ครม.ไฟเขียวขยายเวลาเก็บ VAT 7% อีก 2 ปี 1 ต.ค.64 - 30 ก.ย.66 รับทราบมาตรการยืดยื่นแบบภาษี ช่วยเพิ่มสภาพคล่อง ศก. 1.81 แสนล้านบาท เคาะ 3.5 พันล้านฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก สั่งทบทวน "เราเที่ยวด้วยกัน-ทัวร์เที่ยวไทย"
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบขยายระยะเวลาการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่จะครบกำหนดวันที่ 30 ก.ย.2564 ต่อไปอีกเป็นเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2564 ถึงวันที่ 30 ก.ย.2566 โดยยังคงจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณีในอัตราเดิม คือ ร้อยละ 7 (รวมภาษีท้องถิ่น) หรืออัตราร้อยละ 6.3 (ไม่รวมภาษีท้องถิ่น) ทั้งนี้ การขยายระยะเวลาลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยคงอัตราเดิมร้อยละ 7 จะไม่มีผลกระทบต่อการประมาณการรายได้ในปีงบประมาณ พ.ศ.2565 และ พ.ศ.2566 เนื่องจากในการจัดทำงบประมาณได้มีการคำนวณประมาณการรายได้ โดยใช้ข้อมูลพื้นฐานการคำนวณของอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ในอัตราร้อยละ 7 แล้ว
ด้าน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า ครม.รับทราบมาตรการภาษีบรรเทาผลกระทบของประชาชนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการ การนำส่ง และการชำระภาษีอากรผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้อยู่ในมือประชาชนและผู้ประกอบการในระบบเศรษฐกิจประมาณ 181,221 ล้านบาท นอกจากนี้ยังงดหรือลดเบี้ยปรับสำหรับกรณีที่ประชาชนและผู้ประกอบการไม่สามารถยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีธุรกิจเฉพาะภายในกำหนดเวลา หรือยื่นแบบแสดงรายการผิดพลาด สำหรับแบบที่ต้องยื่นภายในเดือน ก.ย.-ธ.ค.2564 ทั้งนี้ กรมสรรพากรได้ลดค่าปรับทางอาญากรณีดังกล่าวให้เหลืออัตราต่ำสุด โดยหากมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ลดเหลือ 1 บาท หากมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท ลดเหลือ 2 บาท ทั้งนี้ เนื่องจากค่าปรับทางอาญาเป็นการเปรียบเทียบปรับแทนการฟ้องร้องดำเนินคดี จึงไม่อาจงดค่าปรับให้ได้
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ เสนอทบทวนช่วงระยะเวลาดำเนินโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และโครงการทัวร์เที่ยวไทย พร้อมกำหนดเงื่อนไขและรายละเอียดโครงการ หากทั้ง 2 โครงการดำเนินการไม่ได้ภายในเดือน ต.ค.นี้ให้ยุติโครงการ และคืนวงเงินกู้ตามขั้นตอน ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยขยายระยะเวลา “โครงการกำลังใจ” จากเดิมที่สิ้นสุดระยะเวลาเบิกจ่ายภายในเดือน ส.ค.เป็นเดือน ธ.ค.2564
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊กว่า ครม.ได้เห็นชอบข้อเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก เป็นครั้งที่ 2 เพิ่มเติมอีก 12 จังหวัด วงเงินรวม 3,587.21 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับที่ได้อนุมัติไปแล้ว 23 จังหวัด วงเงินรวม 6,170.65 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 35 จังหวัด จำนวนโครงการที่ผ่านการอนุมัติ 4,303 โครงการ รวมกรอบวงเงินจัดสรรที่ 9,757.86 ล้านบาท โดยโครงการทั้งหมดแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ โครงการพัฒนาสินค้า ท่องเที่ยวบริการและการค้า โครงการยกระดับประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการเกษตร โครงการส่งเสริมและพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน เพื่อพัฒนาทักษะอาชีพของประชาชนให้สูงขึ้น และโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานชุมชน
ซึ่งทั้งหมดเป็นโครงการระยะเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตจากสถานการณ์โควิด-19 มีระยะเวลาในการดำเนินการระหว่างเดือน ส.ค.-ธ.ค.64 คาดว่าจะก่อให้เกิดการจ้างงานอย่างน้อย 95,500 คน มีผู้ได้รับประโยชน์มากกว่า 18 ล้านคน ทั้งนี้ ยังจะมีการอนุมัติครั้งต่อๆ ไปในจังหวัดอื่นๆ ซึ่งในขณะนี้มีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายลง รัฐบาลจึงต้องเตรียมมาตรการในการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากให้ถึงประชาชนแต่ละจังหวัดให้มากที่สุดและเร็วที่สุด เพราะภายในสิ้นปีนี้เราจะก้าวไปสู่การร่วมกันสร้างประเทศขึ้นมาใหม่ด้วยกันอย่างยั่งยืนและมั่นคง เพื่อประโยชน์และความเป็นอยู่ที่ดีของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |