24 ส.ค.64-ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย บรรณาธิการบริหาร เพื่อวางกลยุทธ์สื่อสาร ศบค.  โพสต์เฟซบุ๊กว่าขอเรียนตามตรงว่าทำงานท่ามกลางความแตกแยกนี่มันยากมากจริงๆ เพราะมีหลายสิ่งหลายอย่างเป็นอุปสรรคที่อาจทำให้ท้อใจได้

ฝ่ายตรงกันข้ามคอยจ้องจับผิด บิดเบือนความหมายของเนื้อหา ที่เขาเรียกว่า hijacking คือเราตั้งใจจะพูดอย่าง เขาเอาไปตีความอีกอย่างให้เสียหาย

บางคนตีความคำพูดของเราผิดจากที่เราตั้งใจจะพูดรุนแรง จนทำให้มีคนตำหนิการทำงานของเราเพราะเข้าใจข้อความที่เราพยายามสื่อผิดๆ

บางคนทำหน้าที่เป็นตำรวจภาษา  ตำหนิการใช้คำ การใช้ภาษา บางทีก็ไม่เข้าใจว่าเราตั้งใจสื่ออะไรจึงใช้คำนั้นๆ เลยมองว่าเราใช้คำผิด

ผู้สื่อข่าวบางคนขอสัมภาษณ์ แค่เริ่มต้นคำถามก็เป็น loaded question (คำถามที่สะท้อนอคติ) เช่น "ที่อาจารย์ทำนี่เป็น propaganda ของรัฐบาลหรือเปล่าคะ" 

ผู้สื่อข่าวที่มาขอสัมภาษณ์บางคนก็น่ารัก แต่ก่อนข่าวถูกนำเสนอ ก็ยังต้องผ่านด้าน rewriter ว่าจะตัดเติม ต่อ ตีความอย่างไร แล้วยังมีคนพาดหัวข่าวอีก ว่าจะพาดหัวอย่างไร และยังต้องเผชิญกับคนอ่านข่าวที่มีอคติกับรัฐบาลบ้าง

บางคนเคยชอบพอกัน เคยนับถือกัน พอรู้ว่าเราทำงานตามที่รัฐบาลแต่งตั้งเท่านั้นแหละ การเคารพนับถือที่เคยให้เกียรติกันหายไปเลย (รัฐบาลคิดผิดไหมนะที่ประกาศแต่งตั้งเรา)

คนที่เห็นด้วยกับเราก็ไม่ค่อยกล้าช่วยแชร์ข้อความของเราเพราะ กลัวทัวร์ลง ทำให้สิ่งที่เราพูด เข้าถึงผู้คนได้ไม่มากเท่ากับของฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐบาล

บางคนแชร์ไปแล้ว พอมีทัวร์ลง เช่น ถูกท้วงบางจุด ก็ลบ post ทั้งหมด แทนที่จะชี้แจง หรือขอโทษและแก้ไขเฉพาะจุดที่ผิดพลาด เมื่อลบโพสท์ทั้งหมดก็โดนด้อยค่า

ในทางตรงกันข้าม ฝ่ายตรงกันข้ามที่เข้ามาด่า มาตำหนิ กลับมีคนช่วยแชร์เป็น viralมีคนได้พบเห็นมากมาย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว share of voice ของเราจะสู้เขาได้อย่างไร

การหาสาระมีสื่อสารก็ยาก เพราะมีข้อมูลจากหลายฝ่ายที่ไม่ตรงกัน ไม่รู้จะหยิบเอาเรื่องไหนมานำเสนอ ถ้าตัดสินใจผิดพลาด เชื่อเนื้อหาจากคนที่พูดผิด เราก็พลอยซวยไปด้วย

ถ้าประเทศไทยเรามีความแตกแยกเช่นนี้ เราคงผ่านพ้นวิกฤตโควิดไม่ได้แน่ๆ เพราะการแย้งกันไปมา ไม่ยอมรับข้อมูลกัน จ้องด้อยค่าข้อมูลกัน ประชาชนก็สับสน

บอกตรงๆนะคะ เวลานี้อดคิดไม่ได้ว่ามีคนบางกลุ่ม บางพวกไม่อยากให้ประชาชนเข้าใจบางเรื่อง อยากให้สับสน และไม่พอใจรัฐบาลมากขึ้นเรื่อยๆ จะได้มีแนวร่วมรัฐบาล

บางคนก็ไม่อยากให้รัฐบาลแก้ไขเรื่องโควิดได้สำเร็จ จะได้ไม่สามารถแก้ไขเศรษฐกิจได้ เมื่อประชาชนเดือดร้อน เรื่องปากท้อง ก็จะโกรธรัฐบาล ไม่สนับสนุนรัฐบาล

ไม่รู้คิดแบบนี้บาปหรือเปล่า เพราะอาจจะไม่มีคิดแบบนี้ก็ได้.