ฟังจากจำนวนตัวเลข สถิติ ผู้ติดเชื้อ โควิดในแต่ละวัน...ดูๆ ชักทำท่าลดๆ ขึ้นมามั่งแล้ว คือจากเคยติดเชื้อวันละระดับ 2 หมื่น เกือบ 3 หมื่น หลังๆ นี้..ก็น่าจะลดลงมาระดับหมื่นกว่าๆ เกือบ 2 หมื่น โดยถ้าหากตัวเลข เส้นกร๊ง เส้นกราฟ มันเดินไปในแนวนี้ ลักษณะนี้ ไปโดยตลอด ก็อาจถือเป็นตัวช่วยรองรับ รับรอง ให้คำพูด คำจา ของท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ดูจะมีน้ำหนักยิ่งขึ้นไปอีก...
--------------------------------------------
คือคำพูดที่มีนัยประมาณว่า...เราอาจได้ผ่าน จุดสูงสุดของการติดเชื้อ ไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว และหลังจากนี้ หรือนับจากสิ้นเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป โอกาสที่ตัวเลข จำนวน ผู้ติดเชื้อ อาจค่อยๆ ลดลงๆ ไปสู่ระดับหลักพัน หลักร้อย หรือถ้าหากไปถึงหลักสิบ หรือหลักศูนย์ เมื่อไหร่ ก็จะเป็นพระคุณยิ่ง โอกาสที่จะผ่อนๆ คลายๆ กับเรื่องการ ป่วยตาย หันมาตั้งสมาธิ มาเอาจริง-เอาจัง มาคอนเซนเทรต กับเรื่องการ อดตาย ที่ก็ออกจะน่าเกลียด น่ากลัว ไม่แพ้กัน ก็น่าจะพอได้เริ่มต้นอย่างชนิดไม่ต้องเสียเวลาพะวงหน้า-พะวงหลัง อีกต่อไป...
------------------------------------------------
เรียกว่า...อาจพอได้ ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ กระบี่-พังงา แซนด์บ็อกซ์ หรือ เชียงใหม่ แซนด์บ็อกซ์ ไปจนถึงขั้น ประเทศไทย แซนด์บ็อกซ์ กันในระดับทั่วทั้งประเทศ ย่อมต้องเป็นไปได้ไม่มากก็น้อย อะไรที่มันเคยแห้งๆ เหี่ยวๆ หัวโต แล้วยังขาลีบ อาจพอได้กลับมาแข็ง กลับมาสู่ความเป็นแท่งๆ ด้ามๆ ได้อย่างสมเกียรติ สมราคา แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ...แม้ว่าแต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง อาจพอเบาๆ พอคลายๆ ลงมาได้บ้าง แต่ขึ้นชื่อว่าท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 ซะอย่างแล้ว!!! จะไปดูหมิ่น ดูแคลน ไปประมาท ไปประเมินราคาท่านไว้ต่ำๆ ก่อนล่วงหน้า คงไม่น่าจะเข้าท่ากันซักเท่าไหร่นัก...
---------------------------------------------------
คือยังไงๆ...มันคงต้อง เกร็ง ต้องหาทาง ป้องกัน ไปโดยตลอดนั่นแหละ เพราะจู่ๆ ท่านก็สามารถปรับตัว ปรับกระบวนการ พัฒนาการ กลายพันธุ์ กลายไปเป็นสายพันธุ์ เดลตา สายพันธุ์ แลมบ์ดา ฯลฯ และสายพันธุ์อะไรต่อมิอะไรกันอีกก็ไม่รู้ ที่เล่นเอา วัคซีนเทพ วัคซีนเซินเจิ้น ฯลฯ หรือวัคซีนใดๆ ก็แล้วแต่ แทบจับไม่ได้-ไล่ไม่ทัน ส่งผลให้ถึงกับหงายท้องตึง หลับกลางอากาศกันไปเป็นประเทศๆ และถึงแม้ว่าบางประเทศเขาจะพยายามพัฒนา พยายามกลายพันธุ์ สิ่งที่เคยเป็น ความกลัว ให้กลายเป็นแค่ ความชา ไปแทนที่ หรือไม่คิดจะสวมหน้ากาก ไม่คิดจะเว้นระยะห่าง ไม่คิดจะ ป้องกัน ใดๆ ต่อไปอีกแล้ว ขอเพียงแต่ให้จิ้ม ให้ทิ่ม วัคซีน ไปซักเข็ม-สองเข็ม ก็สามารถออกมาเฮโน่น เฮนี่ ออกมาแห่แหนรวมตัวกันได้ตามปกติ แต่ก็นั่นแหละ...เห็นว่าแวบเดียว หงายท้องตึงกันไปแล้วเป็นร้อยๆ ราย สำหรับประเทศผู้ดีอังกฤษที่แห่ออกมาชมคอนส่ง คอนเสิร์ต ไปเมื่อวัน-สองวันนี้...
