"สิระ” ซัด “เสรีพิศุทธ์”เจตนาคว่ำงบฯ ส่วนราชการในพระองค์ การอ้างกดผิดแล้วทำหนังสือขอแก้ไขเหมือน "สภาโจ๊ก" ลั่นต้องแสดงความรับผิดชอบคืนเครื่องราชฯ-คืนยศให้หมด "เรืองไกร” ร้อง กกต.ชงศาล รธน.ยุบพรรคก้าวไกล แบ่งงานกันทำ อภิปราย-แพร่ข้อความงบฯ ส่วนราชการในพระองค์อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองฯ
ที่รัฐสภา วันที่ 23 สิงหาคม นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ แถลงกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย, พล.ต.ท.วิศณุ ม่วงแพรศรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย และ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลงมติไม่เห็นชอบให้ผ่านมาตรา 36 งบประมาณส่วนราชการในพระองค์ ของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ทั้ง 3 คนได้รับพระราชทานยศและเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะพระราชทานให้ ส่วนการลงมติคว่ำมาตรา 36 เป็นอำนาจหน้าที่ของ ส.ส. หมายถึง ส.ส.พรรคก้าวไกลและบุคคลที่กล่าวถึงที่เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ต่อมามีหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ปรากฏในเฟซบุ๊กของนายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย และในเพจเฟซบุ๊กของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ว่าขอแก้มติ ซึ่งตามระเบียบข้อบังคับการลงมติ ถ้าจะแก้ไขต้องแก้ก่อนมีผลว่ามติออกมาเป็นอย่างไร ส่วนกรณีที่เมื่อผลการลงคะแนนออกมาแล้วก็สามารถทำเรื่องได้ คือผู้ที่ลงคะแนนไม่ทัน หรือลงคะแนนผิดพลาด ก็สามารถลุกขึ้นแจ้งประธานในที่ประชุมเพื่อขอเปลี่ยนแปลงได้โดยให้บันทึกไว้ ซึ่งเป็นเพียงแค่การบันทึกไว้ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมติหรือลงมติเพิ่มได้
“การลงมติใช้มือกดโหวต คนเหล่านี้ปฏิเสธว่าไม่ได้เจตนาคว่ำ แต่ใช้มือกดโหวตยังไม่ถูก ถามว่าแบบนี้ไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบอะไรเลยหรือ การกดโหวตต้องใช้สติ จึงอยากถามว่าท่านมีความคิดอย่างไรกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และท่านมีหนังสือถึงประธานสภาฯ ขอเปลี่ยนมติ ซึ่งหนังสือแบบนี้เป็นเพียงสภาโจ๊กเท่านั้น คงต้องยื่นให้กับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่เป็นประธานสภาโจ๊ก เพราะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมติได้ ท่านต้องแสดงความรับผิดชอบต่อการที่ท่านลงมติคว่ำ ด้วยการคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้มา และคืนยศที่ได้รับพระราชทานให้หมด ขอให้ท่านทบทวนพิจารณาตัวเอง การโหวตมาตราอื่นๆทำไมกดถูก แต่มาตรา 36 บอกไม่เจตนาใครจะไปเชื่ออยากหัวเราะดังๆ นี่ไม่ใช่สภาโจ๊กที่จะชักเข้าชักออกเหมือนการชักว่าวได้ ลงมติเหมือนเด็กอนุบาล ตอบผิดแล้วไปขอแก้คำตอบ” นายสิระกล่าว
ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ได้ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยขอให้ กกต.ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าจะต้องมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกลหรือไม่ เนื่องจากพบเห็นการกระทำตามคำร้อง เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ส.ส.พรรคก้าวไกล หลายคนได้ร่วมกันในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ ในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายมาตรา 36 งบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการในพระองค์ เช่น ข้อความที่ว่า “ความจงรักภักดี ไม่ได้วัดกันที่จำนวนหน่วยถวายรักษาความปลอดภัย จำนวนข้าราชบริพาร จำนวนซุ้มเฉลิมพระเกียรติ หรือการใช้ 112 แจกจ่ายประชาชน” หรือ “ทำให้งบสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่โปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้” จึงเป็นหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคก้าวไกลได้กระทำการอัน “อาจเป็นปฏิปักษ์” ตามความในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (2) ที่ควรขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคก้าวไกล ตามมาตรา 92 วรรคสอง ต่อไป
ทั้งนี้ มาตรา 92 ระบุว่า เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการ
อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น
(1) กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
(2) กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |