บช.น.แถลงจับ 7 โจ๋พกระเบิด 18 ลูกพร้อมยาเสพติด เตรียมเข้าร่วมชุมนุมคาร์ม็อบของ "เสี่ยเต้น" 29 ส.ค.นี้ ขณะที่เจ้าของวาทกรรม "เผาเลยครับพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง" เปิดแคมเปญ "ไม่บวก ไม่ลุย ไม่ปะทะ แต่ไม่ลดละการไล่  เจ็บมาแล้วเกือบ 8 ปี หรือจะทนกับประยุทธ์ต่อไป" ส่วนสถานการณ์จากคุก "ประธานไมค์-ชาติ​ชาย" ติดโควิด ส่งตัวเข้า รพ.ราชทัณฑ์​แล้ว 
    เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2564 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. กล่าวถึงการชุมนุมว่า กลุ่มที่ 1 คือกลุ่มทะลุฟ้า นัดชุมนุมกันที่หน้ารัฐสภาเวลา 16.00 น. ส่วนกลุ่มที่ 2 คือกลุ่มทะลุแก๊ส นัดหมายรวมตัวกันที่แยกดินแดง และหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนการชุมนุมวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา มีการขว้างปาสิ่งของ ระเบิดไปป์บอมบ์ ระเบิดปิงปอง พลุเพลิง พลุไฟ ใส่สถานที่ราชการและเจ้าหน้าที่ตำรวจ  ซึ่งจะได้มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทุกราย
    ขณะเดียวกัน มีตำรวจ สภ.โพธิ์แก้ว และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนภาค 7 การจับกุมผู้ต้องหาเกี่ยวเนื่องกับคดีชุมนุม จำนวน 7 คน พร้อมด้วยของกลางระเบิดแสวงเครื่อง 18 ลูก ยาเสพติดส่วนหนึ่ง จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้มีการรวมตัวกัน สมคบกันประกอบระเบิดแสวงเครื่องเพื่อมาใช้ในการชุมนุมวันที่ 29 ส.ค.นี้ จากการตรวจสอบผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผู้ต้องหาทั้ง 7 คน มีพฤติกรรมเข้ามาร่วมชุมนุมในพื้นที่ดินแดงและอนุสาวรีย์ชัยฯ 4-5 ครั้ง พนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มียาเสพติดไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย
    พล.ต.ต.ปิยะกล่าวต่อว่า สรุปการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำความผิดเคลื่อนไหวทางการเมืองเดือน ก.ค.-ส.ค. จำนวน 111 คดี ผู้ที่อยู่ในข่ายที่ต้องถูกดำเนินคดี 597 คน จับกุมตัวได้แล้ว 284 คน บช.น.ออกหมายเรียกผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดอีก 127 คน เป็นแกนนำ 16 คน 
     ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า 29 สิงหา CAR MOB CALL OUT 14.00 น. เดินทัพทางไกลเกือบ 50 กิโลเมตร เชื่อมกรุงเทพฯ และปริมณฑล นนทบุรี ปทุมธานี ถึงที่หมายเปิดปราศรัยใหญ่ เวทีออนไลน์ ประกวดแต่งรถ ป้ายข้อความ ภาพนิ่ง คลิป และกองเชียร์ 2 ข้างทาง รางวัลจัดพร้อมเหมือนเดิม
       "ไม่บวก ไม่ลุย ไม่ปะทะ แต่ไม่ลดละการไล่ เจ็บมาแล้วเกือบ 8 ปี หรือจะทนกับประยุทธ์ต่อไป ไม่ไล่วันนี้อีก 8 ปีเขาอยู่ต่อได้ 29 สิงหาคม นัดหมายสำคัญก่อนการลงมติไม่ไว้วางใจโดยประชาชนชุมนุมใหญ่" เจ้าของวาทกรรมเผาเลยครับพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง ระบุ
    นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ขอรายงานสถานการณ์และการควบคุมดูแลตัวผู้ต้องขังที่เป็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกมาเรียกร้องทางการเมือง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ถูกส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จากเดิมจำนวน 4 ราย ประกอบด้วย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, นายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือฟ้า, นายสิริชัย นาถึง หรือนิว และนาย Sam Samart หรือแซม สาแมท นั้น 