-----------------------------------------------------
เรียกว่า...ถ้ามองให้ ลึกๆ ลงไปแล้ว การมาถึงและการออกฤทธิ์ ออกเดช ออกอาละวาดของท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 เท่าที่ผ่านมาจนตราบเท่าทุกวันนี้ อาจไม่ต่างอะไรไปจากการ ส่งสัญญาณ บางอย่างของ ธรรมชาติ เอาเลยก็ว่าได้ โดยใครจะแปลความ แปลสัญญาณ แปลความหมายเหล่านี้ ออกไปในลักษณะไหนก็ตาม แต่สิ่งที่คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ ก็คือ ความเปลี่ยนแปลง ที่มันคงต้องตามมา หรืออุบัติขึ้นมา ภายใต้ โลกยุคใหม่ หรือ โรคยุคใหม่ ก็แล้วแต่ ซึ่งอาจมีส่วนส่งผลให้การแสดงออกทางพฤติกรรม หรือการใช้วิถีชีวิตแบบเก่าๆ เดิมๆ น่าจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม สอดคล้องกับโลกยุคใหม่ หรือโรคยุคใหม่ กันซักเท่าไหร่นัก...
------------------------------------------------------
และความเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้...อาจหมายรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง-การปกครอง การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ไปจนแม้แต่พฤติกรรมทางสังคม ค่านิยมทางสังคม ฯลฯ เอาเลยก็ไม่แน่ อะไรที่เคยดูสูงส่ง วิเศษวิเสโส ประเภททาก็ได้-อมก็ได้ ดม-หยอด-สอด-เสียบได้เสมอๆ เช่นประเภท ประชาธิปไตย แบบทั้งแท่ง ทั้งด้าม เอาไป-เอามาแล้ว มันอาจกลายเป็นอะไรที่ไม่เหมาะสม สอดคล้องกับโลกยุคใหม่ ฉากสถานการณ์ใหม่ๆ ที่บรรดา ปวงชน ผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยทั้งหลาย ออกจะเป็นปวงชนที่ชักหนักไปทางเสื่อมโทรมและตกต่ำ ไม่ว่าในแง่คุณธรรม ศีลธรรม ไปจนถึงขั้น สติ และ ปัญญา เอาเลยก็ว่าได้ อันอาจส่งผลให้เกิดประชาธิปไตยที่ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นไปตามประโยชน์ของส่วนรวม ของสังคม และอาจต้องหาทาง ควบคุม และ บังคับ กันในลักษณะใด ลักษณะหนึ่ง จะปล่อยให้ เสรี ไปตามเรื่อง-ตามราว เผลอๆ อาจวิวัฒนาการ กลายพันธุ์ ไปเป็น เสรีพิศุทธ์ หรือออกไปทาง ดื้อฉิบหาย เอาง่ายๆ...
--------------------------------------------------------
เช่นเดียวกับเศรษฐกิจนั่นแหละ...ทุนนิยมแบบแท้ๆ ล้วนๆ ที่เคยถือเป็นวิถีทางเดียวเท่านั้นของโลกทั้งโลก ซึ่งต่างต้องเดินมาบนเส้นทางสายนี้เหมือนกันหมด มาถึงทุกวันนี้ ก็หนีไม่พ้นต้องหาทาง ควบคุมและ บังคับ เพื่อให้เกิดการกลายพันธุ์ไปสู่ ทุนนิยมแบบใหม่ๆ ไม่ว่าจะเรียกว่าทุนนิยมที่มีจิตวิญญาณ ทุนนิยมเพื่อสิ่งแวดล้อม หรือกระทั่งทุนนิยมเผด็จการที่ต้องมีเอาไว้ควบคุมไม่ให้ นายทุน อย่าง แจ๊ก หม่า ทำอะไรต่อมิอะไรได้โดยเสรี จนประเทศจีนอาจเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊กเหมือนอย่างอเมริกาเอาเลยก็เป็นได้ คืออย่างน้อยต้องหาทาง The Great Reset หรือ Build Back Better ในทางใด ทางหนึ่ง จะปล่อยให้ไปเรื่อยๆ เฉื่อยๆ แบบเก่าๆ เดิมๆ...คงมิได้!!!
------------------------------------------------------
ส่วนสังคมนั้น...ไม่เพียงแต่ต้องพยายามขจัดกวาดล้าง ระงับยับยั้งความตกต่ำ เสื่อมโทรม ไม่ให้ลุกลาม บานปลาย มากไปกว่านี้ ยังต้องหาทางฟื้นฟู บูรณะ อะไรก็ตามที่ออกไปทาง ธรรมๆ ทั้งหลาย ไม่ว่าวัฒนธรรม ศีลธรรม คุณธรรม มโนธรรม โดยอาศัยขีดความสามารถทาง ขันติธรรม ภายในสังคมแต่ละสังคม ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ และนั่นเองที่ทำให้การค้นหาหนทางที่จะสร้างประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ให้แข็งแกร่ง แข็งแรง ยิ่งไปกว่าการสร้าง ปราสาททราย หรือ ไทยแลนด์ แซนด์บ็อกซ์ จึงต้องถือเป็น ความจำเป็น เป็นอย่างยิ่ง...
--------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Anon... “Nation die on the soft bed of luxury. - ประเทศชาติตายด้วยการนอนบนเตียงที่อ่อนนุ่มและฟุ่มเฟือย...”
-------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |