จ่อคลายล็อกร้านอาหาร-ห้าง


เพิ่มเพื่อน    

ตัวเลขติดเชื้อรายใหม่ขยับขึ้น 18,261 ราย เสียชีวิต 297 ราย แต่ยังใจชื้นหายป่วยกลับบ้านเพิ่มอีก 21,186 ราย ลุ้น! 26 ส.ค. "ศบค.ชุดเล็ก" ถกผ่อนคลายเปิดร้านอาหาร แย้มแนวโน้มไฟเขียวให้บริการได้ 50% คุมเข้มคนขาย-คนใช้บริการต้องฉีดวัคซีนแล้ว ส่วน "สธ." ชงคลายล็อกเดินทางข้าม จว.พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พร้อมเปิดกิจการในห้างบางประเภท ก่อนเสนอชุดใหญ่เคาะวันศุกร์ 27 ส.ค. "หมอ" ขอ ปชช.อย่ากังวลพบเชื้อย่อยเดลตาในไทย เหตุยังไม่รุนแรง 
    เมื่อวันที่ 25 ส.ค. พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์โควิดว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 18,417 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 18,261 ราย จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ  15,953 ราย, จากการค้นหาเชิงรุก 2,308 ราย และจากเรือนจำ 146 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 10 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,102,368 ราย หายป่วยเพิ่มเติม 21,186 ราย หายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 63 จำนวน 903,015 ราย อยู่ระหว่างรักษา 189,268 ราย อาการหนัก 5,189 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 1,096 ราย และมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 297 ราย เป็นชาย 151 ราย หญิง 146 ราย โดยเป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 204 ราย มีโรคเรื้อรังใน 7 กลุ่มโรคเสี่ยง 67 ราย เป็นหญิงตั้งครรภ์ 1 ราย และเสียชีวิตที่บ้านและระหว่างนำส่งโรงพยาบาล 2 ราย อยู่ที่ จ.ปทุมธานี โดยผู้เสียชีวิตวันนี้พบมากสุดที่ กทม. 99 ราย ทำให้ขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 63 จำนวน 10,085 ราย 
    พญ.อภิสมัยกล่าวว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 25 ส.ค. ได้แก่ กทม. 4,139 ราย, สมุทรปราการ 2,237 ราย, สมุทรสาคร 1,132 ราย, ชลบุรี 974 ราย, ฉะเชิงเทรา 575 ราย,  นครปฐม 506 ราย, ราชบุรี 498 ราย,  นครราชสีมา 482 ราย, บุรีรัมย์ 445 ราย และกาญจนบุรี 392 ราย นอกจากนี้ มีการตรวจแบบ ATK ทั่วประเทศ พบผลเป็นบวก 1,185 ราย โดยจำนวนนี้จะไม่นับรวมกับยอดผู้ติดเชื้อสะสมที่มีผลตรวจแบบ RT-PCR เนื่องจากผู้ติดเชื้อกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเข้ารักษาตัวที่บ้าน ยกเว้นคนที่ไม่มีความพร้อมและต้องเข้ารักษาตัวคอมมูนิตีไอโซเลชัน หรือ CI ที่จะมีการตรวจ RT-PCR ยืนยันก่อนเข้าการรักษา และจะนับไปกับตัวเลขผู้ติดเชื้อยืนยันในวันต่อๆ ไป  
    "ในวันที่ 26 ส.ค. จะมีการประชุม ศบค.ชุดเล็ก เพื่อหารือทบทวนมาตรการ และเรื่องการกำหนดมาตรการผ่อนคลาย โดยจะใช้ข้อมูลต่างๆ ทุกด้านร่วมพิจารณา ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุม ศบค. ชุดใหญ่ในวันศุกร์ที่ 27 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น." ผู้ช่วยโฆษก ศบค.กล่าว 
    ขณะที่ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการแจงให้เคลียร์กับทีมโฆษกรัฐบาลว่า ในวันที่ 27 ส.ค. จะมีการประชุม ศบค.เวลา 09.30 น. เพื่อพิจารณาผ่อนคลายมาตรการที่ว่าเราพร้อมจะเปิดให้ร้านอาหารให้บริการประชาชนได้แล้วหรือไม่ โดยในช่วงเวลาที่ผ่านมา ศบค. และกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงหน่วยงานอื่นๆ ได้ทำงานร่วมกับภาคเอกชนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเรื่องของร้านอาหาร ผู้ประกอบการอยากให้มีการผ่อนคลาย คือเปิดให้บริการได้ 50% ทาง ศบค.ก็รับฟังข้อคิดเห็นตรงนี้ และก็คิดว่าด้วยจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อลดลงต่ำกว่า 2 หมื่นรายมา 2-3 วัน แนวโน้มก็อาจจะเปิดให้บริการทั้งร้านอาหารหรือธุรกิจอื่นๆ ได้ 
    "ในส่วนร้านอาหารที่คาดว่าจะเปิดได้ ก็ไม่ได้ให้เปิดทั้งหมด แต่จะเปิดได้ 50% ประกอบกับดำเนินการมาตรการอื่นประกอบ เช่น เว้นระยะห่าง อากาศถ่ายเท พนักงานปลอดโรคโดยได้รับวัคซีน 2 เข็ม หรือกรณียังไม่ได้รับวัคซีนต้องตรวจโควิดด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ทุก 3-7 วัน พร้อมปฏิบัตติตามมาตรการป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด ขณะที่ประชาชนที่มารับบริการต้องแสดงหลักฐานว่าได้รับการฉีดวัคซีนมาแล้ว เป็นต้น ทั้งนี้ เป็นหลักการที่กระทรวงสาธารณสุขจะเสนอ ศบค. หากมีการอนุมัติผ่อนคลายหรือมีเงื่อนไขที่ร้านอาหารหรือประชาชนต้องทำอะไรบ้าง ขอให้ติดตามผลการประชุมอีกครั้ง" น.ส.รัชดากล่าว
    น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สธ.ได้เสนอมาตรการผ่อนคลายการเดินทางข้ามจังหวัดจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดสามารถเดินทางได้ รวมถึงการปรับมาตรการกิจการในห้างสรรพสินค้า เปิดกิจการ กิจกรรมบางประเภท เช่น ร้านเสริมสวย ร้านนวดฝ่าเท้า ปรับการใช้อาคารของสถานศึกษาและการเปิดใช้สนามกีฬา ทั้งนี้ ขอให้ติดตามผลการประชุม ศบค.อีกครั้ง​ นอกจากนั้นทุกพื้นที่ยังคงปิดสถานบริการ สถานบันเทิง และสถานบริการอื่นในลักษณะคล้ายกัน
    น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติยังได้มีมติสำหรับมาตรการเปิดประเทศอย่างปลอดภัยให้เปิดเป็นจุดๆ ไปตามความพร้อม โดยประชาชนต้องฉีดวัคซีนครบ ให้มีภูมิคุ้มกัน รวมถึงตรวจหาเชื้อเชิงรุก และดำเนินมาตรการ Universal Prevention หรือการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมาตรการที่เราทำอยู่แล้ว เช่น ออกจากบ้านเมื่อจำเป็น กลุ่มเสี่ยงงดออกจากบ้าน เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เป็นต้น เพื่อเตรียมตัวให้ประเทศเข้าสู่ระยะเปลี่ยนผ่าน เมื่อได้รับวัคซีนและมีผู้ป่วยไม่เกินกว่าศักยภาพที่ระบบสาธารณสุขรองรับได้ หลังจากนี้เราต้องเรียนรู้การปรับใช้ชีวิตให้อยู่กับโควิด ในอนาคตโควิดอาจเป็นโรคประจำถิ่นเหมือนโรคไข้หวัดใหญ่ที่คนเป็นเองแล้วก็หายได้ ซึ่งในหลายประเทศมีมาตรการลักษณะแบบนี้ที่ประชาชนเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่กับโควิด
    ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาฯ และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และคณะ รับหนังสือจาก น.ส.สมเพชร ศรีชัยโย ผู้แทนนายกสมาคมส่งเสริมพัฒนาอาชีพเสริมสวยและช่างตัดผมไทย เรื่องข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาลใน 2 ประเด็นคือ 1.ขอให้รัฐบาลพิจารณายกเลิกคำสั่งปิดร้านที่เป็นสถานประกอบการที่ให้บริการทำผมและความงาม 2.ขอให้รัฐบาลจัดสรรวัคซีนให้คนในอาชีพช่างทำผมและความงาม เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ 
    ด้าน นพ.เฉวตสรร​ นาม​วาท​ ผู้​อำนวยการ​กอง​ควบคุม​โรค​และ​ภัย​สุขภาพ​ใน​ภาวะ​ฉุกเฉิน​ กรมควบคุม​โรค​ กล่าวถึงกรณีพบเชื้อโควิดสายพันธุ์ย่อยของเดลตาว่า เชื้อสายพันธุ์ย่อยนี้ไม่ใช่พบแต่เราที่เดียว แต่เป็นเชื้อสายพันธุ์ย่อยที่มีการพบเจอไปทั่วโลก และไม่ใช่ชื่อสายพันธุ์ไทยอะไรทั้งสิ้น
    "เรื่องความรุนแรง ต้องบอกว่ายังไม่มีการจัดระดับว่ารุนแรงหรือไม่ อย่างไร แต่ก็จะมีการจัดลำดับต่อไปอีก ต้องรอดูว่าเชื้อมีการแพร่กระจายเร็วหรือไม่ หากไม่เร็วก็คงไม่มีการระบาดใหญ่แบบสายพันธุ์เดลตา จึงยังไม่อยู่ในระดับที่น่ากังกล ซึ่งหากมีความคืบหน้า จะได้รายงานให้สังคมได้รับทราบต่อไป" ผู้​อำนวยการ​กอง​ควบคุม​โรคฯ กล่าว
    จ.สมุทรปราการ นพ.พรณรงค์ ศรีม่วง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ รายงานสถานการณ์โควิดว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 2,237 ราย เป็นผู้ป่วยในพื้นที่จำนวน 1,884 ราย โรงพยาบาลเอกชนรับมารักษาต่อในสมุทรปราการ จำนวน 353  ราย เสียชีวิต 41 ราย เป็นเพศชายจำนวน 25 ราย เป็นเพศหญิง จำนวน 16 ราย อายุระหว่าง 31-93 ปี มีโรคประจำตัว 38 ราย ไม่ระบุ 3 ราย  
    จ.สมุทรสาคร สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร รายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,132 ราย เป็นการค้นหาเชิงรุก 116 ราย ในโรงพยาบาลภายในจังหวัด 829 ราย นอกจังหวัด 187 ราย เสียชีวิต 14 ราย อยู่ ระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาล 20,676 ราย รักษาหายกลับบ้านได้ 129 ราย และอยู่ระหว่างการสังเกตอาการอีก 7,936 ราย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"