    แพทย์ประจำทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้เข้าตรวจร่างกาย พบว่า นายพริษฐ์รู้สึกตัวดี พูดคุยถามตอบรู้เรื่อง เดินช่วยเหลือตนเองได้ ทำกิจวัตรเดินเข้าห้องน้ำได้เอง หายใจไม่มีหอบเหนื่อย ผื่นที่ตัวแห้งแล้ว สัญญาณชีพและค่าออกซิเจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ แพทย์ให้การรักษาตามอาการ ในส่วนของนายสิริชัย รู้สึกตัวดี ช่วยเหลือตัวเองได้ หายใจปกติ ไม่มีอาการหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ สามารถนอนหลับพักได้ รับประทานอาหารได้มาก ขับถ่ายปกติ สัญญาณชีพและค่าออกซิเจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ 
    ส่วนนายพรหมศร รู้สึกตัวดี สีหน้าสดใส ยิ้มแย้มพูดคุยช่วยเหลือตัวเองได้ หายใจปกติ ไม่มีหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ ยังไอ  และเจ็บคออยู่ ไม่มีปวดศีรษะ รับประทานอาหารได้ ขับถ่ายปกติ นอนหลับพักผ่อนได้ สัญญาณชีพและค่าออกซิเจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ และนายแซมรู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่มีอ่อนเพลีย ไม่มีหายใจหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ ไม่ไอ รับประทานอาหารได้ ขับถ่ายปกติ นอนหลับพักผ่อนได้ สัญญาณชีพและค่าออกซิเจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ 
    ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ได้รับแจ้งจาก นายจักร ลิ่มบุตร ผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอธัญบุรี รายงานผลการตรวจหาเชื้อในผู้ต้องขังอีก 3 ราย ที่ยังอยู่ในการควบคุมของเรือนจำชั่วคราวรังสิต ประกอบด้วย นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์,  นายชาติชาย แกดำ และนายณัฐชนน ไพโรจน์ โดยตรวจหาเชื้อเมื่อวันที่ 23 ส.ค.2564 ทั้งในรูปแบบ ATK และ RT-PCR เพื่อยืนยันความแน่นอน เนื่องจากกลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยงสูง จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ต้องขังติดเชื้อภายในห้อง 2/2 โดยปรากฏผลตรวจเป็นลบ 1 ราย และมีผลเป็นบวก 2 รายคือ นายภาณุพงศ์และนายชาติชาย  จึงได้ดำเนินการส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เรียบร้อยแล้ว  
    ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 ได้เป็นโจทก์ฟ้องนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา  หรือไผ่ ดาวดิน อายุ 29 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐานมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ
    โดยท้ายคำฟ้องพนักงานอัยการระบุด้วยว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 ส.ค.2560  ศาลจังหวัดขอนแก่นได้พิพากษาจำคุกจำเลย 2 ปี 6 เดือน ฐานดูหมิ่นสถาบัน  และเมื่อพ้นโทษเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2562 จำเลยกลับมากระทำผิดซ้ำอีก
     ขณะนี้ ไผ่ ดาวดิน ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ เนื่องจากศาลอาญามีคำสั่งเพิกถอนการประกันตัว เพราะจำเลยได้กระทำผิดเงื่อนไขการประกันตัว โดยกระทำผิดลักษณะเช่นนี้หลายครั้งหลายหน จนถูกพนักงานสอบสวนพื้นที่ต่างๆ ดำเนินคดีนับสิบคดี
    นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ทีมทนายความได้ไปยื่นประกันตัวนายจตุภัทร์ เนื่องจากเราไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ที่ได้ข่าวว่านายจตุภัทร์ติดโควิด ส่วนจะมีการทำเรื่องขอย้ายมารักษาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ หรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่มี เพราะนายจตุภัทร์ เป็นนักศึกษาปริญญาโท ของมหาวิทยาลัยมหิดล แล้วเพิ่งทราบข่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างให้ทนายดำเนินการตรวจสอบ เพื่อยืนยันว่าติดจริงหรือไม่ 
    นอกจากนี้ นายกฤษฎางค์พร้อมด้วยนางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ แม่ของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน เดินทางเข้ายื่นเรื่องขอให้ศาลมีคำสั่งส่งตัวนายพริษฐ์ไปรักษาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ  
    นายกฤษฎางค์เผยว่า เรามายื่นตามมาตรา 89/1 ป.วิ.อาญา ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ส่งตัวนายพริษฐ์ไปรักษาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ เนื่องจากเรายื่นไปที่กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลราชทัณฑ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมแล้ว ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งหลังจากทนายไปเยี่ยมมาพบว่านายพริษฐ์ติดโควิดแน่นอน และอาการยังไม่ดีขึ้น ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีจะมีความเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตหรือไม่ ซึ่งตามกฎหมายให้อำนาจศาล ถ้าเห็นสมควรจะส่งตัวผู้ที่ถูกจองจำ กักขังในคำสั่งศาล ไปยังสถานที่อื่นที่ปลอดภัย ซึ่งกรณีอย่างนี้มีอยู่ทั่วไป จะเห็นได้จากคดีเก่า ที่ผู้หลักผู้ใหญ่บางคนไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ หรืออดีตที่ล่วงลับไปแล้วที่เคยมีคดีความก็ไปนอนรักษาตัวเวลาอายุมาก ซึ่งอาจจะเป็นความเสี่ยงในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ตนก็ไม่ได้ดูแคลน เพียง แต่มั่นใจตรงที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ เป็นโรงพยาบาลของรัฐ เป็นโรงเรียนแพทย์ และมีความสามารถในการรักษาโรคโควิดโดยตรง นายพริษฐ์มีประวัติการรักษาที่นั่น เพราะเป็นโรคหอบหืดอยู่แล้ว เราหวังว่าศาลจะพิจารณา
    เมื่อถามว่า ทางโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ มีการออกมาระบุว่าเตียงเต็ม นายกฤษฎางค์กล่าวว่า เรามีหนังสือตอบรับ เนื่องจากโรงก็เหมือนกับโรงพยาบาลทั่วประเทศ คือภาวะการรักษาคนป่วยด้วยโรคโควิดก็คงยังเต็มอยู่ แต่เนื่องจากนายพริษฐ์ รวมถึงนายสิริชัย นาถึง เป็นนักศึกษาธรรมศาสตร์ เราได้ประสานงานจนเป็นที่ยืนยันแล้วว่าพอจะรักษาได้ มีความสามารถ เครื่องมือ และยารักษาโรค ดังนั้นมั่นใจว่าถ้าไปยื่นโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ในบรรยากาศแบบนี้ นอกจากจะเป็นการเปิดโอกาสให้เรือนจำได้เปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังรายอื่น เราคิดว่าชีวิตผู้ต้องขังทุกคนสำคัญ อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ระบุว่ากรณีของนายพริษฐ์และนายสิริชัย ทางโรงพยาบาลยินดีรักษา
    “ตอนนี้มีเหตุขัดข้องอยู่คือ มีผู้บริหารระดับสูงเพียงคนเดียวของกระทรวงในฝ่ายราชการประจำ ที่ยังไม่เห็นด้วยในการส่งตัวนายพริษฐ์และนายสิริชัยไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ส่วนในระดับกรมราชทัณฑ์และในระดับโรงพยาบาลที่เขารู้อาการ คุณหมอเขาก็ไม่ขัดข้อง มีเพียงแต่ผู้บริหารสูงสุดในฝั่งข้าราชการประจำที่ไม่เห็นด้วย คงต้องขออำนาจศาล เพราะถ้านายพริษฐ์เป็นอะไรความรับผิดชอบจะตกอยู่ที่กรมราชทัณฑ์ และเสียหายไปหมด” นายกฤษฎางค์ กล่าว
    ส่วนนางสุรีย์รัตน์เผยว่า กังวลเรื่องอาการของนายพริษฐ์ กรณีอื่นๆ ที่ผ่าน กว่าจะมีการอนุมัติให้ย้ายก็มีอาการหนัก อย่างกรณีนายศักดิ์ชัย ตั้งจิตสดุดี หรือเฮียซ้ง ดังนั้น จากคนที่อาการดีๆ รักษาได้ง่ายๆ จะต้องรอให้อาการหนักแล้วค่อยจัดการ ก็อันตรายเกินไป นอกจากนี้ถ้าเพนกวินได้ไปรักษาที่อื่นก็ได้ มีที่ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ให้คนอื่นอีก เพราะโรงพยาบาลราชทัณฑ์ต้องรับผู้ต้องหาจากต่างจังหวัดเข้ามารักษาด้วย นายพริษฐ์บอกว่าคนรอเตียงข้างๆ เขามีแต่อาการหนักทั้งนั้น ดังนั้นเจ้าหน้าที่ก็ต้องเอาทรัพยากรที่มีไปรักษาคนอื่น นอกจากนี้ หากได้ย้ายไปโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ เขาก็จะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระได้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะคัดค้าน.