หลายเดือนที่ผ่านมาประเทศไทย เผชิญกับการกลับมาระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งสร้างความเสียหาย และส่งผลกระทบต่อผู้คนทุกอาชีพ ทุกสถานะ โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่ต้องทำมาหากินและผู้ยากไร้จำนวนมาก ท่ามกลางสถานการณ์ที่วิกฤติครั้งนี้ หลายชีวิตยังคงต่อสู้ ดิ้นรนกับอุปสรรคและความยากลำบากที่เกิดขึ้น เพื่อว่าสักวันหนึ่งจะได้พบกับความหวังครั้งใหม่ “มูลนิธิรามาธิบดีฯ” ในฐานะองค์กรการกุศลที่มุ่งมั่นทำงานเพื่อให้คนไทย เข้าถึงระบบสาธารณสุขที่มีคุณภาพ จึงขอเป็นหนึ่งในพลังขับเคลื่อน ช่วยให้คนไทยกลับมามีชีวิตที่ดีอีกครั้ง ผ่านการระดมทุนเพื่อจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้เพียงพอกับสถานการณ์ที่เร่งด่วน ควบคู่ไปกับการยื่นมือให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโรคระบาดนี้
“อ. พญ.สโรชา อิทธิอมรกุลชัย” กุมารแพทย์เวชบำบัดวิกฤต ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ เล่าว่า “โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ จ.สมุทรปราการ ได้รับการส่งตัวผู้ป่วยรายนี้ มาจากอีกโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเด็กหญิงชาวต่างชาติ อายุ 9 เดือน และเป็นผู้ป่วยเด็กที่อายุน้อยติดโควิด-19 และมีอาการค่อนข้างรุนแรง ที่สร้างความท้าทายให้กับทีมบุคลากรการแพทย์ เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการปอดอักเสบขั้นรุนแรง จนต้องใส่ท่อช่วยหายใจ และต้องการเครื่องช่วยหายใจและห้องไอซียูความดันลบ แม้จะเป็นช่วงที่ดึกมากแล้วในคืนนั้นเราก็รีบรับมาเพื่อทำการรักษาทันทีเพราะ “ทุกนาทีหมายถึงชีวิตของเด็กคนหนึ่ง ซึ่งรอไม่ได้”
ความท้าทายสำหรับผู้ป่วยรายนี้คือ ถึงแม้เราจะมีองค์ความรู้จากผู้ป่วยโควิด 19 ผู้ใหญ่ที่มีอาการปอดอักเสบรุนแรงมากขึ้นกว่าเมื่อปีที่แล้ว แต่สำหรับอาการรุนแรงในเด็กนั้น พบได้น้อยมากและในช่วงเวลานั้นหนูน้อยคนนี้น่าเป็นผู้ป่วย รายแรกในไทยที่อาการรุนแรง จนต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ในการรักษามีการประชุมหารือจากทีมกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านโรคติดเชื้อ ทางเดินหายใจ เวชบำบัดวิกฤต ระบบหัวใจ และด้านโลหิต มาช่วยกันวางแผนการรักษากันเป็นประจำ
ทุกคนต่างก็ทำงานแข่งกับเวลา เนื่องจากอาการของผู้ป่วยก็เริ่มทรุดลงเรื่อยๆ จากอาการทางปอดที่รุนแรงขึ้น แต่ทีมแพทย์-พยาบาล ก็ไม่ย่อท้อช่วยกันดูแลอย่างเต็มความสามารถ ภายใต้ชุด PPE ที่เป็นทั้งเครื่องป้องกันการติดเชื้อ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เหนื่อยมาก พอถอดชุดมาเหงื่อเปียกชุ่มไปหมด เพราะต้องเข้าไปดูแลผู้ป่วยเป็นเวลานาน ทั้งการให้ยา วัดค่าออกซิเจน ใช้อุปกรณ์ช่วยขับเสมหะและพ่นยาแบบพิเศษ ดูแลท่อช่วยหายใจ และให้ยาลดความดันปอด ทั้งหมดนี้ก็เพื่อรักษาและบรรเทาอาการของโรค การทำงานยิ่งเพิ่มความยากขึ้นไปอีก เพราะเด็กยังเล็กมาก ทั้งการสื่อสารระหว่างหมอกับญาติผู้ป่วยยากจริงๆ ค่ะ ด้วยภาษาที่ต่างกัน การรักษาเป็นไปอย่างสุดกำลังความสามารถ จนในที่สุดเราก็สามารถช่วยเหลือ จนหนูน้อยหายเป็นปกติ พ่อแม่ได้ลูกที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ กลับไปอยู่ในอ้อมอก ส่วนหมอ-พยาบาล ก็ได้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของหนูน้อยวัย 9 เดือน เป็นรางวัลตอบแทน จนได้เดินทางกลับประเทศบ้านเกิดอีกครั้ง และต้องขอขอบคุณธารน้ำใจของผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน ที่ร่วมกันบริจาคเงินผ่านมูลนิธิรามาธิบดีฯ ใน “โครงการเพื่อผู้ป่วยยากไร้”
ในยามวิกฤตเช่นนี้ ทุกคนสามารถเป็นแสงสว่างแห่งความหวัง เพื่อสร้างโอกาสใหม่ให้กับชีวิตผู้ป่วยยากไร้ ด้วยการร่วมสนับสนุนเงินบริจาคเพื่อสมทบทุนเข้า “โครงการเพื่อผู้ป่วยยากไร้” ในการจัดหาเงินทุนสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และมอบค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่นๆ ในการดำรงชีพให้แก่ผู้ป่วยยากไร้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ รวมไปถึงการจัดหาเครื่องมือทางการแพทย์ ที่มีประสิทธิภาพและทันสมัย เพื่อช่วยในการรักษาให้ผู้ป่วยยากไร้ได้กลับมามีชีวิตที่ดีอีกครั้ง ผ่านมูลนิธิรามาธิบดีฯ ชื่อบัญชี มูลนิธิรามาธิบดี ธนาคารกสิกรไทย เลขที่ 879-2-00448-3, ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่ 026-3-05216-3, ธนาคารกรุงเทพ เลขที่ 090-3-50015-5 และบริจาคออนไลน์ www.ramafoundation.or.th สอบถามโทร. 0-2201-1111 และเราจะร่วมกันสู้เพื่อก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน #คำว่าให้ไม่สิ้นสุด
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |