้ได้ ก็ไม่ต้องรอการปฏิรูปให้มากความ องค์กรตำรวจก็จะเดินหน้าต่อไปได้
    ฟังแล้วก็พยักหน้า..หงึกๆ แต่ไม่รู้คนเป็น "นาย" คนเป็น "ผู้มีอำนาจ" จะพยักหน้าด้วยหรือเปล่า.