สหรัฐฯ กำลังจะฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 หรือ booster dose ให้ประชาชนของตนเริ่มวันที่ 20 กันยายนนี้
โดยไม่สนใจว่าองค์การอนามัยโลกจะเรียกร้องว่าขอให้ประเทศร่ำรวยระงับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ไว้ก่อน
เพราะประเทศรายได้ปานกลางและยากจนจำนวนมากยังไม่สามารถฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้คนของตนได้เลย
องค์การอนามัยโลกจึงขอให้ประเทศมีสตางค์ทั้งหลายหยุดการฉีดเข็มที่ 3 ไว้ก่อน จนกว่าประเทศอื่นๆ ที่ยากจนกว่าจะสามารถให้ประชาชนของตนได้วัคซีนเข็มแรกไม่น้อยกว่า 10% เสียก่อน
แต่ประเทศใหญ่ๆ ทั้งหลายไม่สนใจคำร้องขอ ที่ต้องการให้ช่องว่างระหว่างประเทศมีเงินกับประเทศยากจนไม่ขยายตัวไปมากกว่านี้
ตัวอย่างคืออเมริกา ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเดินหน้าประกาศจะให้คนของเขาได้เข็มที่ 3 โดยเร็ว
เพราะฉีดไป 2 เข็มแล้วก็ยังไม่ได้ช่วยลดการแพร่ระบาดเท่าที่ควร
สองสัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนคนติดเชื้อใหม่ของสหรัฐฯ ยังเกินวันละแสน และคนเสียชีวิตเฉลี่ยวันละพัน
สาเหตุเป็นเพราะความร้ายกาจของสายพันธุ์เดลตาที่กำลังอาละวาดไปทั่วโลก โดยที่วัคซีนไม่ว่ายี่ห้อไหนก็ยังเอาไม่อยู่
แต่องค์การอนามัยโลกออกมาค้านการที่หลายประเทศกำลังจะให้ประชาชนของตนฉีดเข็มที่ 3
เพราะการทำเช่นนั้นไม่ได้ช่วยลดการแพร่ระบาดของโควิดในระดับโลกได้แต่อย่างใด
คณะแพทย์ของ WHO ยืนยันว่า หากประชากรของโลกจำนวนมากยังไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว การที่บางประเทศเริ่มฉีดเข็ม 3 ก็จะทำให้เกิดการกลายพันธุ์ต่อเนื่อง
บางทีอาจจะทำให้เกิดสายพันธุ์ใหม่ที่อันตรายมากกว่าเดิมเสียอีก
คนที่ออกมาเป็นแกนนำต่อต้านการฉีดเข็ม 3 ของบางประเทศคือ หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ของ WHO ชื่อ พญ.Soumya Swaminathan
เธอบอกว่าปัญหาใหญ่ขณะนี้คือ เจ้าไวรัสโควิด-19 ส่วนใหญ่จะแพร่อยู่ในหมู่คนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเลย
มันไม่ได้อยู่ในแวดวงของคนที่ได้วัคซีนครบโดสแล้วแต่อย่างใด
แต่หมอใหญ่ของสหรัฐฯ แย้งว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้เลือกระหว่างสหรัฐฯ กับโลกในการทำสงครามกับโควิด
คุณหมอ Vivek Murthy บอกว่า “เรารับรู้ว่าเรามีความรับผิดชอบทั้งต่อตัวเราเองและชาวโลก และเราก็เชื่อว่าเราต้องทำงานพร้อมกันไปทั้งสองด้าน”
อเมริกาอ้างว่าได้ส่งวัคซีนไปช่วยเหลือประเทศอื่นๆ ทั่วโลกแล้วกว่า 100 ล้านโดส และเตรียมจะบริจาคเพิ่มอีกจนถึง 500 ล้านโดส
แต่ปัญหาคือ ถ้าบางประเทศคิดว่าหากคนของตนได้ฉีด 3 เข็มก็จะปลอดจากโรคระบาดนี้ ทั้งๆ ที่ความจริงก็คือตราบเท่าที่ยังมีประเทศที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเพียงพอ การระบาดของโรคก็จะไม่หยุดลง
ประเทศร่ำรวยก็ไม่อาจนอนใจได้ว่าตัวเองจะรอดจากการแพร่ระบาดจากประเทศอื่น
องค์การอนามัยโลกย้ำว่า ต้องมีวัคซีนทั้งหมด 11,000 ล้านโดสสำหรับทั้งโลกจึงจะเพียงพอในการระงับการแพร่ของไวรัสตัวนี้
แต่ถึงวันนี้ยังมีคนหลายพันล้านคนทั่วโลกที่ยังไม่ได้วัคซีนแม้แต่เข็มแรก
ในประเทศยากจนส่วนใหญ่ ประชากรที่ได้รับวัคซีนมีไม่ถึง 5% ด้วยซ้ำ
และคนที่ยังไม่ได้วัคซีนแม้แต่เข็มเดียวนั้นรวมถึงบุคลากรทางการแพทย์และคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง
ในประเทศรายได้ปานกลางนั้น มีเพียงหนึ่งในสามของประชากรเท่านั้นที่ได้รับวัคซีน
องค์การอนามัยโลกจึงออกมาส่งเสียงดังๆ ว่าต้องมียุทธศาสตร์ระดับโลกจึงจะสามารถเอาชนะโควิดได้
นั่นหมายความว่า จะต้องให้ความสำคัญกับการหาวัคซีนมาฉีดให้ประเทศ “เปราะบาง” ทั้งหลายให้มากที่สุดและโดยด่วนที่สุด
ก่อนที่จะยื่นวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันเพิ่มเติมไปให้ประชาชนความเสี่ยงต่ำในประเทศที่มีฐานะดีกว่า
นายแพทย์คนหนึ่งของ WHO เสนอทางออกง่ายๆ และชัดเจนว่า
“ลำดับความสำคัญอันดับหนึ่งขณะนี้คือ การให้คนทั่วโลกได้รับวัคซีนสองเข็มให้เร็วที่สุดก่อนที่จะก้าวไปสู่เข็มที่ 3”
ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก Tedros Adhanom Ghebreyesus ประกาศว่า การที่บางประเทศเสนอวัคซีนเข็มที่ 3 ให้ประชาชนของตนนั้นจะยิ่งทำให้ความเหลื่อมล้ำของโลกย่ำแย่ลงไปอีก
ที่มีความเหลื่อมล้ำอยู่แล้วก็จะยิ่งมีความไม่เท่าเทียมกันหนักขึ้นอีก
หมอคนหนึ่งเปรียบเทียบได้น่าฟังว่า
“มันเหมือนกับเราส่งเสื้อชูชีพตัวที่สองให้คนที่มีเสื้อชูชีพอยู่แล้วหนึ่งตัว ขณะที่เราปล่อยให้คนที่ไม่มีเสื้อชูชีพใส่เลยจมน้ำต่อหน้าต่อตาเรา...”
เปรียบเปรยอย่างนี้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
หากแนวโน้มเป็นอย่างนี้ อีกไม่นานเราก็อาจจะเห็นศพของคนที่ไม่มีเสื้อชูชีพลอยเต็มทะเล
ขณะที่คนมีเสื้อชูชีพสองตัวก็อาจจะไม่รอดเพราะน้ำเต็มไปด้วยไวรัสที่กลายพันธุ์ร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ นั่นแหละ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |