ท็อปออฟเดอะทาวน์ยามนี้คงไม่มีเรื่องใดเกินแวดวงสีกากีว่าด้วย แก๊งของผู้กำกับโจ้ หรือ “พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนพล” อดีตผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ และพวกรวม 7 คน ที่ได้ทำการทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติด เพื่อเรียกเงิน 2 ล้านบาท เป็นแม่นมั่น เพราะ มีการโหนกระหน่ำ “ตำรวจ” ในยุคบิ๊กปั๊ด “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” ยังมันมือมันปากกันเลยทีเดียว เรียกว่าผสมโรงตั้งแต่การสลายม็อบไปจนถึงกรณี “ผกก.โจ้” กันให้อีนุงตุงนังทั้งที่เป็นคนละเรื่องและคนละส่วนกัน...๐

แล้วที่เป็นไอ้ห้อยไอ้โหนกันนั้น บางส่วนก็มีน้ำมีเนื้อให้น่าคิด โดยเฉพาะเรื่องการ “ตีเหล็กเมื่อไฟยังร้อน” ในเรื่องการปฏิรูปตำรวจ หรือกฎหมายซ้อมทรมานที่หากอาศัยจังหวะเพลา อาจได้รับเสียงปรบมือดังๆ แทนคำด่าก็เป็นได้...๐

ดูตัวอย่างง่ายๆ อย่าง “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรมที่ออกมาในเรื่องนี้ โดยสั่งให้ “กรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ” ดูแลค่าชดเชยตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 รวมทั้งสิ้น 110,000 บาท ให้แก่ครอบครัวเหยื่อ ผกก.โจ้ เรียกว่าเป็นงานกันเลยทีเดียว...๐

ขณะที่ซีกโหนของฝ่ายค้าน อย่าง “พิชัย นริพทะพันธุ์” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ทวีตบนทวิตเตอร์ในเรื่อง บอกว่า เป็นการ “เลียนแบบผู้นำ!” โดยไปยกเปรียบกับ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีนั้นต้องบอกว่าสะท้อนภาพ “แก่เพราะกินข้าว” จริงๆ การจะด่า “ลุงตู่” หรือ “นายกฯ” นั้นก็ควรต้องมีกาลเทศะและมีเหตุผลกันบ้าง ไม่ใช่แม้แต่เรื่อง “ลมหายใจ” ก็ผิดแล้ว ถ้ายังมีตรรกะผิดเพี้ยนอย่างนี้ก็บอกได้คำเดียวว่า หากเลือกตั้งครั้งใดแล้วพรรคเพื่อไทยเป็นเสียงข้างมากขึ้นมาแล้วได้บริหารประเทศ ก็ ยากที่ “นายเหนือ” ที่ยังทำตัวเป็นสัมภเวสีสิงอยู่ที่ยูเออีจะประเคนเก้าอี้รัฐมนตรีเศรษฐกิจให้ นะจ๊ะจะบอกให้...๐

พูดถึงเรื่องการเมืองแล้วไม่เอ่ยอ้างถึงบทความของ “หัวหน้าพรรคโลกลืม” อย่าง “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ไม่ได้ เพราะล่าสุดได้มาเรียงหน้ากระดานแถลงแคมเปญใหม่แล้วจ้าพี่น้อง โดยงานนี้เป็นการเชิญบรรดาสมาชิกและสาวกทั้งหลายลงชื่อบนเว็บไซต์ Change.org เพื่อแสดงพลังขับไล่ “บิ๊กตู่” เรียกว่าโหมโรงก่อนกฐินอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่แหม! อยากจะขำเป็นประดา เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการขอข้อมูลจากประชาชนเพื่อจะเอาไปอภิปรายรัฐบาล ตอนนี้ยังมาให้ประชาชนมาร่วมลงชื่อขับไล่อีก แล้ว ที่สำคัญคือไม่บอกลิมิตเสียด้วยว่าจะรณรงค์ไปถึงเมื่อไหร่ และต้องการจำนวนเท่าใด แล้วหากถึงแล้วจะมีผลอะไรบ้างนอกจากเอาไปแอบไปอ้างเพื่อด่า “รัฐบาล” ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ....๐

แล้วอยากจะบอกเสียเหลือเกินว่าเรื่องอย่างนี้อย่าหาทำ เพราะหากซีกรัฐบาลหรือบรรดากองเชียร์ลุงตู่ ไปยกกรณี “สัมภเวสีแม้ว” และ “นายกฯ แคตวอล์กนารีปู” ขึ้นมาเป็นแบบสอบถามว่าอยากให้กลับมาเมืองไทยรับโทษติดคุกหรือไม่อย่างไร แล้วจะกลายเป็น “หอกสนองคืนผู้ใช้” นะจ๊ะตัวเอง แล้วยัง ไม่รู้ในอนาคตที่การเมืองจะพลิกผันหากมีการใช้แนวทางแบบนี้ขึ้นมา แล้วรัฐบาลเพื่อไทยยามนั้นจะหน้าด้านหน้าทนอยู่ได้หรือไม่อย่างไรจ๊ะ...๐

หันกลับมาเรื่อง “โควิด-19” กันบ้าง เพราะล่าสุดทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อไปแล้ว 214,081,364 คน และเสียชีวิต 4,466,768 คน ในส่วนของ “ไทยแลนด์” นั้นก็ขยันขยับอันดับโลกเสียเหลือเกิน เพราะล่าสุดก็มาอยู่ที่ 32 จาก 220 ประเทศและดินแดนผู้ติดเชื้อทั่วโลกแล้ว โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อ 1,102,368 คน และเสียชีวิตทะลุหลักหมื่นไปแล้ว โดยอยู่ที่ 10,085 ราย และดูจากอันดับก่อนหน้าของไทยที่ทั้งสวีเดน ปากีสถาน และเบลเยียมในการติดเชื้อรายวัน ก็ บอกได้คำเดียวว่าแม้พี่ไทยจะมีการติดเชื้อต่ำกว่า 2 หมื่นคนในช่วงนี้ก็ตามที แต่เชื่อว่าสัปดาห์หน้าไทยจะก้าวขึ้นไปอยู่ในประเทศท็อป 30 แน่นอน...๐

งานนี้จึงอยาก ดึงรั้งให้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะนั่งหัวโต๊ะประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันศุกร์ที่ 27 ส.ค. นี้คิดสะระตะให้ดีในเรื่องการคลายล็อก ซึ่งเราเข้าใจได้ว่าการจะใช้เงินกู้ หรือเงินแจกพยุงเศรษฐกิจอย่างเดียวคงไม่ไหว แต่การ “ชิงสุกก่อนห่าม” ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ การจะคลายล็อกโดยให้นั่งกินในร้านอาหารนั้นบอกได้คำเดียวว่า “เสี่ยง” อย่างยิ่ง วิธีคลายล็อกแทนที่จะเป็นการเพิ่มเวลาจะปิดร้าน 2 ทุ่มเป็น 3 หรือ 4 ทุ่มยังดีกว่า รวมทั้งเรื่องของการซื้อเดลิเวอรีที่ควรจะเปิดช่องให้มากกว่าบรรดาไรเดอร์ทั้งหลายน่าจะเป็นทางออกและทางแก้มากกว่าการเปิดให้นั่งในร้าน ที่เผลอๆ อาจทำได้เพียงไม่ถึงครึ่งเดือนแล้วสุดท้ายต้องมาล็อกดาวน์ขนานใหญ่กันอีกรอบ เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งจากคลัสเตอร์ทั้หลายแหล่...๐

ท.ศักดิ์